ตอนที่ 1043 ไม่จำเป็น (2) / ตอนที่ 1044 ไม่จำเป็น (3)
ตอนที่ 1043 ไม่จำเป็น (2)
คำพูดไม่กี่คำของจวินอู๋เสียทำให้สยงป้ากับชิงอวี่สบายใจมากขึ้น
แม้ว่าจวินอู๋เสียจะพูดแค่สี่คำ แต่มันก็ทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจขึ้นมากทีเดียว
“อะแฮ่ม ว่าแต่ว่า ท่านว่าวันนี้หลินเฟิงมีอะไรผิดปกติไปหรือเปล่า ทุกอย่างกำลังดีอยู่แท้ๆ เขาก็เกิดรนหาที่ตายขึ้นมาต่อหน้านังแม่มดแก่ชวีซินรุ่ยนั่น ปกติเขาอาจจะหยิ่งจองหองมากอยู่นะ แต่ต่อหน้าชวีซินรุ่ยเขาก็ทำตามมารยาทอยู่ตลอด แล้ววันนี้กินโอสถผิดมาหรืออย่างไร ถึงได้ดูเสียสติไปแบบนั้น” สยงป้าที่รู้สึกโล่งอกแล้วก็เปลี่ยนเรื่องพูดทันที
หลินเฟิงเป็นคนแรกในเมืองพันอสูรที่กล้าตบหน้าชวีซินรุ่ยระหว่างงานเลี้ยงวันเกิดของนาง และเนื่องจากสยงป้าไม่ชอบหลินเฟิงเอามากๆ เมื่อได้เห็นชวีซินรุ่ยถูกทำให้โกรธถึงขนาดนั้น เขาก็รู้สึกพอใจมากทีเดียว
“เขากินโอสถผิดไปจริงๆ นั่นแหละ” จวินอู๋เสียพูดหน้าตาเฉย มุมปากยกขึ้นจนเกือบจะเป็นรอยยิ้มเยาะ
ไม่มีใครรู้ว่าตอนที่หลินเฟิงยกจอกสุราให้นาง เขาได้วางยาในสุราด้วย
ตอนที่จอกสุราถูกนำมามันก็มียาพิษอยู่ในนั้นแล้ว คนอื่นอาจจะจับไม่ได้ แต่จวินอู๋เสียดมเพียงครั้งเดียวก็รู้แล้วว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล กลิ่นจางๆ นั้นถูกกลิ่นแอลกอฮอล์กลบจึงเข้าใจผิดได้ง่ายว่ามันคือกลิ่นสุรา แต่มันก็ไม่รอดพ้นสัมผัสอันเฉียบคมของจวินอู๋เสีย
น่าเสียดายที่ในโลกนี้ยังไม่มีโอสถพิษที่สามารถจัดการกับนางได้
ในเมื่อหลินเฟิงกล้าเล่นเกมกับนาง นางก็ต้องตอบแทนหน่อยสิ
ของขวัญที่ให้มาก็ต้องตอบแทนกลับไป มันเป็น ‘มารยาท’ ที่ควรทำ
ตอนที่จวินอู๋เสียเทสุราให้หลินเฟิง นางก็หยิบเอาเข็มเงินออกมาซ่อนไว้ระหว่างนิ้ว ตอนที่เทสุราก็เทผ่านปลายเข็ม เข็มเงินของนางเล็กและบาง นางเผยมันออกมาแค่เล็กน้อยจึงไม่มีใครมองเห็นเลย
ชิงอวี่มองไปที่จวินอู๋เสีย คำพูดของนางทำให้เขารู้สึกว่าที่เขาเดาเอาไว้ในใจมันชัดเจนขึ้น จึงอดถามไม่ได้ว่า “คุณชายจวิน…ท่านวางยาหลินเฟิงหรือขอรับ”
สยงป้าเบิกตากว้าง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดเลยสักนิดว่าจวินอู๋เสียจะวางยาหลินเฟิงได้
“อืม” จวินอู๋เสียพยักหน้าโดยไม่ปิดบัง
สยงป้ามีสีหน้าตกตะลึงขณะที่สีหน้าของชิงอวี่แสดงออกว่าได้เดาเรื่องนี้เอาไว้อยู่แล้ว
“ข้าก็คิดอยู่ว่าทำไมจู่ๆ หลินเฟิงถึงกลายเป็นคนโง่ขึ้นมา ตอนแรกข้าก็แค่สงสัย จนกระทั่งเห็นสัญญาณที่ท่านส่งมา ข้าถึงได้เข้าใจทันทีว่าทั้งหมดนั้นเป็นฝีมือของท่าน” ชิงอวี่พูด
ถ้าไม่ใช่สายตาที่จวินอู๋เสียมองมา เขาก็คงไม่พูดอย่างนั้นออกไป
“ท่านวางยาเขาอะไรเขาอย่างนั้นหรือ” ชิงอวี่ถามอย่างใคร่รู้
“ก็แค่ของเล่นไร้สาระน่ะ มันไม่ฆ่าเขาหรอกแต่จะทำให้การควบคุมตัวเองของเขาอ่อนลง” จวินอู๋เสียพูดเสียงเย็นชา นั่นนับเป็นโอสถพิษไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่มันจะมีผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของคน ขุดเอาความรู้สึกแง่ลบออกมาและทำให้เขาปลดปล่อยสิ่งที่เก็บเอาไว้ในใจออกมาทั้งหมด นั่นเป็นโอสถวิเศษที่นางพัฒนาขึ้นตามคำขอขององค์กรเพื่อใช้กับสมาชิกขององค์กรที่เก็บกดตัวเองมานานเกินไปให้พวกเขาได้ระบายความรู้สึกออกมา โอสถวิเศษนั่นมีฤทธิ์อยู่ได้ไม่นาน หลังจากที่พวกเขาระบายออกมา สิ่งที่ต้องทำก็คือกระตุ้นแรงๆ แล้วฤทธิ์โอสถวิเศษก็จะหายไป เป้าหมายก็จะได้สติกลับมา
ในด้านการสร้างความเสียหาย โอสถวิเศษนี้จัดได้ว่าเป็นโอสถวิเศษที่ฤทธิ์บางเบาที่สุดเท่าที่นางมี
แต่…
ในสถานการณ์ที่พิเศษและในเวลาที่พิเศษ มันก็สามารถสร้างผลกระทบที่น่าทึ่งได้
ด้วยนิสัยใจแคบและอาฆาตพยาบาทของชวีซินรุ่ย นางจะยอมให้เด็กไร้ค่าอย่างหลินเฟิงมาดูหมิ่นนางในงานเลี้ยงวันเกิดของนางได้อย่างไร
ตอนที่ 1044 ไม่จำเป็น (3)
จวินอู๋เสียไม่จำเป็นต้องจัดการกับหลินเฟิงด้วยมือของตัวเองด้วยซ้ำ นางแค่ส่งยากระตุ้นเข้าไปในร่างกายของหลินเฟิงสักเล็กน้อย แล้วที่เหลือชวีซินรุ่ยจะช่วยนางจัดการเอง
บางครั้งการจัดการกับฝ่ายตรงข้ามก็ไม่จำเป็นต้องทำให้มือของตัวเองแปดเปื้อนหรอก
สยงป้ากับชิงอวี่มองจวินอู๋เสียแล้วพากันตัวสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ
คราวนี้หลินเฟิงจบเห่แน่แล้ว ตกอยู่ในกำมือของชวีซินรุ่ยแบบนี้ต่อให้รอดชีวิตมาได้ อย่างน้อยๆ ก็พิการแน่นอน จวินอู๋เสียยืมมือฆ่าคนได้อย่างรวดเร็ว เร็วมากเสียจนหลินเฟิงก็ยังไม่รู้ว่าจวินอู๋เสียคือผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด
เห็นจวินอู๋เสียตัวเล็กๆ ผอมๆ หน้าตาธรรมดาแบบนี้ แต่สมองอันชาญฉลาดนั้น…
ฟู่
ทั้งสองคนลอบบอกกับตัวเองว่าพวกเขาจะไม่มีวันมีเรื่องกับคนผู้นี้อย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นตอนที่ตายพวกเขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรฆ่าพวกเขา
พอทั้งสามคนกลับไปถึงตึกเพลิงพิโรธ พวกเขาก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน
จวินอู๋เสียนั่งลงในห้องของตัวเองแล้วดีดนิ้วเรียกเยี่ยซาซึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นทันที
“คุณหนูใหญ่”
“พบอะไรบ้างหรือไม่” จวินอู๋เสียถามพลางมองเยี่ยซา
เยี่ยซาตอบว่า “ในหอเมฆาสวรรค์มีคนที่มีพลังวิญญาณขั้นสีม่วงและเหนือกว่าอยู่สี่คน คนที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ใช่ชวีซินรุ่ยหรอกขอรับ พลังวิญญาณของชวีซินรุ่ยไม่ได้สูงที่สุดในสี่คนนั้น”
“อย่างนั้นหรือ” จวินอู๋เสียเลิกคิ้ว สยงป้าบอกนางว่าพวกยอดฝีมือที่อยู่รอบตัวชวีซินรุ่ยเป็นลูกน้องของนางทั้งหมด แต่ถ้านางเป็นอย่างที่เยี่ยซาบอก ถ้าอย่างนั้นเรื่องก็ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่ดูเหมือนว่าจะเป็น กฎทั่วไปของพวกสิบสองตำหนักคือผู้แข็งแกร่งที่สุดคือผู้อยู่รอด เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นคนที่เกิดมาในตระกูลสูงศักดิ์ ไม่อย่างนั้นพลังวิญญาณที่พวกเขามีจะเป็นเสียงที่ดังที่สุด
ชวีซินรุ่ยไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่คนพวกนั้น และนางก็เป็นคนที่เกิดในสามโลกเบื้องล่าง ตามเหตุผลแล้วนางไม่น่าจะมีตำแหน่งสูงกว่าอีกสามคน
“ดูเหมือนว่าชวีซินรุ่ยจะเป็นแค่คนออกหน้าสินะ” จวินอู๋เสียลูบคางครุ่นคิด
“มีอีกเรื่องหนึ่งขอรับ ข้าน้อยพบว่ามันค่อนข้างน่าสงสัย” เยี่ยซาพูด
“อะไรหรือ”
“ข้าน้อยรู้สึกถึงพลังแปลกๆ ในหอเมฆาสวรรค์ คลื่นพลังนั้นทำให้ข้าน้อยนึกถึงตำหนักหวนจิตที่เป็นหนึ่งในสิบสองตำหนัก ตำหนักหวนจิตเป็นเลิศด้านการใช้จิตวิญญาณให้เป็นประโยชน์ ถ้าความรู้สึกของข้าน้อยถูกต้อง ในหอเมฆาสวรรค์น่าจะมีการใช้เครื่องมือจิตวิญญาณจากตำหนักหวนจิตอยู่นะขอรับ” เยี่ยซาพูด
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่ามันคืออะไร”
“ไม่ขอรับ ข้าน้อยไม่มีเวลาพอ คนของตำหนักหวนจิตอีกสามคนอยู่ที่ชั้นนั้น ข้าน้อยไม่สามารถตรวจสอบไปมากกว่านี้ได้โดยไม่ทำให้พวกเขาไหวตัว”
จวินอู๋เสียพยักหน้า อย่างน้อยนางก็รู้ว่าคู่ต่อสู้ของพวกนางเป็นคนของตำหนักหวนจิต
……
ที่หอเมฆาสวรรค์ เหล่าชายหนุ่มคนโปรดถูกไล่ออกไปจนหมดและถูกส่งไปอยู่ที่ชั้นสอง ทางขึ้นบันไดก็ถูกเฝ้าเอาไว้
ชวีซินรุ่ยนั่งมองเงาสะท้อนอันงดงามของตัวเองอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งบนชั้นเจ็ด ใบหน้าอันงดงามน่าหลงใหลสะท้อนอยู่ในกระจกทองแดง แต่สีหน้าไม่ได้มีความชื่นชมหรือพอใจเลยแม้แต่น้อย
ชวีซินรุ่ยขมวดคิ้ว สายตาจ้องเขม็งไปที่กระจกพลางกวาดสายตาไปที่เงาสะท้อนของดวงตา คิ้ว ปาก และจมูก ก่อนจะก้มลงมองที่ข้อมือของตัวเอง
มีรอยย่นอยู่ที่ข้อมือของนางขนาดเท่าฝ่ามือ เมื่อเทียบกับผิวหนังตรงจุดอื่นที่เรียบเนียน มันได้เสียความเต่งตึงและกลายเป็นสีเหลืองเข้มที่เต็มไปด้วยรอยย่นพร้อมกับมีจุดสีน้ำตาลจางๆ กระจายอยู่ทั่วผิวหนังส่วนนั้น
ดวงตาของชวีซินรุ่ยเต็มไปด้วยความกลัวและตื่นตระหนก นางเอาแต่ยื่นมือออกไปด้วยความอยากจะถูเอาผิวเหี่ยวย่นนั้นออกแต่ก็ไม่มีประโยชน์ ชวีซินรุ่ยว้าวุ่นใจจนคลุ้มคลั่งก็กวาดเอาทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งหล่นลงบนพื้น!
เสียงของตกดังลั่นอยู่ในหอเมฆาสวรรค์กลางดึกคืนนั้น