บทที่ 421 เจียวเจียวคนหน้าเนื้อใจเสือ (1)
องค์หญิงซิ่นหยางไม่ได้บอกให้ทิ้ง แต่ก็ไม่ได้บอกให้ไม่ทิ้ง นางหันหลังเข้าไปในเรือนราวกับไม่ได้ใส่ใจ
อวี้จิ่นมองแผ่นหลังอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวของนางพลางครุ่นคิด สุดท้ายก็หอบกล่องอาหารเข้าไป
…
เมื่อเซียวลิ่วหลังกลับมาถึงตรอกปี้สุ่ย เสี่ยวจิ้งคงก็เพิ่งจะกลับมาจากอีกฝั่งของตรอก เขาไปส่งขนมไหว้พระจันทร์มา ปกติทุกคนต่างดูแลเอาใจใส่พวกเขามาก ดังนั้นเจียวเจียวจึงทำขนมไหว้พระจันทร์ให้บรรดาเพื่อนบ้านด้วย
เสี่ยวจิ้งคงที่ส่งขนมไหว้พระจันทร์เสร็จแล้วดีอกดีใจมาก กระโดดโลดเต้นยกใหญ่
เขาเจอเข้ากับพี่เขยนิสัยไม่ดีตรงหน้าประตูโดยบังเอิญ
เขารีบเก็บสีหน้ายินดีปรีดาทันที แล้วเปลี่ยนเป็นใบหน้าเคร่งขรึมและเข้มงวดขึ้น “เจ้าไปไหนมาน่ะ เมื่อครู่ข้าหาเจ้าไม่เจอ”
เซียวลิ่วหลังได้ยินน้ำเสียงผู้ใหญ่ของเขาแล้วก็ทั้งขันทั้งโมโห “ไปส่งขนมไหว้พระจันทร์มา เหมือนกับเจ้านั่นแหละ”
“อ๋อ” เสี่ยวจิ้งคงไม่พอใจกับคำตอบที่ไม่ละเอียดเช่นนี้อย่างเห็นได้ชัด เขาถาม “เจ้าไปส่งที่ไหนมาล่ะ”
“ในวัง” เซียวลิ่วหลังบอก “ให้ท่านย่า”
“แล้ว” เสี่ยวจิ้งคงเอามือน้อยๆ ไพล่หลัง โคลงศีรษะมองเขา
เซียวลิ่วหลังเอ่ย “เหตุใดเจ้าจึงคิดว่าคำพูดของข้ายังมีต่อเล่า”
เสี่ยวจิ้งคงแค่นเสียงขึ้นจมูก “ก็ข้ารู้สึกว่ามันมี!”
ลางสังหรณ์ของเจ้าหนูน้อยแม่นยำจนน่ากลัว เซียวลิ่วหลังตั้งสติ โคลงศีรษะน้อยๆ ของเขาไปมา “เข้าไปกันเถิด”
“แล้วมันมีหรือไม่ล่ะ” เสี่ยวจิ้งคงถาม
“จะถามเรื่องนี้เพื่อการใด” เซียวลิ่วหลังเอ่ย
เสี่ยวจิ้งคงยืดอกน้อยๆ ขึ้นเอ่ย “ข้าอยากรู้ว่าใครส่งขนมได้มากกว่ากัน!”
เซียวลิ่วหลังทั้งขำทั้งโกรธเขาอีกครั้ง “เหตุใดแม้แต่เรื่องนี้เจ้าก็ยังจะแข่งด้วย เด็กน้อยเอ๋ย”
เสี่ยวจิ้งคงเท้าเอวกระทืบเท้า “ข้าไม่เด็กแล้วนะ! อย่างน้อยๆ ข้าก็ไม่เหมือนเจ้าที่โตแล้วแท้ๆ ยังฉี่รดที่นอนอีก!”
เซียวลิ่วหลังคล้ายยิ้มคล้ายจะไม่ยิ้มแล้วจิ้มไปที่ศีรษะน้อยๆ ของเขา “เจ้าแน่ใจรึว่าคนที่ฉี่รดที่นอนเป็นข้า ไม่ใช่เจ้า”
เสี่ยวจิ้งคงปัดมือของเขาบนศีรษะตัวเองออก “ของเจ้า เจ้านั่นแหละ เจ้านั่นแหละ! แบร่ แบร่ แบร่!”
เจ้าหนูน้อยแลบลิ้นปลิ้นตาทำหน้าทะเล้นใส่เซียวลิ่วหลัง แล้ววิ่งฉิวเข้าเรือนไป
เซียวลิ่วหลังหัวเราะหึๆ “ยังจะบอกว่าไม่เด็กอีก”
คนทั้งครอบครัวกินข้าวกันอย่างครึกครื้นในลานบ้าน และชมจันทร์กันด้วย เฝิงหลินกับอาจารย์หลู่ดื่มกันไปมากแล้ว ทั้งคู่กอดคอกอดไหล่กัน เหลือแค่กลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันเท่านั้นแล้ว
แต่นี่จะร่วมสาบานกันไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้นการนับรุ่นในวงญาติของเซียวลิ่วหลังได้ขาดไปคนหนึ่งแน่ ภายหน้าเจอเฝิงหลินจะมาเรียกเฝิงหลินอีกไม่ได้แล้ว ต้องเรียกว่าเฝิงซือซู
เซียวลิ่วหลังรีบยัดขนมไหว้พระจันทร์ไส้โหงวยิ้งให้เฝิงหลินทันที เพื่อขัดขวางการกราบไหว้ร่วมสาบานอันไม่มีปี่มีขลุ่ยนี้ไว้
“เฝิงหลินดื่มเกินไปแล้ว คืนนี้เจ้าดูหน่อยแล้วกันนะ” เซียวลิ่วหลังเอ่ยกับหลินเฉิงเย่
เฝิงหลินยามนี้ยังคงพักที่คฤหาสน์ของหลินเฉิงเย่ และจะจ่ายค่าเช่าราคามิตรภาพทุกๆ เดือน
“ข้า…ดูเอง” หลินเฉิงเย่บอก
ดึกดื่นมากแล้ว หลินเฉิงเย่จึงพยุงเฝิงหลินที่ดื่มจนเมาหัวราน้ำให้ลุกขึ้นขอตัวลา
อีกด้านหนึ่ง หนานเซียงกับอาจารย์หลู่ก็เตรียมจะกลับแล้วเช่นกัน
อาจารย์หลู่ดื่มจนไร้สติแล้ว เขาตบบ่าเซียวลิ่วหลังพลางเอ่ย “อาจารย์ของเจ้าบอกว่าเคยเจอเจ้ามาก่อน ฮ่าฮ่าฮ่า”
หนานเซียงแย้มยิ้ม เอ่ยกับเซียวลิ่วหลัง “เขาเมาแล้ว อย่าไปฟังเขาเพ้อเจ้อเลย”
“ไม่เป็นไรขอรับ” เซียวลิ่วหลังไม่ได้เอามาใส่ใจ
กู้เสี่ยวซุ่นกับกู้เหยี่ยนช่วยพยุงอาจารย์หลู่ที่เมาหนักขึ้นรถม้า กู้เสี่ยวซุ่นกังวลที่อาจารย์และภรรยาอาจารย์จะกลับไปกันทั้งอย่างนี้ “คืนนี้ข้าไปดูแลอาจารย์ดีกว่าขอรับ”
ผู้ชายตัวโตเมาหนักเพียงนี้ เขาเป็นห่วงว่าอาจารย์แม่จะจัดการไม่ได้
หนานเซียงที่จัดการชายขี้เมาได้สิบคนแย้มยิ้มบาง “…เอาสิ”
ลักพาตัวลูกชายกลับบ้านก็ไม่เลวเหมือนกัน
“เสี่ยวซุ่นกลับไปกับพวกเรา พรุ่งนี้เช้าข้าจะไปส่งเขาเข้าเรียนเอง” หนานเซียงเอ่ยกับกู้เจียวและเซียวลิ่วหลัง
ทั้งสองคนไม่ได้แย้งอะไร
เสี่ยวจิ้งคงโบกมือลาหยอยๆ
“ลาก่อนอาจารย์หลู่!”
“ลาก่อนอาจารย์แม่หนาน!”
“ลาก่อนพี่เฝิงหลิน!”
“ลาก่อนพี่เฉิงเย่!”
ทั่วทั้งซอยมีแต่เสียงบอกลาของเขา
วันรุ่งขึ้น ชั้นปฐมวัยของกั๋วจื่อเจียนหยุดเรียน กู้เจียวจึงพาเสี่ยวจิ้งคงเข้าวังไปเยี่ยมท่านย่า ระหว่างทางพวกเขาอ้อมไปคฤหาสน์ของเจ้ากรมกลาโหมเพื่อรับสวี่โจวโจวที่หยุดเรียนเหมือนกัน แล้วพาเขาเข้าวังไปด้วย
เสื้อกั๊กตัวน้อยขององค์ชายฉินฉู่อวี้หายไปในค่ำคืนอันมืดมิดและลมแรงแล้วภายในเดือนเดียว ยามนี้เสี่ยวจิ้งคงกับสวี่โจวโจวต่างรู้ว่าเขาเป็นโอรสของฮองเฮาแล้ว เพื่อกลบเกลื่อนพฤติกรรมที่ไม่จริงใจของตัวเอง ฉินฉู่อวี้จึงหันหัวหอกไปหาเสี่ยวจิ้งคงอย่างแน่วแน่ทันที “ทีไทเฮายังเป็นท่านย่าของเขาเลย! ขะขะขะเขาปิดบังไว้นานเสียยิ่งกว่าข้าอีก!”
เสี่ยวจิ้งคงสอบเข้ากั๋วจื่อเจียนได้ก่อน ตอนนั้นเขาก็เรียกไทเฮาว่าท่านย่าแล้ว ส่วนฉินฉู่อวี้เป็นนักเรียนที่ย้ายมา
หากว่ากันด้วยประวัติการหลอกลวงแล้ว เสี่ยวจิ้งคงอาวุโสกว่าฉินฉู่อวี้นิดหน่อยจริงๆ นั่นแหละ
อันที่จริงสองเรื่องนี้ยังคงมีข้อแตกต่างอยู่ ฉินฉู่อวี้ตั้งใจปิดบังตัวตนเต็มที่ ส่วนเสี่ยวจิ้งคงไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของท่านย่าเลยสักนิด
ทว่าเสี่ยวจิ้งคงไม่ได้คิดถึงแง่นี้เลย
เป็นครั้งแรกที่อัจฉริยะด้านตรรกะอย่างเสี่ยวจิ้งคงเจอกับสถานการณ์ที่ไร้หนทางโต้แย้งได้
โชคดีที่สวี่โจวโจวเป็นสหายที่ใจกว้างมาก เพียงไม่นานเขาก็เปิดโปงเรื่องนี้ออกมาแล้ว “พวกเราไปเล่นกันเถอะ!”
บัณฑิตน้อยทั้งสามของกั๋วจื่อเจียนออกไปท่องโลกกว้าง ก่อเรื่องในวังหลวงกันอีกครั้ง!
สารทฤดูอากาศเย็นสบาย อากาศไม่เย็นไม่ร้อนกำลังดี
กู้เจียวกับจวงไทเฮานั่งเกี้ยวหงส์ไปผิงแดดในสวนหลวง
เทศกาลไหว้พระจันทร์เมื่อคืนนี้ องค์ชายและพระชายาแต่ละคนต่างเข้าวังมาฉลอง หนิงอ๋องเฟยก็ด้วยเช่นกัน คนที่เข้าวังมาด้วยกันกับนางมีท่านหญิงน้อยของหนิงอ๋องด้วยอีกสองคน
ท่านหญิงน้อยสองคนนี้อายุต่างกันสองขวบ วัยกำลังน่ารักน่าชัง
จวงกุ้ยเฟยชอบพวกนางมาก จึงให้ท่านหญิงน้อยค้างอยู่ในวัง
วันนี้หนิงอ๋องและชายาเข้าวังมาเพื่อรับท่านหญิงน้อยกลับบ้าน
เมื่อครู่นี้ท่านหญิงน้อยทั้งสองเจอบัณฑิตทั้งสามแห่งกั๋วจื่อเจียนเข้า จึงไปเล่นด้วยกันกับพวกเขา
จวงกุ้ยเฟยกับหนิงอ๋องและชายาจึงมารอพวกเขาที่สวนหลวง คิดไม่ถึงว่าจะเจอจวงไทเฮากับกู้เจียวโดยบังเอิญ
“ไทเฮา!” จวงกุ้ยเฟยยิ้มเดินไปหาพลางคำนับให้ แล้วหันไปมองกู้เจียว “เจียวเจียวก็อยู่ด้วยนี่นา”
หลังจากทราบว่ากู้เจียวได้รับความโปรดปราน จวงกุ้ยเฟยก็เปลี่ยนคำเรียกกู้เจียวเลย
“ท่านยาย” หนิงอ๋องคำนับให้จวงไทเฮา และพยักหน้าให้กู้เจียวที่อยู่ด้านข้างเพื่อเป็นการทักทาย “ฮูหยินกู้” เมื่อเทียบกันแล้ว คำเรียกของเขาตามธรรมเนียมกว่ามาก ไม่ดูสนิทสนมเกินไป และไม่ได้ห่างเหินเกินไปด้วย ที่สำคัญคือเป็นธรรมชาติมาก
กู้เจียวจึงทักทายเขาอย่างเป็นธรรมชาติด้วยเช่นกัน “ฝ่าบาทหนิงอ๋อง”
จากนั้นหนิงอ๋องเฟยก็คำนับให้จวงไทเฮา
“นั่งลงสิ”
จวงไทเฮาสั่งขึ้น มีนางกำนัลยกโต๊ะเก้าอี้มาวางให้พวกเขา
ฉินกงกงเอ่ย “ไทเฮา แม่นางกู้ เชิญนั่ง”
จวงกุ้ยเฟยเบ้ปาก ตนที่เป็นถึงกุ้ยเฟยอยู่ตรงนี้แท้ๆ โอรสอย่างหนิงอ๋องก็อยู่ตรงนี้ด้วย ฉินกงกงกลับไปรับใช้คนนอก
กู้เจียวนั่งลงด้วยกันกับท่านย่า