บทที่ 527 ศิษย์ลำดับที่เก้า เทพมารมรณะฟื้นตื่น

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 527 ศิษย์ลำดับที่เก้า เทพมารมรณะฟื้นตื่น

มหาจักรพรรดิเซียวขมวดคิ้วถามขึ้น “หากเขาไม่มา พวกเราควรทำอย่างไร”

เงาดำตอบ “ระยะนี้เหล่าอริยะผิดปกติไป คงหาทางดึงตัวหานเจวี๋ยเข้าพวกเป็นแน่ หากเขาไม่มา เจ้าก็ส่งร่างแยกของเจ้าไป อาศัยสิ่งนี้แสดงความจริงใจ ข้ากังวลว่าอริยะจะลงดาบกับเผ่ามารอีกครั้ง”

คิ้วของมหาจักรพรรดิเซียวขมวดแน่นกว่าเดิม สุดท้ายได้แต่ถอนหายใจ

“ช่างเถอะ เช่นนั้นข้าจะไปหาด้วยตัวเอง”

….

ในปีเดียวกัน

จี้เซียนเสินบรรพชนสวรรค์แห่งเผ่าสวรรค์ได้มาเยี่ยมเยือนเขตเซียนร้อยคีรี หานเจวี๋ยเคลื่อนย้ายเขาเข้ามา ในเวลาเดียวกันก็ให้หลี่เสวียนเอ้าพาเขาไปเดินเล่นรอบๆ

จี้เซียนเสินตกตะลึง

“เหตุใดปราณฟ้าประทานของที่นี่ถึงหนาแน่นเพียงนี้ เป็นไปไม่ได้ หนาแน่นกว่ากว่าอาณาเขตเต๋าของอริยะเสียอีก!”

จี้เซียนเสินกรีดร้องอยู่ในใจ ในที่สุดเขาก็ทราบแล้วว่าเหตุใดสำนักซ่อนเร้นถึงได้มีจักรพรรดิเซียนหลายร้อยคน

ได้อยู่ในอาณาเขตเต๋าเช่นนี้ แม้แต่หมูก็กลายเป็นจักรพรรดิเซียนได้!

ยามที่เดินผ่านเขตของเผ่าเอกา จี้เซียนเสินก็ตะลึงงัน

ไม่ถูกแล้ว!

มิใช่จักรพรรดิเซียน!

เหตุใดคนกลุ่มนี้ล้วนบรรลุระดับเทพแล้วเล่า

ระดับเทพหลายพันคนหรือ

ตอนนี้จี้เซียนเสินเสียอาการไปอย่างสิ้นเชิง

หลี่เสวียนเอ้าสังเกตเห็นว่าท่าทีของเขาเปลี่ยนไป ก็รู้สึกภูมิใจยิ่ง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เลิศเอกาแห่งสำนักซ่อนเร้น คุณสมบัติไม่เลวเลย”

จี้เซียนเสินอดใจไม่ไหวจึงถามออกมา “เผ่าเอกามีระดับเทพมากแค่ไหน”

หลี่เสวียนเอ้าหัวเราะเหอะๆ “เรื่องนี้บอกไม่ได้”

จี้เซียนเสินเห็นรอยยิ้มของเขา นึกอยากตีเขายิ่งนัก

“ไม่น่าเชื่อเลยว่าสำนักซ่อนเร้นจะแข็งแกร่งเช่นนี้ เกรงว่ากลุ่มอิทธิพลทั้งหมดในแดนเซียนผนวกกันแล้วก็ยังสู้สำนักซ่อนเร้นไม่ได้ หากสำนักซ่อนเร้นมีอริยะ มิใช่จะครองแดนเซียนได้เลยหรือ”

จี้เซียนเสินหัวใจเต้นแรง

เขาไม่เคยได้ยินว่ามีกลุ่มอิทธิพลใดที่มีระดับเทพจำนวนหลายพันคนเลย ตอนแรกเขาถึงขั้นที่สงสัยว่าระดับเทพในแดนเซียนคงมีไม่ถึงหลักพัน

ทันใดนั้น จี้เซียนเสินสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ทรงพลังอย่างยิ่งหลายสาย

เซียนทองต้าหลัว!

ไม่น่าเชื่อว่าสำนักซ่อนเร้นยังมีเซียนทองต้าหลัวอีกหลายคนด้วย!

เมื่อเขามาถึงหน้าอารามเต๋าของหานเจวี๋ย เขาแทบจะตกใจตายแล้ว

“อริ…อริยะหรือ”

จี้เซียนเสินเอ่ยเสียงสั่น มองดูจางเจี่ยวราวกับเห็นผี

จางเจี่ยวนิ่งเงียบ นั่งสมาธิต่อไป

หลี่เสวียนเอ้าเปิดปากรายงาน “เจ้าสำนัก เขามาแล้วขอรับ”

“อืม เจ้าไปเถอะ จี้เซียนเสิน เข้ามาสิ”

เสียงของหานเจวี๋ยแว่วออกมา

จี้เซียนเสินเดินเข้าไปตามจิตใต้สำนึก

ยามที่เดินผ่านจางเจี่ยว เขารู้สึกอกสั่นขวัญแขวน ไม่กล้ามองจางเจี่ยวแม้แต่น้อย

‘เหตุใดอริยะแห่งนิกายเหรินถึงมาอยู่ที่นี่’

ตอนนี้จี้เซียนเสินคิดอันใดไม่ออกเลย

หรือว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังหานเจวี๋ยคือหลี่มู่อี

มีความเป็นไปได้สูง!

มิน่าเล่าหลี่เต้าคงและหลี่เสวียนเอ้าถึงเข้าร่วมสำนักซ่อนเร้น!

จี้เซียนเสินเสมือนรู้แจ้งในทันใด ข้อสงสัยทั้งหมดล้วนกระจ่างคลี่คลาย

หลังจากเข้ามาในอารามเต๋า เขาถูกแสงเทพจากหยินหยางพิทักษ์ตะวันจันทราทำให้ตาพร่าเลยทีเดียว

หานเจวี๋ยรับรองแขกตามพิธี พลางเปิดใช้ความสามารถชำระล้างสมบูรณ์ไปด้วย

พูดคุยกันอยู่หลายวัน การชำระล้างสมบูรณ์ถึงสิ้นสุดลง

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “โรคภัยที่แฝงอยู่ของเจ้าถูกกำจัดแล้ว ควรกลับเสียที”

จี้เซียนเสินตะลึงงัน จากนั้นก็ถามด้วยความแปลกใจ “หายแล้วหรือ”

เขาสำรวจร่างกายตนอย่างละเอียด พบว่าจิตมารของตนหายไป แขนขาเขาก็ไม่ได้ต่อต้านเช่นก่อนหน้านี้อีก

หรือว่า…

จี้เซียนเสินรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

เขากัดฟันกล่าวออกไป “หานเจวี๋ย ข้าหวังว่าสำนักซ่อนเร้นจะให้การสนับสนุนข้า ข้ายินดีเข้าร่วมสำนักซ่อนเร้น ได้หรือไม่”

จี้เซียนเสินก้มหน้าลง

ในใจเขาคิดเปรียบเทียบกับหานเจวี๋ยมาโดยตลอด เขาทราบดีว่าหากกล่าวประโยคนี้ออกไป ในอนาคตเขาจะเชิดหน้าต่อหน้าหานเจวี๋ยไม่ได้อีก

ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีทางสู้หานเจวี๋ยได้

หานเจวี๋ยถาม “ถ้าให้การสนับสนุนเจ้า ข้าจะได้อะไร สำนักซ่อนเร้นจะได้อะไร”

จี้เซียนเสินขมวดคิ้วพลางตอบ “ดวงชะตา อำนาจ เจ้าต้องการสิ่งใด ขอเพียงข้ายังควบคุมเผ่าสวรรค์ เผ่าสวรรค์ล้วนจะทุ่มเทรับใช้เจ้า”

หานเจวี๋ยเงียบไป

จิตใต้สำนึกของเขาต้องการปฏิเสธ

แต่พอใคร่ครวญดู เขาเป็นถึงอริยะแล้ว ยังต้องกลัวอันใดอีก

หากเผ่าสวรรค์สามารถช่วงชิงดวงชะตาได้ ทำให้ดวงชะตามรรควิถีของอริยะรายอื่นอ่อนแอลง ตบะของเหล่าอริยะต้องถดถอยแน่

อริยะมรรคาสวรรค์แข็งแกร่งขึ้นได้ยากนัก เพราะถูกมรรคาสวรรค์ผูกมัดไว้ ความแข็งแกร่งอ่อนแอของพวกเขาไม่เท่ากัน หลักๆ จะขึ้นอยู่กับดวงชะตามรรควิถี นี่คือสาเหตุว่าเหตุใดมหาเคราะห์สิ้นสุดลงกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เผ่าพันธุ์มรรคาสวรรค์สลับผลัดเปลี่ยนกันไป มีเพียงมรรควิถีแห่งอริยะเท่านั้นที่คงอยู่เสมอมา

เหตุใดอริยะถึงใช้มหาเคราะห์เป็นกระดานหมากน่ะหรือ

แค่หาเหตุผลในการแย่งชิงดวงชะตาอย่างชอบธรรมอย่างไรเล่า!

ไม่ใช่ทุกคนที่มีความห้าวหาญเช่นหลี่มู่อี กล้าที่จะสร้างมรรคาสวรรค์แห่งตนขึ้น

ยามนี้มรรคาสวรรค์มีวิญญาณ ซ้ำยังคิดจะจัดการหานเจวี๋ย นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลย

‘ข้าอยากรู้ว่าถ้าหากข้าควบคุมดวงชะตาทั้งหมดในแดนเซียนได้ มรรคาสวรรค์จะรับใช้ข้าหรือไม่’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[ขอเพียงควบคุมดวงชะตามรรคาสวรรค์ได้มากกว่าครึ่ง มรรคาสวรรค์จะให้ความเคารพต่อท่าน]

หานเจวี๋ยพลันกระจ่างแจ้ง

มิน่าเล่าบรรพชนเต๋าถึงสามารถก้าวข้ามมรรคาสวรรค์ได้ ปีนั้นยามที่ก่อตั้งสำนักเต๋าขึ้น เรียกได้ว่าใช้มือเดียวบดบังฟ้า อริยะทั้งหมดล้วนเป็นศิษย์ของบรรพชนเต๋า

หานเจวี๋ยบังเกิดความคิด กล่าวไปว่า “ข้าจะรับเจ้าไว้ก็ได้ และจะสนับสนุนเจ้า แต่กองกำลังของสำนักซ่อนเร้นจะไม่เผยตัวต่อหน้าผู้คน เข้าใจหรือไม่”

จี้เซียนเสินพลันปรีดา คุกเข่าคารวะหานเจวี๋ยทันที กล่าวว่า “ศิษย์จี้เซียนเสิน คารวะอาจารย์!”

หานเจวี๋ยไม่ได้ปฏิเสธ ทั้งสองมีไมตรีลึกล้ำ สามารถเป็นศิษย์อาจารย์ได้

“นับจากวันนี้ไป เจ้าคือศิษย์ลำดับที่เก้าของข้า เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ข้าจะส่งกำลังคนไปช่วยสนับสนุนเจ้าทีหลัง แน่นอน หากว่าเผชิญปัญหายุ่งยาก ก็มาที่เขตเซียนร้อยคีรีได้ทุกเมื่อ” จี้เซียนเสินจ้องมองหานเจวี๋ย เอ่ยเสียงเบา

“ศิษย์ลำดับที่เก้าหรือ?”

จี้เซียนเสินแอบตกใจ ผู้ที่มาก่อนเขาเป็นมารปีศาจเช่นไรกัน

เขาถามอย่างระมัดระวัง “อาจารย์ นอกประตู…”

“เขาชื่อจางเจี่ยว เพียงมีรูปร่างหน้าตาและตบะของหลี่มู่อีเท่านั้น”

“จางเจี่ยว…”

จี้เซียนเสินตาค้าง เพียงมีตบะระดับอริยะอย่างนั้นหรือ

นี่หมายความว่าอย่างไร!

ช้าก่อน!

สามารถคัดลอกตบะระดับอริยะได้…

หานเจวี๋ยไหนเลยจะมิใช่…

เมื่อได้รับสายตาจากจี้เซียนเสิน หานเจวี๋ยก็ไม่ได้ปิดบังอำพราง ป้องกันไม่ให้จี้เซียนเสินถูกอริยะรายอื่นหลอกล่อ

“อืม ข้าสำเร็จเป็นอริยะแล้ว เรื่องนี้มีเพียงอริยะที่ทราบ เจ้าอย่าได้แพร่งพรายต่อผู้อื่น”

“อาจารย์…”

….

จี้เซียนเสินร่อนลงบนพื้นนอกเขตเซียนร้อยคีรี ตัวคนตกอยู่ในความเลื่อนลอย

เขาสูดหายใจลึกๆ คราหนึ่ง กระตุ้นตนเอง

มุมปากเขายกเชิดขึ้น เอ่ยพึมพำ “ที่แท้ผู้ชี้ทางของข้าก็ปรากฏตัวขึ้นนานแล้ว”

ตอนนี้คิดๆ ดูแล้วก็ใช่ ครานั้นหากไม่มีหานเจวี๋ย เกรงว่าเขาคงสิ้นชีพด้วยน้ำมือของทหารสวรรค์แห่งวังสวรรค์ หากไม่มีหานเจวี๋ย เขาคงไม่ถูกจักรพรรดิสวรรค์เลื่อนขั้นให้เป็นพิเศษ

หากไม่มีหานเจวี๋ย ฟางเหลียงคงไม่ให้ความสำคัญกับเขา และยิ่งไม่ได้กลายเป็นบรรพชนสวรรค์แห่งเผ่าสวรรค์

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีที่มาจากหานเจวี๋ย

อาจารย์ของเขา

หลังจี้เซียนเสินจากไป หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อ

เรื่องให้การสนับสนุนวังสวรรค์ เขายังไม่จัดการในทันที ยังมีเวลาอีกมาก

เจตจำนงแห่งสำนักซ่อนเร้นไม่มีทางแปรผัน หากไม่บรรลุครึ่งอริยะ ห้ามออกจากเขาเด็ดขาด

ตอนนี้มีแค่หลี่เต้าคงที่เป็นตัวแทนสำนักซ่อนเร้นออกไปเยือนโลกภายนอกได้ แต่หานเจวี๋ยเกรงว่าเขาจะถูกปิดล้อมโจมตี ยังต้องไปฝึกบำเพ็ญไปอีกสักระยะ

เพียงพริบตาเดียว

ผ่านไปอีกสองร้อยปีแล้ว

ในวันนี้ ขณะที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่หานเจวี๋ยพลันลืมตาขึ้น ใบหน้าเขาเผยความยินดีออกมา

ภายในโลกอนธการเทพมารตนหนึ่งถือกำเนิดขึ้น ซูฉีฟื้นคืนสติ

ซูฉี!

เทพมารมรณะ!

ท่ามกลางปราณเทพมาร ซูฉีขดตัวเป็นก้อน รูปลักษณ์ของเขาก่อตัวขึ้นตามหน้าตาในชาติก่อน ร่างกายเปลือยเปล่า

เขาลืมตาขึ้นช้าๆ มองไปรอบๆ ด้วยความมึนงง

ความทรงจำในชาติก่อนไหลทะลักปานธารน้ำพุ แววตาของเขาค่อยๆ แจ่มใสขึ้น

“อริยะมิ่งจี…พลังวิเศษทำลายมรรคา…”

“เหตุใดข้ายังมีชีวิตอยู่”

………………………………………………………………