ตอนที่ 405 ราชาแห่งบทกวี (3)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 405 ราชาแห่งบทกวี (3)

“ฝ่าบาท” หลี่ฉางโซ่วกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียง “การตายของแม่ทัพใหญ่ย่อมจะทำลายขวัญกำลังใจของกองทัพศาลสวรรค์อย่างมหาศาลแน่นอน วันนี้ พวกเราอยู่ที่นี่ เพื่อสำแดงพลังอำนาจแห่งศาลสวรรค์และบารมีของฝ่าบาท เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อสร้างความเดือดดาลให้นักพรตเต๋าเฒ่าผู้นี้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนก็พยักหน้ารับเบาๆ แล้ววกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงว่า “เป็นเพราะเข้าใจผิดเมื่อเห็นเจ้าถูกฆ่า ข้าจึงอยากทำลายนักพรตเต๋าเฒ่าผู้นี้ให้ได้ในวันนี้โดยไม่ได้พิจารณาให้ดี ขุนนางของข้า เจ้ามีแผนเด็ดใดกัน?”

“ฝ่าบาท โปรดให้เทพน้อยลองดู”

“ย่อมได้”

ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนก็พยักหน้ารับเบาๆ จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ถือแส้หางม้าแล้วก้าวออกไปข้างหน้าอีกครั้งเพื่อเผชิญหน้านักพรตเต๋าชรา

นักพรตเต๋าชราแค่นเสียงกล่าวอย่างสงบว่า “เหตุใดกัน? พวกเจ้าหารือกันหรือ? ในเมื่อข้าสะบั้นร่างจำแลงของเจ้าแล้ว เจ้าก็น่าจะรู้ว่าสมบัติของข้าแข็งแกร่งน่าทึ่งเพียงใด! รีบๆ ถอยไปเร็วๆ แล้วเปิดทางรอดให้เหล่าปีศาจเดี๋ยวนี้!”

“สหายเต๋า เจ้าเป็นผู้ใดกัน?” หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วพลางถาม

“ข้า…”

“สหายเต๋า ประการแรก เจ้าไม่เปิดเผยที่มา และประการที่สอง เจ้าไม่ได้บอกเหตุและผล แต่เจ้าเพียงขัดขวางแม่ทัพแห่งศาลสวรรค์ แล้วเจ้ายังต้องการให้ศาลสวรรค์ถอยกลับไปต่อหน้าเจ้า สหายเต๋า หากเจ้าไม่พูดอะไร แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าควรค่าเพียงใดและเราควรให้เกียรติ ไว้หน้าให้เจ้ามากเพียงใด?”

หลี่ฉางโซ่วสะบัดแส้หางม้าและหัวเราะเบาๆ

ในขณะที่นักพรตเต๋าชราก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วเขาก็มีแผน

นักพรตเต๋าชราส่งเสียงตะคอกเบาๆ และกล่าวว่า “เจ้าจงฟังไว้! เดิมทีข้าฝึกบำเพ็ญด้วยตัวเอง และด้วยผ่านการฝึกฝน ข้าจึงไม่ได้สนใจเรื่องในโลก ข้าเข้าใจเต๋าแห่งสวรรค์และปฐพีแล้ว และในชั่วพริบตา ก็เผชิญกับภัยพิบัติ ข้าไม่ได้ไปหาเสวียนตูเพื่อกราบบูชาไท่ชิงหรือไปที่สำนักอวี่ซวี ตอนนี้ ข้ารู้แจ้งถึงกฎแห่งไฟแล้ว และทันทีที่สมบัติของข้าปรากฏขึ้น ก็จะมีคนถูกตัดหัว เป็นอย่างไรบ้าง? เท่านี้เพียงพอหรือไม่!?!”

หลี่ฉางโซ่วใคร่ครวญถ้วนถี่ นักพรตเต๋าเฒ่าคนนี้ก็ระมัดระวังเช่นกัน เขาไม่เปิดเผยภูมิหลังใดๆ เลย

ทว่ามีดบินสังหารเซียน…

นั่นคือ เอกลักษณ์ของนักพรตลู่หยา!

นับจากช่วงเวลาที่ลู่หยายืนหยัดขึ้นเพื่อเผ่าปีศาจและกล่าวประโยคว่า เด็กกำพร้าของศาลปีศาจ หลี่ฉางโซ่วก็เข้าใจภูมิหลังของเขาคร่าวๆ แล้ว

หลังจากฟังลู่หยาร่ายยาวจนจบแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ประสานมือคารวะให้ พลางยิ้ม และกล่าวว่า “เกรงว่ายังไม่พอ”

“โอ้?”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “สหายเต๋า โปรดฟังข้า และดูว่าข้ามีหน้าพอจะขอให้สหายเต๋าถอยหนีไปในวันนี้หรือไม่ สหายเต๋า โปรดฟังข้า ข้าเป็นศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เมื่อท่านปรมาจารย์อาวุโสสั่งข้า ข้าก็เข้าสู่สวรรค์

ในสำนัก ไร้คนระดับปานกลาง ข้าล้วนมีสหายเก่าในทั้งสามสำนัก เมื่อได้รับตำแหน่งเทพในหอสมบัติหลิงเซียวแล้ว เต๋าสวรรค์ก็ให้สิทธิ์ข้าลงสู่ทะเล ครั้นเมื่อข้าก้มกราบกรานสามครั้งในวังดุสิต ข้าก็ได้รับเต๋าการหลอมโอสถจากองค์ไท่ชิง!”

หลังจากกล่าวเช่นนั้นแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็แค่นเสียงเย็นชาว่า “สหายเต๋า เช่นนั้นแล้ว เจ้าคิดว่าข้ายอดเยี่ยมพอหรือไม่?”

“ฮ่าๆๆ!”

นักพรตเต๋าลู่หยาหัวเราะลั่น แล้วยัดน้ำเต้าสังหารเซียนเข้าปากก่อนจะกล่าวอย่างสงบว่า “ในเมื่อเจ้าเป็นศิษย์ของจอมปราชญ์แห่งสามสำนักบำเพ็ญเต๋า ความจริงแล้ว เจ้าจึงไปรับใช้องค์เง็กเซียนในหอสมบัติหลิงเซียว ช่างน่าขันจริงๆ”

“ฝ่าบาท องค์เง็กเซียนทรงปกครองสามอาณาจักรด้วยเต๋าสวรรค์ และเป็นเกียรติของข้ายิ่งนักที่ได้คิดแผนและเสนอคำแนะนำให้ฝ่าบาทได้ และย่อมเป็นพรที่ได้ยังประโยชน์ต่อสรรพชีวิตทั้งหมดในสามอาณาจักร!”

หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและกล่าวว่า “นักพรตเต๋าที่มีเต๋าต่างกัน ย่อมมีวิถีต่างกัน สหายเต๋า หากคิดว่าข้าทรงพลังอำนาจเพียงพอ ก็ขอได้โปรดจากไปเถิด

เผ่าปีศาจใต้ทะเลลึกทำชั่วซ้ำแล้วซ้ำเล่า วิญญาณส่วนใหญ่ในเผ่าล้วนเปื้อนไปด้วยกรรมร้าย เต๋าสวรรค์จึงต้องกำจัดพวกมัน!”

“ดูท่าแล้ว” นักพรตเต๋าลู่หยากล่าวอย่างเย็นชาว่า “เกรงว่าข้าจะต้องทำมันอีกครั้งในวันนี้! จงฟังให้ดี! เดิมทีข้า…”

“สหายเต๋า ไยไม่ฟังข้าบ้าง”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวขัดจังหวะร่ายบทกวีของนักพรตเต๋าลู่หยา

สิ่งเหล่านี้คืออะไร?

บทกวียอดเยี่ยมจากโลกบรรพกาล?

เห็นได้ว่า ในเวลานี้ นักพรตเต๋าลู่หยายังกลัวศาลสวรรค์อยู่บ้าง ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่เอ่ยวาจายืดเยื้อถึงเพียงนี้ หากเขามั่นใจจริงๆ ก็เพียงสังหารจอมทัพรี่เทียนแล้วจากไป

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น…

หลี่ฉางโซ่วจึงยิ้มและกล่าวว่า “สหายเต๋า เดิมคือวิญญาณไฟหยาง และได้รับเต๋าในวิหารทองโบราณแห่งเต๋า เป็นเช่นนั้นหรือไม่?”

ใบหน้าของนักพรตเต๋าลู่หยาสั่นเล็กน้อย ดวงตาของเขาเปล่งแสงที่น่าสะพรึงกลัวออกมาขณะจ้องมองหลี่ฉางโซ่ว

หลี่ฉางโซ่วกล่าวต่อว่า “เจ้ากำลังเป็นอิสระสำราญใจไร้กังวลอยู่ในหมู่เมฆและยั่วยุให้เทพธนูสั่นสะเทือนสวรรค์ปีศาจ ข้ากล่าวผิดไปหรือไม่?”

บัดนั้น แสงในดวงตาของนักพรตเต๋าชราพลันหายไป จากนั้น เขาก็กล่าวหนักแน่นว่า “สหายเต๋า ในเมื่อเจ้ารู้ภูมิหลังของข้า เช่นนั้น ก่อนหน้านี้ เจ้าก็ทำให้ข้าโง่เขลาแล้ว!”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างสงบว่า “ข้าพอมีไมตรีกับเหล่าบรรพชนของเจ้าอยู่บ้าง และไม่อยากทำให้สหายเต๋าอับอายเช่นนี้ สหายเต๋า วันนี้จงกลับไปเถิด ในเมื่อเจ้าไม่อาจปกป้องเหล่าปีศาจใต้ท้องทะเลลึกได้ ก็อย่าให้ร่างหลักของข้ามาที่นี่เลย ข้าเกรงว่ามีดบินสังหารเซียนของเจ้าอาจไร้ประโยชน์เมื่อเผชิญกับร่างจำแลงจากพลังเวทของข้า”

มิตรภาพระหว่างเหล่าบรรพชนนั้นมีจำกัด ข้ารู้จักพวกเขา ทว่าพวกเขาไม่รู้จักข้า

“แล้วเจ้ารู้ชื่อสมบัติของข้าได้อย่างไร?”

นักพรตเต๋าลู่หยาก็ตกใจเช่นกัน เขาเพิ่งหลอมมีดบินสังหารเซียนขึ้นมาเมื่อไม่นานมานี้ นักพรตเต๋าสามหรือสี่คนที่ได้เผชิญกับสมบัตินั้นก็หายตัวไปนานแล้ว

หลี่ฉางโซ่วยิ้มเฉยไม่เอ่ยอะไรสักคำ ในขณะนั้น ดวงตาของนักพรตเต๋าลู่หยาก็เต็มไปด้วยความลังเลสงสัย

“เหอะ!”

นักพรตเต๋าลู่หยาแค่นสียงกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ถือว่าวันนี้ข้าจะไว้หน้าให้ท่าน! หากศาลสวรรค์จงใจมุ่งเป้าไปที่เหล่าปีศาจ ข้าจะไปที่หอสมบัติหลิงเซียวเพื่อขอคำชี้แจงในเรื่องนี้อย่างแน่นอน!”

หลังจากกล่าววาจาดุร้ายแล้ว เขาก็หันกลับแล้วกลายร่างเป็นลำแสง สีรุ้ง แล้วหายวับไปกับตาพร้อมกับเสียงแหวกฝ่าอากาศอย่างรวดเร็วยิ่ง

หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะเบาๆ พลางยิ้มและพึมพำว่า “อย่างน้อย เจ้าก็รู้สถานะของเจ้า”

กล่าวจบ เขาก็หันกลับมาแล้วเดินไปที่ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียน

ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนก้าวออกไปข้างหน้าสองก้าวและถามว่า “เขาคือองค์ชายสิบที่รอดพ้นจากเหล่าปีศาจในยามนั้นใช่หรือไม่?”

“น่าจะเป็นเช่นนั้น” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและส่งข้อความเสียงว่า “เทพน้อยก็ไม่รู้ชัดเช่นกัน เพียงเพิ่งล่อหลอกเขาเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่า ตอนนี้จะเป็นเช่นนั้น”

“มีดบินสังหารเซียนนั้นไม่ธรรมดาเลย” ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนแย้มยิ้มและกล่าวว่า “แต่สติปัญญาของฉางเกิงก็ยิ่งน่าประทับใจมากกว่า”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวเตือนว่า “ฝ่าบาท บัดนี้ ได้เวลานำกองทัพไปปราบศัตรูแล้ว ลู่หยาทำให้เราล่าช้าไปพักหนึ่งแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีเผ่าปีศาจทะเลประจิมหนีรอดไปได้มากเท่าใดแล้ว?”

“แน่นอน!”

องค์เง็กเซียนหัวเราะก่อนจะสงบสติอารมณ์และวางท่าเคร่งขรึมดั่งเดิมอีกครั้ง แล้วหันกลับไปมองเหล่าทหารสวรรค์นับหมื่นที่อยู่ข้างหลังเขาและกองทัพที่กำลังบินมาแต่ไกล

ทันใดนั้น เขาก็ชูกระบี่สีทองยาวในมือขึ้นสูง และเหล่าทหารสวรรค์หลายพันคนก็ล้วนส่งเสียงฮึกเหิมอย่างพร้อมเพรียงกัน เสียงของพวกเขาดังลั่นสั่นสะเทือนปฐพี

เพื่อศาลสวรรค์!

………………………………………………………………..