บทที่ 565 ของขวัญ

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 565 ของขวัญ

บทที่ 565 ของขวัญ

ซูอันนึกถึงการหายตัวไปของชิวฮัวเล่ยเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าบุคคลที่สำคัญที่สุดได้ถอนตัวไปในเงามืดแล้ว ไม่มีทางที่ซ่างหงจะสามารถสืบหาสิ่งใดได้

“ท่านแม่ยาย ท่านวางแผนจะทำอะไรต่อไป?” ซูอันถาม

ฉินหว่านหรูตอบกลับ “ตอนแรกเราลังเลเล็กน้อย แต่เราได้แจ้งซ่างหง เกี่ยวกับใบอนุญาตค้าเกลือผ่านช่องทางของเราแล้ว สิ่งนี้จะลบล้างความผิดของจงเทียน และเขาควรจะได้รับอิสระ สำหรับความสงสัยของ ซ่างหง เขาไม่น่าจะสรุปได้ว่าตระกูลฉู่ของเราเชื่อมโยงกับตลาดมืด”

“ข้าสงสัยว่าทุกอย่างจะราบรื่นขนาดนั้นเลยเหรอ?” ซูอันยังคงมีความกังวล อย่างไรก็ตาม เขาก็เข้าใจดีว่าฉินหว่านหรูต้องการช่วยฉู่จงเทียน โดยเร็วที่สุด นางทนไม่ได้ที่จะเห็นสามีตัวเองถูกกักขังอีกต่อไป…

หลังจากตัดสินใจดำเนินการแล้ว ฉินหว่านหรูก็ได้รวบรวมผู้ช่วยที่เชื่อถือได้ของนางเพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดที่แน่นอนของการช่วยเหลือฉู่จงเทียน

ซูอันกังวลเกี่ยวกับเจิ้งตาน แต่ก็ไม่เหมาะสมที่เขาจะไปเยือนตระกูลเจิ้งเพื่อพบนาง ดังนั้นทางเลือกเดียวของเขาคือไปที่สถาบันจันทร์กระจ่างและภาวนาให้นางอยู่ที่นั่นด้วย

เมื่อเขาไปถึงสถาบันจันทร์กระจ่าง ก็มีฝูงชนมารวมตัวกันรอบ ๆ เจิ้งตานเพื่อแสดงความยินดีกับนาง

สาวใช้สองคนที่อยู่ข้างหลังนางคอยดูแลของขวัญมากมายที่ถูกนำมามอบให้

“ขอบคุณเพื่อนนักศึกษา ข้าไม่นึกเลยว่าจะได้รับของขวัญมากมายขนาดนี้” เจิ้งตานยิ้มแย้ม โดยไม่แสดงถึงความเศร้าโศกเลยแม้แต่น้อย

ซูอันอดไม่ได้ที่จะเรียกนาง “นักศึกษาเจิ้ง!”

เจิ้งตานหันกลับมามองเขา นางยิ้มและพูดว่า “นักศึกษาซู นี่น่าจะเป็นวันสุดท้ายที่ข้าจะเข้าเรียนที่สถาบันจันทร์กระจ่างก่อนแต่งงาน ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ว่าอะไรถ้าข้าไม่พูดกับเจ้าในฐานะอาจารย์และนักศึกษา”

ซูอันไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้ “เจ้าดูมีความสุขมาก!”

“ข้ากำลังจะแต่งงาน ทำไมข้าถึงไม่มีความสุขล่ะ?” เจิ้งตานกล่าวด้วยท่าทางแปลก ๆ

ซูอันพูดไม่ออกครู่หนึ่ง

อย่างไรก็ตาม มีคนดูอยู่มากมาย “ถ้าอย่างนั้น ข้าขอแสดงความยินดีกับแม่นางเจิ้งด้วย!”

เจิ้งตานแบมืออันขาวผ่องของนาง “ข้าไม่รู้สึกถึงความจริงใจจากเจ้าเลย เจ้าเตรียมของขวัญมาหรือเปล่า?”

ซูอันตกตะลึงครู่หนึ่ง

“ข้ารีบมาที่นี่เกินไป ข้าเลยไม่มีเวลาเตรียมอะไรเลย”

เจิ้งตานยิ้ม “ไม่เป็นไร เป็นข้าที่หยาบคายเอง”

ทุกคนยกย่องนางในเรื่องมารยาทและความสง่างามของนาง ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ดูถูกความตระหนี่ของซูอัน

ซูอันทำหน้าบูดบึ้ง อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรต่อหน้าคนเหล่านี้ได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแสร้งทำเป็นว่าจากไป

เจิ้งตานยังคงกล่าวคำอำลากับนักศึกษาคนอื่น ๆ ต่อไป จากนั้นนางก็เดินออกจากสถาบันจันทร์กระจ่างพร้อมกับของขวัญมากมาย

นางบอกสาวใช้ทั้งสองให้ช่วยนำของขวัญเหล่านี้ไปเก็บไว้ในรถม้า ก่อนจะหันเดินกลับเข้าไปในสถาบันจันทร์กระจ่างอีกรอบ “ข้าลืมของ พวกเจ้าไปรอข้างนอกก่อน”

“เข้าใจแล้ว คุณหนู” สาวใช้ทั้งสองตอบรับด้วยความเคารพ ทั้งสองรีบออกไป พร้อมหอบเอาของขวัญไปด้วย

เจิ้งตานหันกลับมาและเดินไปทางด้านข้าง ลัดเลาะไปตามร่มเงาของต้นไม้ ไม่นานนางก็มาถึงสถานที่ห่างไกล

“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่?” ซูอันพูดขณะที่เขาปรากฏตัวขึ้นจากด้านหลังต้นไม้

เจิ้งตานพ่นลมหายใจ “ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็ยังเป็นผู้บ่มเพาะระดับห้า!

“ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่มาหาข้าซะแล้ว” ซูอันอดไม่ได้ที่จะพูด

“มีคนมากมาย ข้าจะทำอะไรได้” เจิ้งตานถอนหายใจ

“เจ้ามีความสุขจริง ๆ ที่จะได้แต่งงานงั้นเหรอ?” ซูอันถามนาง

“อะไร? หึงเหรอ?” เจิ้งตานยิ้ม

ซูอันรู้สึกว่ามีเปลวไฟลุกโชนในตัวเขา เขาดึงนางเข้ามาและจูบปากนางอย่างรุนแรง

“อา…” เสียงหวานเล็ดลอดออกมาจากลำคอของนาง นัยน์ตาของนางฉ่ำหวาน “ไม่…ถ้าเกิดมีใครเห็นเข้าจะทำยังไง! ไปที่บ้านพักอาจารย์ของเจ้ากันเถอะ…”

หัวใจของซูอันเต้นรัวเหมือนกลอง ผู้หญิงคนนี้ช่างยั่วยวนเก่งเหลือเกิน!

อย่างไรก็ตาม เขายังคงจำเหตุผลที่พบนางได้ ในระหว่างที่เขาเดินเคียงข้างนาง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง “อาการบาดเจ็บของซ่างเชียน เป็นยังไงบ้าง? อาการของเขาแย่มากจนถึงขนาดต้องแต่งงานเพื่อปัดเป่าโชคร้ายเลยงั้นเหรอ?”

สีหน้าของเจิ้งตานมืดหม่น “อาการไม่ค่อยดีนัก ข้าอาจจะกลายเป็นม่ายหลังจากแต่งงานได้ไม่นาน”

“นี่หมายความว่าตระกูลซ่างต้องการให้เจ้าเป็นเจ้าสาวผีหรือไง?” ซูอันเริ่มกังวล “ตระกูลเจิ้งจะคอยดูอยู่เฉย ๆ เท่านั้นเหรอ?”

“ตระกูลเจิ้ง?” เสียงของเจิ้งตานเต็มไปด้วยความน่าเวทนา “ข้าไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าหมากตัวหนึ่งที่เชื่อมโยงทั้งสองตระกูลผ่านการแต่งงาน พวกเขาไม่สนใจหรอกว่าสามีของข้าจะสูงหรือเตี้ย อ้วนหรือผอม มีชีวิตอยู่หรือตาย พวกเขาแค่ต้องการจะดองกับตระกูลซ่างเท่านั้น สิ่งเดียวที่ตระกูลเจิ้งของข้ากลัวก็คือ พวกเขากลัวซ่างเชียนจะตายซะก่อนที่เขาจะแต่งงานกับข้าแค่นั้น!”

“บรรดานักศึกษาที่มอบของขวัญให้ข้าเมื่อครู่นี้ ภายนอกล้วนพูดจาไพเราะดี แต่ในใจพวกเขาคงหัวเราะเยาะเย้ยข้าอยู่แน่นอน”

ซูอันรู้สึกเหมือนมีมีดมากรีดหัวใจของตัวเองเมื่อเห็นนางแสดงอาการเศร้าโศกขนาดนี้ “ แล้วถ้าเจ้าไม่แต่งงานกับเขาล่ะ?” เขาโพล่งออกมา “เจ้าก็มีข้าแล้วนี่?”

เจิ้งตานมองเขาด้วยความตกใจ จากนั้นสีหน้าของนางก็ดูอ่อนโยนขึ้น “นี่อะไร ท่านจะใส่อารมณ์เข้ามาในความสัมพันธ์ของเรางั้นเหรอ?”

ซูอันขมวดคิ้ว “เจ้าไม่จำเป็นต้องหลอกตัวเองแบบนั้น ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าไร้ความรู้สึกต่อข้า”

เจิ้งตานหน้าแดง “การได้รู้ว่าหัวใจของเจ้ารู้สึกแบบนี้…เพียงเท่านี้มันก็คุ้มแล้วที่จะมอบทุกอย่างของข้าให้เจ้า…อย่างไรก็ตาม ข้าถูกเลี้ยงดูมาในตระกูลเจิ้ง ตระกูลของข้ามอบความสุขสบายให้ข้ามาโดยตลอด ข้าได้รับทรัพยากรการบ่มเพาะมากมาย ตอนนี้ ถึงตาข้าที่จะให้บางอย่างคืนแก่พวกเขา”

ซูอันอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็หยุดตัวเองไว้ พวกเขาคุยกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว เขาจึงรู้ว่ามันไม่มีความหมายที่จะพยายามเปลี่ยนใจของนาง

เจิ้งตานจับมือของเขาและยิ้มกว้าง “ข้ากำลังจะแต่งงาน ท่านช่วยมอบของขวัญให้ข้าเพื่อเป็นของที่ระลึกได้ไหม?”

ซูอันเริ่มเศร้าโศก “ข้ายินดีที่จะให้ของขวัญกับเจ้าไม่ว่าจะต้องการอะไร แต่มันจะต้องไม่ใช่ในโอกาสที่เจ้ากำลังจะไปแต่งงานกับชายอื่น!”

“แต่ข้าแน่ใจว่านี่คือของขวัญที่เจ้าเต็มใจที่จะให้ข้า” เจิ้งตานสังเกตเห็นว่าพวกเขาทั้งสองกำลังเข้าใกล้ที่พักของซูอันแล้ว นางขยับตัวเข้าใกล้ซูอันมากกว่าเดิมและกระซิบข้างหูของเขาว่า “มอบลูกของเราแก่ข้า!”

หัวใจของซูอันเต้นแรง เขารีบดึงนางเข้าไปในบ้านพักทันที

อาจเป็นเพราะพวกเขาเชื่อว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย พวกเขาทั้งสองจึงจมดิ่งลึกลงไปในห้วงอารมณ์อันรุนแรง ทั้งคู่กอดรัดกันแน่นยิ่งขึ้น

ในขณะเดียวกัน ซ่างหงกำลังต้อนรับแขกที่แต่งตัวด้วยชุดสีเขียว ชายคนนั้นประสานมือของเขาอย่างเคารพและถามว่า “นายน้อยเป็นยังไงบ้าง?”

“เขาจะสามารถผ่านความยากลำบากนี้ได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับตัวเองเท่านั้น” ซ่างหงดูเหมือนจะแก่ขึ้นมากในช่วงเวลานี้

ชายชุดเขียวกล่าวว่า “สวรรค์ย่อมช่วยผู้สมควร นายน้อยจะผ่านพ้นไปได้อย่างปลอดภัย”

เห็นได้ชัดว่าซ่างหงมึนงงกับคำพูดเหล่านี้ เขาโบกมืออย่างไม่อดทน “ ข้าเรียกเจ้ามาเพื่อหารือเกี่ยวกับตระกูลฉู่ ในช่วงเวลานี้ฉินหว่านหรูได้ใบอนุญาตค้าเกลือมาแล้ว ข้าทำได้แค่กักขังฉู่จงเทียนไว้ชั่วคราว และไม่สามารถรั้งเขาไว้ที่นี่ได้อีกต่อไป นั่นคือเหตุผลที่เจ้าต้องยึดอำนาจภายในตระกูลฉู่ก่อนที่เรื่องจะบานปลาย!”

ใบหน้าของชายชุดเขียวมืดลง “มันไม่ง่ายเลย”

“นั่นเป็นปัญหาของเจ้า” ซ่างหงเย้ยหยัน “ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะไม่ได้เตรียมการอะไรไว้เลยหลังจากวางแผนมาหลายปี อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องกังวล ข้าจะให้ความช่วยเหลือที่เจ้าต้องการ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายจริง ๆ หากพลาดโอกาสนี้ เราจะไม่มีอีกแล้ว”

ใบหน้าของชายชุดเขียวเปลี่ยนเป็นขัดแย้งเล็กน้อย แต่ในที่สุด เขาก็เรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมาได้และพูดอย่างเฉียบขาดว่า “ได้!”