ตอนที่ 1041 กรรมตามสนอง (5) / ตอนที่ 1042 ไม่จำเป็น (1)
ตอนที่ 1041 กรรมตามสนอง (5)
“ท่านยาย!” ทันทีที่เห็นหลินเฟิงถูกเอาตัวออกไป หลินเชวียก็ตกใจมาก
“เจ้ามีความเห็นอย่างนั้นหรือ” ชวีซินรุ่ยยิ้มอย่างเย็นชาให้หลินเชวีย
หลินเชวียตัวแข็งทื่อ เขาอ้าปากค้าง ตัวสั่นระริกจนได้ยินเสียงฟันของเขากระทบกันเบาๆ เขาทรุดตัวลงก้มศีรษะคำนับกับพื้น ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
“ท่านยายได้โปรดเมตตาข้าด้วยเถิดขอรับ! ข้าผิดไปแล้ว! ข้าผิดไปแล้ว!” หลินเฟิงถูกเอาตัวออกไปเช่นนั้น ก็ไม่มีกะจิตกะใจห่วงเรื่องความเจ็บปวดของตัวเองอีก เขาได้ยินว่าชวีซินรุ่ยต้องการให้สั่งสอนเขาและรู้ว่าคราวนี้เขาเดือดร้อนหนักแน่ เขาจึงไม่อาจทำอะไรได้นอกจากวิงวอนขอความเมตตาเสียงดัง
“ท่านพ่อ! ช่วยด้วย…ช่วยข้าด้วย…” น้ำเสียงของหลินเฟิงหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
เขาทำพลาดไปแล้ว เขารู้แล้วว่าเขาผิดพลาดมาโดยตลอด เขาไม่คิดเลยว่าจวินเสียคือฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน ถ้าเขารู้เขาจะเข้าใจเจตนาของชวีซินรุ่ยที่พยายามจะเอาชนะใจจวินเสียทันที และจะไม่กล้าหยาบคายไม่มีมารยาทกับจวินเสียขนาดนี้แน่
แต่หลินเฟิงไม่รู้ว่าทำไมเมื่อครู่เขาถึงไม่สามารถยั้งตัวเองเอาไว้ได้เลย ทำให้เขาพูดจาหาเรื่องใส่ตัวแบบนั้น
น่าเสียดายที่ชวีซินรุ่ยไม่สนใจ และหลินเชวียก็ไม่กล้าสนใจ
หลินเฟิงถูกบุรุษผู้นั้นลากลงบันไดไป และเมื่อร่างของเขาหายลับจากสายตา เสียงกรีดร้องของเขายังคงก้องสะท้อนอยู่ในงานเลี้ยง
ชวีซินรุ่ยเอนหลังพิงตั่งยาวช้าๆ และมองไปที่หลินเชวียที่กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้นแล้วพูดว่า “ข้าจะสั่งสอนเขาที่นี่สักสองสามวันแล้วจะส่งตัวเขากลับไปให้เจ้า เจ้าลุกขึ้นได้แล้ว”
หลินเชวียเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ขอบคุณท่านยายที่ใส่ใจขอรับ”
เขาลุกขึ้นและเดินกลับเข้าที่นั่งไปอย่างเงียบๆ หลังจากนั้นก็ไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย
บนพรมยังคงมีรอยโลหิตของหลินเฟิงอยู่ผสมกับกลิ่นคาวโลหิตที่กระจายอยู่ทั่วห้อง
แล้วเสียงพิณก็ดังขึ้นราวกับไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย
รอยยิ้มกลับคืนสู่ใบหน้าของชวีซินรุ่ย นางหันไปมองจวินอู๋เสียที่นั่งอยู่ข้างๆ “คุณชายจวินโปรดอย่าใส่ใจ ให้ข้าดื่มให้ท่านดีกว่า”
จวินอู๋เสียยกจอกสุราขึ้น ยอมรับการดื่มอวยพรจากชวีซินรุ่ย
“อย่าให้คนโง่เขลามาทำเราเสียอารมณ์เลย ที่ข้าพูดกับคุณชายจวินเมื่อสักครู่ ข้าอยากให้คุณชายจวินกลับไปคิดให้ดีๆ ถ้าท่านยอมร่วมมือ ไม่ว่าท่านหรือข้า หรือรัฐเหยียน ต่างก็ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น ถึงอย่างไรในโลกนี้ก็ไม่มีผู้ครองรัฐคนไหนมีพลังวิญญาณขั้นสีม่วงเลย” ชวีซินรุ่ยพูดต่อไปราวกับลืมเหตุการณ์ของหลินเฟิงไปหมดแล้ว รอยยิ้มของนางแย้มกว้างราวกับบุปผาเบ่งบาน
จวินอู๋เสียไม่รู้ว่าชวีซินรุ่ยไปรู้มาจากที่ไหนว่านางคือฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน แต่นางก็ไม่อธิบายอะไรให้ฟัง ในเมื่อชวีซินรุ่ยขอให้นางคิด นางก็จะคิดอย่าง ‘ช้าๆ ‘
“ข้าจะไตร่ตรองอย่างรอบคอบเลยทีเดียว”
ชวีซินรุ่ยยิ้ม นางไม่เชื่อว่าในโลกนี้จะมีคนที่ไม่อยากได้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงอันยิ่งใหญ่อยู่ด้วย
ถึงเป็นฮ่องเต้ผู้ครองรัฐ ก็ยังต้องกังวลเรื่องอายุขัยและความตาย
ชวีซินรุ่ยยกจอกสุราขึ้น ขณะที่กำลังจะดื่มนางก็เห็นผิวหนังที่ข้อมือของตัวเอง สีหน้าของนางบิดเบี้ยวทันที
เพล้ง!
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองอย่างตกใจ
ชวีซินรุ่ยเขวี้ยงจอกสุราในมือลงกับพื้นด้วยความไม่พอใจ
“งานเลี้ยงในวันนี้ยกเลิกแล้ว ทุกคนกลับไปเดี๋ยวนี้!” ใบหน้าของชวีซินรุ่ยมืดทะมึน นางจับข้อมือของตัวเองเอาไว้ แล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าไปด้านหลังห้องโถงใหญ่
งานเลี้ยงวันเกิดจบลงอย่างกะทันหัน บรรดาแขกต่างประหลาดใจในเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปแบบกะทันหัน แต่เนื่องจากชวีซินรุ่ยออกคำสั่งไล่แล้วจึงไม่มีใครกล้าอยู่ต่อ ทุกคนพากันเดินออกไปอย่างเชื่อฟัง ยกเว้นหลินเฟิงที่ไม่อาจจะกลับเรือนพักในคืนนี้ได้
ตอนที่ 1042 ไม่จำเป็น (1)
หลังออกจากหอเมฆาสวรรค์ ชวีเหวินเฮ่าก็ยืนนิ่งอยู่กับที่และจ้องมองจวินอู๋เสียอยู่พักหนึ่ง ดูเหมือนเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็จากไปโดยไม่พูดอะไร
หลินเชวียกลับไปอย่างสิ้นหวัง ขณะที่หัวหน้าตึกคนอื่นๆ กับรองหัวหน้าตึกกล่าวอำลากันก่อนจะจากไป
จวินอู๋เสียออกจากที่นั่นพร้อมสยงป้าและชิงอวี่ และเมื่อมาได้ครึ่งทางมันก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว ถนนหนทางว่างเปล่า มีเพียงโคมไฟสีแดงที่ยังคงส่องสว่างอยู่
“คุณชายจวิน อยู่ๆ ท่านกลายมาเป็นฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนได้อย่างไรกัน” สยงป้าพยายามเงียบอยู่นาน แต่ก็สุดท้ายก็ทนไม่ไหว เขาถามจวินอู๋เสียเสียงเบา
เขายังจำได้ดีว่าจวินอู๋เสียเป็นเพียงศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวเท่านั้น และถึงแม้อีกฝ่ายจะเล่นงานฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนจนหมดท่า แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ฉวยโอกาสยึดบัลลังก์ จากที่ชวีหลิงเย่ว์พูดเด็กหนุ่มไม่ได้โยนตำแหน่งผู้ครองรัฐให้องค์รัชทายาทเหลยเชินไปแล้วหรอกหรือ
“ข้าไม่รู้” จวินอู๋เสียตอบตามตรง
สยงป้ามีสีหน้าแปลกใจทันที
“ข้ารู้เท่าที่พวกท่านสองคนรู้นั่นแหละ” จวินอู๋เสียพูดอย่างใจเย็น นางมาที่เมืองพันอสูรพร้อมกับสยงป้าและคนอื่นๆ หลังจากที่พวกเขาจากมาแล้ว เหลยเชินทำอะไรบ้างนางก็ไม่รู้เลย
แต่ดูจากท่าทางของชวีซินรุ่ย นางคงตรวจสอบข้อมูลมาแล้ว เรื่องที่นางเป็นฮ่องเต้ ต้องเป็นการสมรู้ร่วมคิดกันแน่
ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องแหล่งข่าวของชวีซินรุ่ย ถ้าอย่างนั้นก็หมายความได้อย่างเดียวว่ารัฐเหยียนได้ทำบางอย่างหลังจากที่นางออกจากรัฐแล้ว
ตอนแรกเหลยเชินยืนกรานให้จวินอู๋เสียขึ้นครองบัลลังก์ แต่จวินอู๋เสียก็คอยหลบหลีกและหันเหความสนใจของเหลยเชินออกจากเรื่องนี้ตลอด จากนั้นนางก็รีบออกจากรัฐเหยียนโดยไม่บอกใคร และมาที่เมืองพันอสูรพร้อมกับสยงป้าและคนอื่นๆ นางคิดว่านางจะสามารถลืมเรื่องรัฐเหยียนไปได้จนหมดสิ้น แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้เสียแล้ว
อยู่ดีๆ ก็กลายเป็นฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนโดยไม่มีเหตุผลสมควรแบบนี้ จวินอู๋เสียรู้สึกว่ามันไม่น่าสนุกเลยสักนิด
สยงป้ากับชิงอวี่สบตากัน พวกเขารู้ว่าจวินอู๋เสียไม่ใช่คนที่ชอบโกหกจึงเชื่อสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
“จากท่าทีของชวีซินรุ่ย นางตั้งใจจะดึงท่านไปเป็นพวกจริงๆ ถ้าไม่มีเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น นางคงเล็งรัฐเหยียนเอาไว้เพื่อให้ท่านช่วยนางสำรวจดินแดนในแผนที่นั่น” สยงป้าให้เหตุผล
“แต่จากที่นางพูด ดูเหมือนนางตั้งใจจะใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงเป็นการแลกเปลี่ยน แต่…พลังวิญญาณขั้นสีม่วงสามารถมอบให้กันได้ด้วยหรือ” นั่นเป็นจุดหนึ่งที่สยงป้าไม่เข้าใจ ถ้าชวีซินรุ่ยมีความสามารถมอบพลังวิญญาณขั้นสีม่วงให้คนอื่นๆ ได้ นั่นจะไม่เป็นการฝืนอำนาจสวรรค์หรอกหรืออย่างไร
จวินอู๋เสียไม่ตอบ สยงป้ากับชิงอวี่เป็นคนในสามโลกเบื้องล่าง พวกเขาย่อมไม่รู้ว่ามีวิธีการที่สามารถทำให้คนกระตุ้นระดับพลังวิญญาณได้อยู่ในสามโลกชั้นกลาง แต่นางสังเกตได้ว่าวิธีที่ชวีซินรุ่ยใช้ดึงนางไปเป็นพวก เป็นวิธีเดียวกับที่เจ้าของแหวนคนเก่าเคยเจอ
พวกเขาทั้งคู่ถูกหลอกล่อด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพลังวิญญาณขั้นสีม่วง
แม้ว่าจวินอู๋เสียจะไม่เคยพบเจอกับบุรุษผู้นั้น แต่นางก็เรียกเขาว่าเป็นอาจารย์ การที่ศิษย์อาจารย์ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ถูกล่อหลอกแบบเดียวกัน ดูเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกเสียจริง
“คุณชายจวิน ท่านคงไม่…คิดที่จะร่วมมือกับชวีซินรุ่ยใช่หรือไม่” สยงป้าถามพลางมองจวินอู๋เสียอย่างกังวล ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อในนิสัยของจวินอู๋เสีย แต่เป็นเพราะสิ่งที่ชวีซินรุ่ยใช้ล่อลวงมันเย้ายวนใจมากจริงๆ
สิ่งที่จวินอู๋เสียอยากได้ ชวีซินรุ่ยสามารถจัดการให้ได้ และยังช่วยให้เขาได้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงอีก แต่เมืองพันอสูรนั้นนอกจากแผนที่ชิ้นส่วนเดียวแล้วก็ไม่มีอะไรจะให้จวินอู๋เสียเลย สยงป้าจึงอดกังวลไม่ได้
“ไม่จำเป็นนี่” จวินอู๋เสียตอบ