บทที่ 526 ยุคแห่งสรวงสวรรค์ โอกาสวาสนาจากอริยะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 526 ยุคแห่งสรวงสวรรค์ โอกาสวาสนาจากอริยะ

เมื่อหานทั่วเล่าจบ หยางเทียนตงก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิด

เด็กคนนี้เกี่ยวข้องกับอาจารย์ของเขาจริงๆ

แต่เขาไม่อาจชี้ชัดได้ หากว่าอาจารย์มีแผนการเป็นของตนเล่า

บางทีนี่อาจเป็นแผนการที่อริยะจงใจนำมาใช้เล่นงานอาจารย์เขากระมัง

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ต้องคุ้มครองเด็กคนนี้ไว้ก่อน แต่จะบอกต้นสายปลายเหตุอย่างชัดเจนไม่ได้

“นับจากวันนี้ไป ข้าจะมอบป้ายคำสั่งหยินหยางให้เจ้า เจ้าจะได้รับตำแหน่งเทียบเท่าเจ้าหน้าที่ผี แต่ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่ รีบกลับไปเถอะ”

หยางเทียนตงกล่าวจบก็โบกมือคราหนึ่ง แสงสีดำสายหนึ่งลอยไปหาหานทั่ว ร่อนลงบนมือเขา

หานทั่วตะลึงงัน ไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์จะพลิกผันเช่นนี้ ทำให้เขามึนงงไปชั่วขณะ

หรือความเป็นมาของบิดามารดาเขาจะยิ่งใหญ่

เขากำลังจะอ้าปากถาม

หยางเทียนตงกลับเอ่ยเรียบๆ ว่า “มิใช่ว่าเจ้ายังมีแค้นต้องชำระหรือ ยังไม่รีบไปอีก หากยังชักช้า สังขารเจ้าถูกทำลาย เจ้าคงต้องไปเกิดใหม่จริงๆ”

หานทั่วได้ฟังก็รีบผุดลุกขึ้นมา ก่อนจากไปเขาเอ่ยทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง “ขอบพระคุณท่านพญายม หานทั่วจดจำน้ำใจนี้ไว้ วันหน้าต้องตอบแทนแน่นอน!”

หยางเทียนตงมองแผ่นหลังของหานทั่วที่จากไป ถอนทอดใจรำพัน “เหมือนอาจารย์จริงๆ”

เขาตัดสินใจว่าจะไปแดนเซียนด้วยตัวเอง สอบถามอาจารย์ดู

“ไม่ต้องมาถามหรอก เจ้ารู้ก็ดีแล้ว ยามปกติช่วยดูแลได้ก็ดูแลไป ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติเป็นพิเศษ และไม่ต้องบอกความจริงกับเขา”

เสียงของหานเจวี๋ยพลันแว่วดังขึ้นข้างหูหยางเทียนตง หยางเทียนตงสะดุ้งลุกขึ้นทันที เตรียมจะคารวะ

“อย่าได้ตื่นตระหนกนักเลย ตอนนี้เจ้าเป็นพญายม ต้องมีคนจับตามองเจ้าอยู่แน่”

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างเคร่งขรึม หยางเทียนตงกระดากอาย รีบกลับสู่สภาวะปกติ

หยางเทียนตงถามในใจ ‘อาจารย์ เขาคือบุตรชายของท่านหรือขอรับ’

“อืม”

‘เหตุใดไม่อยู่สำนักซ่อนเร้นเล่า’

“ฝึกฝนประสบการณ์”

‘คุณสมบัติของเขาดูเหมือนจะ…’

“อย่าสนใจมากปานนั้นเลย ว่ากันตามนี้!”

‘ศิษย์เสียมารยาทแล้ว…’

….

ณ เขตเซียนร้อยคีรี

หลังจากทราบว่ามรรคาสวรรค์มีวิญญาณเวลาก็ผ่านไปแล้วสองร้อยปี

สำหรับสิ่งที่หานทั่วพบพาน ล้วนอยู่ในสายตาของหานเจวี๋ยมาตลอด แต่มิได้ใส่ใจมากนัก

ประสบกับความเป็นความตาย ก็เป็นส่วนหนึ่งในการฝึกบำเพ็ญ

คุณสมบัติของหานทั่วค่อยๆ ถูกปลดปล่อยออกมาเรื่อยๆ นี่เป็นเจตนาของหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยบรรลุตบะระดับนี้ สามารถควบคุมสายเลือดของทายาทได้ แต่ควบคุมได้ไม่มากนัก ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหานเจวี๋ยเลือกหานทั่วแล้ว ก็ไม่สามารถเลือกทายาทคนอื่นๆ มาสืบทอดสายเลือดของตนได้อีก หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตา นี่จึงทำให้ในหมู่ทายาทของผู้ทรงพลังเหล่านั้นมักจะมีคนโดดเด่นเพียงคนเดียว หรือถึงขั้นที่ไม่มีเลยสักคน

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกฎเกณฑ์มรรคาสวรรค์ มรรคาสวรรค์ควบคุมการสืบทอดทางสายเลือด ทำให้สายเลือดด้อยลงในแต่ละรุ่น

หากว่าทุกคนล้วนมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับบรรพบุรุษ มรรคาสวรรค์คงถูกโค่นล้มไปนานแล้ว

เหตุผลที่หานเจวี๋ยเลี้ยงดูบ่มเพาะหานทั่ว เพราะอยากลองดูว่าจะชุบเลี้ยงหานทั่วให้กลายเป็นเทพมารอนธการได้หรือไม่

ว่ากันตามเหตุผล เขาคือเทพมารอนธการ อยู่เหนือการควบคุมของมรรคาสวรรค์ น่าจะมีความเป็นไปได้

“ข้าต้าซั่นเทียน จะสร้างโลกมนุษย์แห่งแรกของมรรคาสวรรค์ขึ้นมา นั่นคือโลกแยกนภา ตั้งอยู่ด้านล่างของแดนเซียน สรรพสิ่งล้วนสามารถโยกย้ายมาได้ ที่นี่ไร้สงคราม ไร้การเข่นฆ่า ไร้การแย่งชิงดวงชะตา!”

เสียงหนึ่งดังก้องไปทั่วฟ้าดิน สามารถทำให้เสียงดังกังวานไปทั่วแดนเซียนได้ อย่างน้อยๆ คงมีตบะระดับต้าหลัว

หานเจวี๋ยมองเห็นลำแสงสายหนึ่งพุ่งลงมาจากฟากฟ้า ร่วงลงสู่ปลายขอบฟ้า

นั่นคือแรงกุศลมรรคาสวรรค์!

หานเจวี๋ยรู้ดี ยุคแห่งสรวงสวรรค์ได้มาถึงแล้ว

เมื่อมีโลกแรก ก็ต้องมีโลกที่สอง!

หานเจวี๋ยหลับตาลง ไม่คิดมากอีก

ไม่เกี่ยวกับเขา!

….

เจ็ดสิบปีต่อมา

โจวฝานสำเร็จเป็นต้าหลัว อำนาจสั่นคลอนเขตเซียนร้อยคีรี

การฝ่าทะลวงของเขาไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย แต่ก็ทำให้เขตเซียนร้อยคีรีคึกคักไปชั่วระยะหนึ่ง

ไม่ถึงสามสิบปีต่อมา ลี่เหยาก็บรรลุระดับต้าหลัวได้สำเร็จเช่นกัน!

ตอนนี้สำนักซ่อนเร้นมีต้าหลัวทั้งหมดห้าราย ได้แก่ หลี่เสวียนเอ้า เต้าจื้อจุน จ้าวเซวียนหยวน โจวฝาน ลี่เหยา นี่ยังไม่นับรวมองครักษ์ด้วย

หลังจากหานเจวี๋ยพิสูจน์มรรค ความเร็วในการทำความเข้าใจของผู้คนที่ฝึกบำเพ็ญมหามรรคต้นกำเนิดก็ล้วนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้ทั้งสำนักซ่อนเร้นเสมือนลงเรือลำเดียวกันแล้ว ยิ่งหานเจวี๋ยทะยานสูงขึ้นไปเท่าไร คนที่เหลือก็พลอยถูกกระตุ้นไปด้วย

หลี่เสวียนเอ้า เต้าจื้อจุน จ้าวเซวียนหยวน โจวฝานทั้งสี่คนประลองแลกเปลี่ยนฝีมือกันอยู่บ่อยครั้ง ลี่เหยายังคงรักษาทัศนคติปิดด่านฝึกบำเพ็ญเช่นเดิม

ผู้ที่ได้รับแรงกระตุ้นที่สุดคือเจียงอี้ เขารู้สึกว่าตนล้าหลังแล้ว

แม้คุณสมบัติทางกายภาพของเขาจะแข็งแกร่ง แต่ความเข้าใจกลับสู้พวกเต้าจื้อจุน จ้าวเซวียนหยวน โจวฝานและลี่เหยาไม่ได้

วันนี้

เจียงอี้มาขอพบหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “จุดประสงค์ในการมาของเจ้าข้าทราบดี อันที่จริงเจ้าไม่จำเป็นต้องร้อนใจเลย ความเร็วในการฝึกบำเพ็ญของเจ้าเร็วพอแล้ว ถึงขั้นที่พัฒนากว่าแต่ก่อนมาก บางทีหากเจ้าทำจิตใจให้ผ่อนคลาย อาจจะไล่ตามพวกเขาทัน คนที่ข้าเห็นแววที่สุดก็คือเจ้า”

เจียงอี้รู้สึกตื้นตันอย่างยิ่ง

มิตรภาพนิทานเมื่อครานั้นยังคงอยู่!

หลังจากกล่อมเจียงอี้จากไป ความสนใจของหานเจวี๋ยก็หันไปยังผู้ที่เขาให้ความสำคัญที่สุดตัวจริง

หลี่เต้าคง!

หลังจากบรรลุระดับครึ่งอริยะ หลี่เต้าคงฝึกบำเพ็ญอย่างมานะบากบั่น ต้องกล่าวเลยว่าทักษะความเข้าใจของเขาเป็นอันดับหนึ่งในสำนักซ่อนเร้น

ไม่แปลกใจเลยที่ถูกเลือกให้เป็นศิษย์เอกของนิกายเหริน

‘หวังว่าจะพิสูจน์มรรคสำเร็จเป็นอริยะได้ก่อนถึงมหาเคราะห์ครั้งถัดไปนะ’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

ผ่านพ้นไประยะหนึ่ง มีผู้ทรงพลังก่อตั้งโลกมนุษย์ขึ้นมาเรื่อยๆ

ห้าร้อยปีต่อมา

หานเจวี๋ยคำนวณดูเล็กน้อย จำนวนโลกมนุษย์มีเกินร้อยแล้ว ยุคแห่งสรวงสวรรค์ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างแล้ว

อย่างไรก็ตามโลกมนุษย์ส่วนใหญ่ยังอยู่ในสภาวะรกร้างกันดาร ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต

เมื่อว่างจากการฝึกบำเพ็ญ หานเจวี๋ยจึงตรวจดูจดหมาย

[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสิ่งอัปมงคล]

[เจียงตู๋กูสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[จักรพรรดินีผืนพิภพสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจ] x18292

[จิ่งเทียนกงสหายของท่านเนื่องจากสาปแช่งมากเกินไป แรงกรรมพัวพันกาย บังเกิดจิตมาร]

[จั้งกูซิงสหายของท่านรับหานทั่วบุตรชายของท่านเป็นศิษย์]

[มารสวรรค์เบิกฟ้าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]

[หวงจุนเทียนสหายของท่านได้รับยอดสมบัติมรรคาสวรรค์ด้วยความบังเอิญ ดวงชะตาเพิ่มพูน]

….

วุ่นวาย!

วุ่นวายอีกแล้ว!

สหายหน้าเก่าๆ พากันกลับมาอีกครั้ง

หานเจวี๋ยมิได้หวาดหวั่น กลับรู้สึกยินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่น

หวงจุนเทียนคนผู้นี้มีฝีมืออยู่บ้าง ไม่น่าเชื่อว่าจะเอายอดสมบัติมรรคาสวรรค์มาได้

หานเจวี๋ยรู้สึกว่ามิใช่ความบังเอิญ จะต้องมีแผนการซ่อนเร้นอยู่เป็นแน่ ขึ้นอยู่กับหวงจุนเทียนแล้วว่าจะมองออกหรือไม่

“เฮ้อ หลังจากสำเร็จเป็นอริยะแล้วความเร็วในการฝึกฝนช่างเชื่องช้านัก”

หานเจวี๋ยอ่านจดหมาย อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ

ถึงแม้เขาจะรับรู้ได้ว่ามหามรรคต้นกำเนิดของตนกำลังเกิดความเปลี่ยนแปลง แต่เขายังอยู่ห่างไกลจากระดับเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าระยะกลางยิ่งนัก คาดว่าคงไม่อาจทะลวงขั้นได้ภายในหมื่นปี

“สหายเต๋าหานเจวี๋ย สะดวกมาสนทนากัน ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสามหรือไม่”

เสียงหนึ่งแว่วเข้าสู่หูของหานเจวี๋ย

เป็นมหาจักรพรรดิเซียวอริยะแห่งเผ่ามาร

หานเจวี๋ยรีบตอบกลับว่า “ขอบคุณสำหรับความหวังดี แต่ระยะนี้ข้ากำลังทำความเข้าใจพลังวิเศษอยู่ ตอนนี้ไม่มีเวลาว่าง หวังว่าอริยท่านจะไม่ถือสา”

“อืม หยั่งรู้มรรคสำคัญกว่า รอเจ้ามีเวลาว่างค่อยมาก็ได้ ข้ามีโอกาสวาสนาประการหนึ่งจะแบ่งปันกับเจ้า”

“ขอบคุณมาก คอยข้าก่อนเถิด”

“อืม”

โอกาสวาสนากับแม่เจ้าสิ!

คิดจะหลอกข้าหรือ

หานเจวี๋ยลอบดูแคลน ไม่มีทางออกไปแน่นอน

หลังจากทราบว่ามรรคาสวรรค์มีวิญญาณ หานเจวี๋ยก็ตัดสินใจว่าจะไม่ออกไปไหนส่งเดช

ในเวลาเดียวกัน

ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม

มหาจักรพรรดิเซียวนั่งสมาธิ สีหน้าเคร่งเครียด

เงาดำร่างหนึ่งลอยอยู่เบื้องหน้าเขา แลดูมืดมนลึกลับ

“เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่มา ที่เขาสามารถพิสูจน์มรรคอย่างเงียบเชียบได้ใช่ว่าจะไร้สาเหตุ” เงาดำเอ่ยเสียงเบา

………………………………………………………………