บทที่ 520 เงินกับเงินรางวัลมันไม่เหมือนกันนะ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 520 เงินกับเงินรางวัลมันไม่เหมือนกันนะ

บทที่ 520 เงินกับเงินรางวัลมันไม่เหมือนกันนะ

คนบ้านซูไปดูงานมอบรางวัลวันนี้เยอะอยู่แล้ว พวกเขาไปกันอย่างเอิกเกริก แต่ตอนกลับมาถึงดันมีคนมาเพิ่มอีกหลายคน แม้กระทั่งคุณปู่และคุณย่าซูยังตกใจ

ทำไมคนยกโขยงมาก่อนมากขนาดนี้? เด็กคนไหนไปก่อเรื่องไว้น่ะ?

นั่นคือความคิดแรกของคุณปู่ซู

อวี่รุ่ยหยวนจึงแนะนำให้อีกฝ่ายรู้จัก

ชายชราไม่ใช่คนเลอะเลือน มีหรือจะไม่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นคนใหญ่คนโต จึงรีบทักทายอย่างกระตือรือร้น

“คุณปู่ ถ้าปู่อู๋เขามากินข้าวร้านเราอีก ต้องให้ส่วนลดเขาสิบห้าเปอร์เซ็นต์นะคะ หนูบอกเขาไว้แล้ว” เสี่ยวเถียนยิ้ม

ผู้อาวุโสอู๋ไม่คิดว่าเด็กสาวจะใส่ใจเรื่องนี้ แล้วลดราคาให้จริง ๆ

เอาเถอะ สิบห้าก็สิบห้า!

คุณปู่ซูเชิญพวกเขามานั่งในห้องส่วนตัว โดยมีเสี่ยวเถียนคอยรินชา และหยิบขนมกับผลไม้ออกมาเสิร์ฟ

“หออีหมิงบริการดีจัง” รัฐมนตรีกู่ประหลาดใจ

“เสี่ยวเถียนบอกเสมอเลยว่าการบริการเป็นเรื่องสำคัญ ย้ำกับพนักงานอยู่ตลอดว่าให้คำนึงถึงลูกค้าก่อนเป็นสิ่งแรก”

เขาพยักหน้า สมัยนู้นที่เคยออกมากินข้าว เสี่ยวเอ้อร์คอยต้อนรับอย่างดี แต่หลังจากนั้นมาพนักงานของร้านอาหารรัฐไม่ค่อยใส่ใจแขกเท่าไร เทียบกับหออีหมิงแล้ว ไม่แปลกใจที่กิจการที่นี่จะดีกว่า

หลังจากที่ซื่อเลี่ยงหัวหมุนอยู่สักพัก พวกน้อง ๆ ก็ร้องขอว่าอยากจะกินไอศกรีม ชายหนุ่มตอบตกลงแล้วกวักมือเรียกให้พวกเขาตามไป ตอนนี้เขารวยแล้ว ไอศกรีมแท่งเดียวไม่คณามือหรอก!

โอ๊ะ! ไม่สิ ไม่ใช่แท่งเดียวสักหน่อยแต่สิบกว่าแท่งต่างหาก ครึ่งชั่วโมงต่อมา ในมือเด็ก ๆ ถือไอศกรีมกันคนละแท่ง รวมถึงเสี่ยวเหมย เสี่ยวกังและอาจารย์ฮั่วด้วย

ฮั่วซือเหนียนมีความสุขกับสิ่งที่พวกเด็ก ๆ คิดกัน ชัดเจนแล้วว่าเขาก็ยังหนุ่มอยู่เหมือนกัน!

ส่วนผู้ใหญ่คนอื่น ๆ บอกว่ากินไอศกรีมตอนหน้าหนาวไม่คุ้มให้ตัวเองทรมานหรอก

ตอนแรกผู้อาวุโสอู๋ไม่สนใจส่วนลดของเสี่ยวเถียนด้วยซ้ำ เพราะร้านนี้อยู่ไกลจากบ้านเขามาก แล้วก็คงไม่ลงทุนมากินโดยเฉพาะด้วย ต่อให้ชอบอาหารของที่นี่มาก แต่เขาก็ไม่ใช้พวกนักกินขนาดนั้น

ทว่ายามตักเข้าปากคำแรกก็ต้องประหลาดใจที่พบว่ารสชาติน่าอัศจรรย์

ไม่แปลกที่ทุกคนบอกว่าอร่อยสมคำร่ำลือ!

หออีหมิงมีเมนูอาหารหลากหลายและมีหลายรสชาติ แม้แต่ร้านอาหารรัฐยังทำไม่ได้เลย ไม่แปลกใจที่สร้างชื่อเสียงท่ามกลางร้านรวงมหาศาลในเมืองหลวงได้

“รุ่นพี่ อาหารที่นี่เหมาะกับปากพี่หรือเปล่า?” อวี่รุ่ยหยวนแกล้งหยอก

เธอยังจำได้อยู่เลยว่า ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายยืนกรานจะไปร้านอาหารของรัฐให้ได้ แถมยังบอกอีกว่าอาหารร้านพวกนั้นรสชาติดีและคุ้มค่าที่จะกินด้วย ผู้อาวุโสอู๋กินอย่างเอร็ดอร่อย ไม่คิดจะตอบคำถามอวี่รุ่ยหยวนสักนิด

น้องเนิ้งอะไรกัน จะมาเทียบกับของกินอร่อยได้ยังไง?

ตู้ถงเหอหัวเราะ เขาไม่ค่อยเห็นภรรยาแกล้งคนอื่นเท่าไร อายุตั้งเท่าไรยังซนขนาดนี้

รัฐมนตรีกู่ตื่นตะลึงมาก เขารู้จักอาหารอร่อยนะ แต่บอกไม่ได้ว่าอาหารพวกนี้เป็นอาหารประเภทไหน! ตอนนี้สิ่งสำคัญสุดไม่ใช่อาหารแต่เป็นรสชาติต่างหาก

เหออวี้เฉวียนที่หนุ่มกว่าคนอื่น ๆ เพิ่งได้พบปะรัฐมนตรี ผู้อาวุโสอู๋ และผู้อาวุโสฉือเป็นครั้งแรก ตอนแรกเลยสงวนท่าทีเอาไว้ พยายามทำตัวดีเพื่อไม่ให้เสียหน้า

แต่หลังจากนั้นความคิดที่ว่ากลับพังทลายอย่างรวดเร็ว

เพราะบนโต๊ะมีอาหารจานอร่อยวางอยู่

แววตาเขาเต็มไปด้วยความตะกละหวังว่าจะคีบได้ว่องไวกว่าเพื่อน!

นอกจากพวกเขาทั้งสามแล้วก็ยังมีฉือเก๋อ คุณปู่ซู ซื่อเลี่ยง และอาจารย์ฮั่วผู้ที่สร้างความบันเทิงให้กับคนอื่น ๆ อยู่ด้วย

ระหว่างงานเลี้ยง ฮั่วซือเหนียนคอยยกยออยู่ตลอด แทบจะใช้ความสามารถทั้งหมดเลยก็ว่าได้

เห็นแบบนั้นรัฐมนตรีฮั่วก็เอาแต่หัวเราะ

ไอ้เด็กคนนี้ ที่แท้ก็ทำตัวแบบนี้เวลาเห็นสาวที่ชอบหรือ? แต่ไม่รู้ว่าพวกเธอจะเสียใจหรือเปล่าถ้าคนที่ได้เห็นกลับเป็นคนอื่นแทนน่ะ?

อาจารย์ฮั่วไม่ใส่ใจ

มีผู้หญิงมาชอบเขาตั้งหลายคน ถ้าต้องคิดแบบนั้นไม่เหนื่อยตายหรือไง?

ตลอดมื้ออาหารเต็มไปด้วยความรื่นเริง

หลังจากกินข้าวฟ้าก็มืดแล้ว

รัฐมนตรีกู่มีธุระต้องไปจัดการต่อ จึงร่ำลาอย่างสุภาพว่าวันหลังจะมาใหม่ก่อนจะเดินจากไป

ส่วนผู้อาวุโสอู๋ไม่อยากไปเลย จริง ๆ ก่อนหน้านี้เขาไม่เต็มใจจะแยกจากอาหารอร่อยนะ แต่ตอนนี้ไม่อยากแยกกับน้องมากกว่า แต่ว่ามันดึกแล้วเขาต้องกลับบ้าน ถ้าไม่กลับที่บ้านจะเป็นห่วงเอา

สุดท้ายอาจารย์ฮั่วก็ส่งอีกฝ่ายกลับไป

เหออวี้เฉวียนเป็นคนสุดท้าย ก่อนจะไปก็ยังลังเลเหมือนกัน!

“นักเรียนซื่อเลี่ยง ฉันอยากคุยกับเธอมากกว่านี้นะ แต่ข้าวมื้อนี้เสียเปล่าแล้ว” เขาเอ่ยอย่างเคอะเขิน

“อาจารย์เหอครับ ไว้มาวันหลังก็ได้นะ พวกเราจะได้คุยเรื่องสุนทรีย์และสถาปัตยกรรมกันต่อครับ!” ชายหนุ่มยิ้ม

แขกทยอยกลับไปทีละคนกระทั่งเหลือแค่พวกเรา พอไม่มีคนอื่นก็สามารถปล่อยตัวตามสบายได้แล้ว แต่ทุกคนยังคงตื่นเต้นมาก จากนั้นคุณย่าซูเอ่ยอย่างมีความสุข “ซื่อเลี่ยง เอาเงินรางวัลให้ย่าดูหน่อยซิ!”

“น่า เงินผมมีประโยชน์นะ!” ชายหนุ่มรีบปิดกระเป๋า

ถ้าเงินอยู่ในมือย่าคงโดนยึดแน่!

“ฉันไม่เคยเห็นหลานขี้เหนียวแบบนี้มาก่อนเลย แกเห็นฉันเป็นพวกเห็นแก่เงินหรือ?” หญิงชราเหลือบมองหลานชายที่ขี้เหนียวด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะตำหนิอย่างหยอกเย้า

เขายังไม่ทันพูดอะไรเลยแต่โดนใส่ร้ายเสียอย่างนั้น น่าเป็นคนแบบนั้นไม่ใช่หรือ? ใครจะไม่รู้ว่าย่าชอบเงินที่สุดน่ะ? อีกอย่าง ร้านเราทำรายได้ได้ตั้งขนาดนี้ ย่าเองก็ให้เงินปู่เป็นตั้งไม่ใช่หรือ?

สุดท้ายคุณย่าซูก็เอาเงินไปถือไว้ และสัมผัสแบงก์สิบหยวนครั้งแล้วครั้งเล่า ท่าทางนั้นทำให้ซื่อเลี่ยงคิดว่ามันจะกำลังจะบินจากเขาไปในไม่ช้า

คุณปู่ซูยิ้ม “สติฟั่นเฟือนหรือไง ไม่เห็นแบงก์สิบหยวนหรือ อันนี้ไง?”

คุณย่าซูมองสามี ตาแก่นี่น่ารังเกียจจนไม่อยากจะคุยด้วยเลย!

“มันก็เงินธรรมดาไม่ใช่หรือ? ฉันเคยเห็นแล้วแต่ยังไม่เห็นเงินรางวัลเลย!” หญิงชรามั่นใจมาก

ทุกคนนิ่งเป็นหิน มันก็อันเดียวกันไม่ใช่หรือ?

ถ้าอยากรู้สึกเป็นเกียรติเป็นศรีก็ต้องไปจับพวกใบประกาศกับถ้วยรางวัลไม่ใช่หรือไง?

ไม่น่าจะมีความหมายมากมายขนาดนั้นนะ?

คุณย่ากลับแตกต่าง

ถ้วยรางวัล ใบประกาศอะไรนั้นไม่เห็นน่าสนใจเลย ไม่สู้ถือเงินไว้ในมือหรอก หลังจากถือไว้สักพักแกก็คืนกลับไปอย่างไม่เต็มใจ ยังคิดอยู่เลยว่าจะไม่ได้คืน แต่จู่ ๆ ย่าก็ส่งคืนกลับมาให้

“คุณย่าให้ผมจริง ๆ หรือ?” เขาไม่อยากจะเชื่อ

หญิงชราหัวเราะก่อนจะว่า “นี่มันเงินรางวัลของแก ไม่ใช่ของฉันก็ต้องคืนอยู่แล้วสิ”

ซื่อเลี่ยงละอายใจที่คิดแบบนั้นกับย่า จริง ๆ แล้วย่าแสนดีที่หนึ่งเลย

แต่คิดจริง ๆ นะว่าอยากได้เงินเขาน่ะ!