บทที่ 498 กลับบริษัท

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

หลังจากที่ตอบกลับไป เขาก็ไม่ได้เช็กดูอะไรอีก ผละออกจากหน้าTwitter

เพราะTwitterหลังจากนั้นของเขา ก็ได้สงบลงเพราะข้อความก่อนหน้า

“ท่านประธาน”ในตอนนี้เอง ประตูห้องคนป่วยก็มีเสียงเคาะดังขึ้น

นัทธีหันมองไปยังที่เตียงนอน เห็นแม่ลูกทั้งสามคนไม่มีใครสะดุ้งตื่น จึงได้ลุกเดินไปเงียบๆ เพื่อไปเปิดประตูห้อง

“ท่านประธาน ผม……”

“ไปคุยกันข้างนอก”นัทธีพูดขัดจังหวะมารุต

มารุตก็รู้ตัว พยักหน้าให้ เบี่ยงตัวหลบตรงทางออกของประตู

นัทธีเดินออกไป และปิดประตูลงเบาๆ “ ว่าไง มีเรื่องอะไร ”

“ผลตรวจของพิชญากับปวิชครับ ”มารุตหยิบเอาหนึ่งในเอกสาร ยื่นให้นัทธี“เมื่อครู่ผลตรวจของพวกเขาออกมาแล้ว ผลปรากฏว่า พิชญาไม่ใช่ลูกของสุภัทร แต่เป็นลูกของปวิช”

นัทธีไม่ได้แปลกใจอะไรกับผลตรวจที่ออกมา

ในเมื่อวารุณีกล้าที่จะส่งเส้นผมเขากลับมา นั้นก็หมายความว่า โอกาสที่พิชญาไม่ใช่ลูกสาวของสุภัทรนั้นเป็นไปได้สูงมาก

ทำการตรวจ ก็เพื่อยืนยันความแน่ชัดเท่านั้น

นัทธีเปิดดูผลตรวจของพิชญากับปวิชอย่างผ่านๆ แล้วปิดมันลง ไม่ได้ให้ความสนใจอะไร รอวารุณีตื่น แล้วค่อยเอามันให้วารุณี

เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของตระกูลศรีสุขคํา ต่อให้เขาจะเป็นลูกเขย ก็เข้าไปยุ่งวุ่นวายอะไรไม่สะดวก

ดังนั้น ให้เธอคิดเองจัดการเองดีกว่า

“แล้วนั้นอะไร?”สายตาของนัทธีจับจ้องมองไปที่มือของมารุต มันคือเอกสารอีกหนึ่งฉบับ

ท่าทีของมารุตก็จริงจังขึ้นมา“ในนี้เป็นรายชื่อคนรู้จักของคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิง และรายชื่อของคนที่ซื้อโทรศัพท์โทรา ครั้งที่แล้วคุณให้ผมเอารายชื่อของทั้งสองอันมาเทียบกัน ดูว่ามีรายชื่อไหนที่มันซ้ำกันหรือเปล่า ผมเอาไปเทียบดูแล้ว มีรายชื่อไม่น้อยเลยครับ ”

พูดๆอยู่ มารุตก็ยื่นเอกสารมาให้

นัทธีหรี่ตาลงแล้วเปิดออกดู ดูไปยังรายชื่อที่เทียบออกมาแล้ว

ในรายชื่อมีประมาณยี่สิบกว่าคน ในยี่สิบคนนี้ มีทั้งคนที่เคยเป็นเพื่อนและคนที่เป็นศัตรูของพ่อกับแม่ และยังเป็นรายชื่อของผู้ซื้อโทรศัพท์โทราด้วย

ดังนั้นในยี่สิบคนนี้ ต้องมีฆาตกรคนที่สองอยู่แน่ ส่วนจะเป็นใครนั้น ในยี่สิบคนนี้ เขาจะตรวจเช็กมันอย่างละเอียดอีกที

“เช็กมา ทั้งยี่สิบคนนี้ โคตรเหง้าศักราชของพวกเขาเช็กมาให้ละเอียด!” นัทธีดูเสร็จ ก็ส่งคืนเอกสารนั้นให้กับมารุต

มารุตรับคำ “ทราบแล้วครับ”

“มีอะไรอีกไหม?”เมื่อเห็นมารุตยังไม่ไป นัทธีจึงเอ่ยถามอีกครั้ง

มารุตลูบไปที่สันจมูก“คือแบบนี้ครับ คุณหมอพิชิตเขาโทรมาหาผม บอกว่าอยากจะมาเยี่ยมเด็กๆ ให้ผมแจ้งคุณด้วย”

มุมปากนัทธียกหยักขึ้นอย่างเย็นชา “บอกเขา ไสหัวไปไกลๆ”

เขาไม่มีทางให้พิชิตมาเยี่ยมเด็กๆแน่

เด็กทั้งสองคนถูกพิชิตทำร้ายทางอ้อมขนาดนี้ คิดว่าหากมาเยี่ยมแล้ว จะชดเชยได้งั้นเหรอ ?

“ทราบแล้วครับ เดี๋ยวผมจะแจ้งเขากลับ หากท่านประธานไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ ”มารุตกล่าวลา

นัทธีพยักหน้าเล็กน้อย แล้วตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง

หลังจากที่มารุตไปแล้ว นัทธีก็เดินกลับเข้าห้อง นั่งลงบนโซฟา เริ่มจัดการกับเอกสารต่างๆ

ตอนที่วารุณีตื่น ก็เป็นเวลาบ่ายสามโมงแล้ว

แต่ลูกทั้งสองคนยังหลับอยู่

เธอไม่ได้ปลุกเด็กน้อยทั้งสองคน เดินเสียงเบาไปที่ห้องน้ำ

หลังจากที่ล้างหน้าล้างตาแล้ว ก็รู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าอย่างมาก

ในตอนนี้เอง ป้าส้มก็เดินเข้ามา“คุณผู้หญิง ตื่นแล้วเหรอคะ”

“ค่ะ แล้วนัทธีล่ะคะ?”วารุณีถาม

ป้าส้มวางกระติกเก็บความร้อนในมือลง “คุณผู้ชายกลับไปที่บริษัทแล้วค่ะ เห็นว่ามีธุระ ค่ำๆจะกลับเข้ามาค่ะ ”

“อ๋อค่ะ ”วารุณีพยักหน้า

ป้าส้มเปิดกระติก “คุณผู้หญิง ทานอาหารก่อนนะคะ ป้าทำมาให้คุณโดยเฉพาะเลยค่ะ ”

เมื่อได้กลิ่นหอมชวนน้ำลายสอ วารุณียิ้มแล้วรับคำ “ดีเลยค่ะ ไม่ได้กินอาหารฝีมือป้าส้มนานแล้ว คิดถึงเหมือนกัน”

เมื่อป้าส้มได้ยิน ก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ“ งั้นคุณผู้หญิงก็ต้องกินเยอะๆนะค่ะ ”

“ค่ะ”วารุณีตอบกลับ แล้วนั่งลงข้างๆ เริ่มรับประทานอาหารทันที

หลังจากที่กินเสร็จเรียบร้อย เธอก็เช็ดปากแล้วลุกยืนขึ้น“ ป้าส้ม ช่วยดูเด็กๆให้หน่อยนะคะ หนูจะแวะไปดูที่บริษัทสักหน่อย ”

ไม่ได้ไปนานแล้ว ไม่รู้ว่าที่บริษัทเป็นอย่างไรบ้าง

ปาจรีย์อีกคน เธออยากเจอเขาเหมือนกัน

“ไปเถอะค่ะคุณผู้หญิง ไม่ต้องเป็นห่วง ที่นี่ป้าจะอยู่ดูแลให้เอง”ป้าส้มโบกมือให้

วารุณีกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็หยิบกระเป๋าแล้วออกจากโรงพยาบาลไป

เธอโบกรถมาถึงที่บริษัท

วารุณียืนมองอยู่ด้านล่างสักพัก ก่อนจะเดินเข้าไปยังด้านใน

ติ่ง!

ลิฟต์เปิดออก

วารุณีเดินมาถึงที่หน้าประตูบริษัท เดิมทีพนักงานต้อนรับอยากจะเข้ามาต้อนรับ ทันทีที่เงยหน้าขึ้นแล้วเห็นเป็นเธอ ก็ตกใจจนอ้าปากค้าง“คุณวารุณี คุณกลับมาแล้ว?”

คนอื่นๆในที่ทำงานเมื่อได้ยิน ต่างก็พากันเงยหน้าขึ้นแล้วมองมา

“คุณวารุณี ใช่คุณจริงๆด้วย”

“คุณกลับมาได้ยังไงคะ ?”

ทุกคนต่างพากันลุกขึ้นยืน แล้วถามกันเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว

วารุณียิ้มแล้วส่งขนมและชากาแฟในมือยื่นให้ไป“ ฉันก็แวะกลับมาดู อ่ะนี่ ขนมและชายามบ่าย”

“ขอบคุณค่ะคุณวารุณี”

หลังจากที่ทุกคนกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม ก็พากันแจกจ่ายกาแฟกับขนม

ในห้องทำงาน ปาจรีย์ที่ได้ยินเสียงเอะอะจากทางด้านนอก ก็ขมวดคิ้วอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้น?”

ปาจรีย์วางโทรศัพท์ลง ลุกขึ้นแล้วเดินออกมา อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้เสียงดังอย่างนี้

ที่คาดไม่ถึงก็คือ จะมาเจอวารุณี

“วา……วารุณี?”ปาจรีย์ขยี้ตาตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ

วารุณีหันกลับมา ส่งยิ้มให้เธอ“ปาจรีย์ ฉันกลับมาแล้ว”

“เธอมาได้ยังไง?” ปาจรีย์เดินเข้ามาหาด้วยความตื่นเต้นและดีใจ จับมือวารุณีแล้วมองสำรวจดูอย่างละเอียด“เธอไปแข่งขันอยู่ไม่ใช่เหรอ ? แข่งสามเดือน นี่มันยังไม่ถึงเดือนเลยเธอก็กลับมาแล้ว คงไม่ใช่ว่าตกรอบแล้วนะ ?”

ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ทั่วบริเวณของสำนักงานก็เงียบกริบ ไม่มีใครดื่มกาแฟ ขนมก็ไม่มีคนกิน ต่างพากันมองมาที่วารุณีอย่างจดจ้อง

“คุณวารุณี อย่าบอกนะว่าคุณตกรอบไปแล้ว ?”

หากจะบอกว่าวารุณีตกรอบ คนที่เศร้าและเสียใจที่สุด ก็ต้องเป็นพวกเขาแน่นอน

เพราะการที่คุณวารุณีไปเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติ พวกเขาที่เป็นนักออกแบบตัวเล็กๆไม่มีชื่อเสียงอะไรก็พลอยได้รับความนิยมไปด้วย ผลงานออกแบบจำนวนมากก็ถูกขายในราคาที่สูง

หากคุณวารุณีตกรอบ นั้นก็หมายความว่า พวกเขาไม่สามารถอาศัยคุณวารุณีสร้างชื่อเสียงและผลงานตัวเองต่อไปได้อีก ?

วารุณีมองดูสายตาที่เป็นกังวลของทุกคนที่จับจ้องมา ก็ต้องส่ายหัวให้อย่างจนใจ“ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันแค่กลับมาดู มะรืนนี้ก็ต้องกลับไปแข่งขันต่ออีก”

เมื่อได้ยินคำนี้ ทุกคนต่างก็ถึงได้โล่งใจ “ฉันก็ว่า คุณวารุณีมีความสามารถขนาดนี้ จะตกรอบไปได้ยังไงกัน ”

“จริงเห็นด้วย”ทุกคนต่างก็พากันกินขนมต่อ

ปาจรีย์พาวารุณีมาที่ห้องทำงานของตัวเอง “ วารุณี พูดมาตามตรง มันเรื่องอะไรทำไมเธอถึงได้กลับมา นี่มันไม่ใช่เธอเลย ”

สีหน้าของวารุณีก็นิ่งลง อากาศรอบๆตัวก็หนาวเย็นขึ้นมาเล็กน้อย

ปาจรีย์กะพริบตาถี่ๆ “วารุณี เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม ?”

“ไอริณเข้าโรงพยาบาล อารัณได้รับบาดเจ็บ” วารุณีตอบอย่างยากลำบาก

ปาจรีย์อุทานออกมา “ อะไรนะ ? เด็กทั้งสองคนทำไมถึง……เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นงั้นเหรอ ?”

“มันไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นฝีมือคน ฝีมือนวิยา”วารุณีกำมือแน่นแล้วตอบ “นวิยาถูกพิชิตปล่อยตัวออกมา เขาอยากที่จะเอาคืนฉัน ตอนที่ฉันไม่อยู่ ก็เลยไปลงมือกับเด็กๆ ”

ปาจรีย์กัดฟันกร่อน“ ผู้หญิงคนนั้น จิตใจก็อำมหิตเกินไป คุณหมอพิชิตก็อีกคน สมองเสื่อมไปแล้วหรือไง ?”

“ปาจรีย์”วารุณีจับมือเธอ “ช่วงนี้ เธอก็ต้องระวังตัวด้วยนะ ดูแลตัวเองให้ดี ฉันกลัวว่านวิยาจะลงมือเล่นงานทุกคนรอบๆตัวฉัน ”

เมื่อได้ยินคำนี้ ในใจของปาจรีย์ก็กระตุก ไม่นาน ก็พยักหน้าหนักแน่นกลับ “ วางใจเถอะ ฉันรู้ ฉันจะระวังตัว”

“ดีแล้ว ไหนเล่าให้ฉันฟังหน่อยช่วงที่ฉันไม่อยู่ ที่บริษัทเป็นยังไงบ้าง”วารุณีถามเรื่องเป็นการเป็นงานขึ้นมาทันที