บทที่ 564 เรื่องตกตะลึงครั้งใหญ่
บทที่ 564 เรื่องตกตะลึงครั้งใหญ่
ฉินหว่านหรูกลอกตา นางหยิบกระจกสะท้อนอันเล็ก ๆ จากภายในแขนเสื้อออกมาแล้วโคจรพลังชี่ลงไป หลังจากนั้นไม่นาน พื้นผิวของกระจกก็กระเพื่อมและมีชั้นของหมอกปรากฏขึ้น
ดวงตาของซูอันเบิกกว้าง จู่ ๆ ในกระจกก็มีใบหน้าของฉู่ชูเหยียน ปรากฏ!
“ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมท่านใช้กระจกนี้ติดต่อข้า?” น้ำเสียงของฉู่ชูเหยียนเต็มไปด้วยความกังวล
ฉินหว่านหรูพูดอย่างรวดเร็วว่า “ชูเหยียนไม่ต้องกังวล แม่แค่อยากบอกข่าวดีกับเจ้า เราพบใบอนุญาตค้าเกลือที่เฉินเซวียนขโมยไปแล้ว!”
ขณะที่นางพูด นางหันกระจกไปทางหีบใบอนุญาตค้าเกลือ
ซูอันตกตะลึง นี่มันเหมือนกับการวิดีโอคอลจากโลกที่แล้วของเขาไม่มีผิดเลย!
หลังจากมาถึงโลกนี้ ชายหนุ่มก็ได้ค้นพบว่าสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่างที่ในโลกก่อนต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการสร้าง ในโลกนี้ก็มีได้เหมือนกันโดยการพึ่งพิงพลังวิญญาณและการใช้อักขระ
“จริงเหรอ? พวกท่านได้พวกมันมาได้ยังไง??” น้ำเสียงของฉู่ชูเหยียนเต็มไปด้วยความดีใจแกมประหลาดใจ
“แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นเพราะสามีที่มีความสามารถ กล้าหาญ และอ่อนโยนของเจ้า!” ซูอันยิ้มไปทางกระจก
ฉู่ชูเหยียนหน้าแดงทันที “เจ้าช่วยยับยั้งชั่งใจหน่อยได้ไหม? ตอนนี้ท่านแม่ก็อยู่ด้วยนะ!”
ฉินหว่านหรูยิ้ม “เขาพูดถูกแล้ว อาซูเป็นคนที่พบพวกมัน เขาช่างวิเศษจริง ๆ”
ซูอันมองดูฉินหว่านหรูอย่างแปลกใจ วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือเปล่า? ตั้งแต่มาอยู่โลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินคำชมจากนาง!
“ฮ่า ๆ รู้สึกดีจริง ๆ ท่านแม่ยาย ช่วยชมข้าเพิ่มอีกสักสองสามประโยคได้ไหม?” ซูอันพูดพร้อมหัวเราะ
ฉินหว่านหรูถอนหายใจและหรี่ตามองเขา
ฉู่ชูเหยียนเอาฝ่ามือของนางปิดหน้า เห็นได้ชัดว่านางก็ไม่สามารถทนกับความไร้ยางอายของเขาได้เช่นกัน
ฉินหว่านหรูไม่อยากจะคุยกับเขาต่อจึงพูดกับลูกสาวของตัวเองแทน “ชูเหยียน ไปดำเนินการตามแผนของเรา เราแค่อยากจะบอกเรื่องนี้กับเจ้าเพื่อให้เจ้าสบายใจ และเพื่อให้เจ้ารู้ว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไรเสี่ยง ๆ มากเกินไป”
ฉู่ชูเหยียนพยักหน้า “เข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านแม่ ขอบคุณอาซู”
ภาพของฉู่ชูเหยียนกระเพื่อมสองสามครั้ง และพื้นผิวของกระจกก็เปลี่ยนกลับไปเป็นรูปลักษณ์ดั้งเดิม
ซูอันตกใจ “ข้ายังมีสิ่งที่จะพูดกับชูเหยียน ทำไมท่านถึงรีบตัดการเชื่อมต่อล่ะ?”
ฉินหว่านหรูหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด “การใช้กระจกนี้แต่ละครั้งกินหินพลังชี่จำนวนมาก เราต้องรอหนึ่งเดือนเต็มจึงจะสามารถใช้ได้อีกครั้ง และระยะเวลาในการใช้งานแต่ละครั้งมีจำกัด มันมีไว้ใช้กับเรื่องด่วนข้าจะให้เจ้าใช้พูดเรื่องไร้สาระได้ยังไง?”
ซูอันเต็มไปด้วยความผิดหวัง “ชิ ข้าประเมินพวกท่านสูงเกินไปจริง ๆ โลกนี้ยังคงล้าหลังอยู่มาก”
น้ำเสียงของเขาทำให้นางขุ่นเคืองมากขึ้น “ข้าจะไม่โทษเจ้าที่พูดแบบนี้ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าได้เห็นของล้ำค่าเช่นนี้ บางทีในอนาคตเจ้าอาจจะเข้าใจว่าแท้จริงแล้วมันมีค่ามากขนาดไหน กระจกนี้อาจเป็นอันเดียวที่มีอยู่ในเมืองจันทร์กระจ่าง มันเป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของตระกูลฉู่ ได้มาโดยบังเอิญ”
“มีแต่พวกท่านเท่านั้นแหละที่ปฏิบัติต่อของเล่นที่โง่เขลาเช่นนี้เป็นเหมือนสมบัติล้ำค่า”ซูอันเยาะเย้ย “ที่บ้านเกิดของข้า ทุกคนมีของแบบนี้คนละชิ้นสองชิ้น และเราทุกคนสามารถพูดคุยกันได้นานเท่าที่เราต้องการ!”
“เหอะ! เจ้านี่มันชอบพูดจาไร้สาระจริง ๆ!” ฉินหว่านหรูเย้ยหยันกลับ
ซูอันบังคับตัวเองให้เงียบปากไว้
เฮ้อ…ชีวิตของข้านี่โดดเดี่ยวและอ้างว้างจริง ๆ เหมือนทุ่งหิมะที่ว่างเปล่า ไม่มีใครเชื่อข้าเลย
ฉินหว่านหรูสั่งให้เขาเก็บเรื่องใบอนุญาตค้าเกลือไว้เป็นความลับในตอนนี้ นางยังไม่ได้คิดหาวิธีที่จะใช้มันให้ได้ผลดีที่สุด
…
ตอนนี้เมื่อปัญหาใหญ่ถูกจัดการแล้ว จิตใจและจิตวิญญาณของซูอันจึงได้ผ่อนคลายลงในที่สุด
ชายหนุ่มเข้าไปที่สถาบันจันทร์กระจ่างตามปกติ หยอกล้อฮวนเจาเล็กน้อยและเล่นกับบรรดาอาจารย์ผู้หญิง วันเวลาของเขาช่างสงบสุขและสบายใจ
มีเพียงเรื่องเดียวที่ซูอันรู้สึกเสียใจ เมื่อครั้งเขาไปที่หอสุขนิรันดร์ เพื่อที่จะขอบคุณชิวฮัวเล่ย แต่เมื่อเขาไปถึงที่นั่น คนของที่นั่นก็แจ้งเขาว่านางออกจากหอสุขนิรันดร์ไปแล้ว
ส่วนนางไปอยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครรู้…
เขาไม่คิดว่าคืนนั้นจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้าย เขาไม่รู้ว่าจะได้พบกับนางอีกหรือไม่ เมื่อคิดถึงเวลาที่พวกเขาทั้งสองอยู่ด้วยกัน ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังและหงุดหงิดใจ
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นานซูอันก็ค้นพบเหตุผลที่นางจากไป วันหนึ่ง ฉินหว่านหรูได้เรียกซูอันเข้าพบ นางมีสีหน้าเคร่งขรึม “ชายชุดดำเหล่านั้นทั้งลึกลับและโหดเหี้ยม พวกเขาไม่ลังเลเลยในการลงมือกับซ่างเชียน” นางกล่าว
“ซ่างเชียนตายแล้วเหรอ?” ซูอันตกใจกับคำพูดของนาง
“ไม่ถึงขนาดนั้น” ฉินหว่านหรูกล่าว “แต่อาการบาดเจ็บของเขานั้นร้ายแรงมาก ซ่างหงได้เชิญจี้เติ้งถูไปตรวจอาการบาดเจ็บของเขา หมอเทวะจี้สามารถยื้อชีวิตเขาไว้ได้ในตอนนี้ แต่หลังจากนี้จะเป็นหรือตายก็มีโอกาสเท่ากัน”
“ข้าคิดว่าเขาน่าจะมีโอกาสรอดสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในมือหมอเทวะจี้” ซูอันยังคงมึนงง กลุ่มอิทธิพลของชิวฮัวเล่ยกล้าทำขนาดนี้ได้อย่างไร?
หรือเป็นเพราะพวกเขาโกรธมากที่ซ่างเชียนทำให้พวกเขาสูญเสียใบอนุญาตค้าเกลือ?
“ไม่มีอะไรรับประกันได้ แต่ขณะนี้ตระกูลซ่างวางแผนที่จะเร่งการแต่งงานของซ่างเชียนกับเจิ้งตานให้เร็วขึ้นอีก เพื่อปัดเป่าโชคร้าย ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่เลย” ฉินหว่านหรูกล่าว
ซูอันโพล่งขึ้นมาทันที “อะไรนะ!?”
“ทำไมเจ้าต้องทำตัวร้อนรนกับการแต่งงานของพวกเขา?” ฉินหว่านหรูเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจกับปฏิกิริยาของซูอัน
ซูอันรู้ตัวว่าการกระทำของเขาดูไม่ปกติอย่างยิ่งยวด เขายิ้มอย่างกระอักกระอ่วนและกล่าวว่า “ข้าแค่ไม่คิดว่าตระกูลซ่างจะเชื่อถือเรื่องโชคลาง”
“แม้การขับไล่ความโชคร้ายด้วยการแต่งงานนั้นจะดูค่อนข้างไร้เหตุผลจากความเป็นจริงอยู่บ้าง แต่การมีลางดีย่อมดีกว่าเสมอ และไม่ว่าจะยังไง พวกเขาก็หมั้นหมายกันไปแล้ว ดังนั้นต่อให้พวกเขาแต่งงานเร็วขึ้นหรือช้าลงมันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมากมาย” ฉินหว่านหรูพูด
“ข้าจะทำยังไงดี?” ซูอันคิดในใจด้วยความตื่นตระหนก เจิ้งตานเคยบอกเขาก่อนหน้านี้ว่ายังมีเวลาประมาณหนึ่งปี เขาควรจะมีเวลาพอให้บ่มเพาะเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น และเมื่อถึงตอนนั้น ซูอันก็จะคว้านางมา
แต่ถ้าทั้งสองแต่งงานกันตอนนี้…ซูอันเข้าใจขีดจำกัดของตัวเองเช่นกัน ไม่มีทางที่ตัวเขาจะสู้กับตระกูลซ่างด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาได้
ฉินหว่านหรูมองเขาแปลก ๆ การกระทำของซูอันอยู่นอกเหนือความคาดหมายอย่างสิ้นเชิง นางไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะไม่มีทางที่นางจะจินตนาการได้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับเจิ้งตานพัฒนาไปถึงขั้นร่วมเตียงกันแล้ว ไม่ว่าจินตนาการของนางจะโลดโผนแค่ไหน
“ทิ้งเรื่องนี้ไว้ก่อนดีกว่า มีอย่างอื่นที่น่าเป็นห่วงมากกว่า” ความวิตกกังวลของฉินหว่านหรูนั้นชัดเจน “ในคืนนั้นซ่างเชียนถูกโจมตีโดยชายชุดดำเหล่านั้นเพราะใบอนุญาตค้าเกลือที่เขาพยายามจะแย่งชิงมัน แต่ตอนนี้ใบอนุญาตค้าเกลือกลับมาอยู่ในมือของเราแล้ว ซ่างหงจะไม่คิดเอาผิด ๆ ว่าเราเป็นคนโจมตีลูกชายของเขาเหรอ? ถ้าเป็นอย่างนั้นทั้งสองตระกูลก็เหมือนต่างฝ่ายต่างเอามีดมาจ่อคอหอยกัน”
ตอนนี้ซูอันเข้าใจแล้วว่าเหตุใดจึงไม่มีข่าวคราวการปล่อยฉู่จงเทียน แม้ว่าจะผ่านไปหลายวันแล้วก็ตาม นี่คือที่มาของปัญหา “ยังไม่มีใครรู้อีกเหรอว่ากลุ่มคนชุดดำเหล่านั้นเป็นใคร? ไม่ได้สอบสวนพวกพ่อค้าตลาดมืดกันเลยหรือไง?”
“แน่นอนว่าพวกพ่อค้าตลาดมืดต่างถูกสอบสวน!” ฉินหว่านหรูอุทาน “แต่ในเวลานั้นตอนที่ซ่างเชียนบุกเข้าไป พวกพ่อค้าไม่ได้ขัดขืนกันเลย แถมยังประกาศออกมาอีกว่าพวกเขาไม่รู้ไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถึงแม้ว่า ซ่างหงจะจับตัวคนบางคนได้ แต่ก็ไม่มีใครรู้อะไรที่สำคัญ เห็นได้ชัดว่าพ่อค้าตลาดมืดเหล่านี้เตรียมพร้อมมาอย่างดี”