บทที่ 530 พูดคุย

บทที่ 530 พูดคุย

ตระกูลหลินมั่งคั่งร่ำรวย แม้หลินซือจะไม่ได้แสดงสิ่งของที่บ่งบอกถึงสถานะอย่างชัดเจน แต่ความจริงแล้วคนที่ดูคนออกย่อมเข้าใจในทันทีว่าเสื้อผ้าของหลินซือไม่ได้มีราคาถูกมากเพียงนั้น

เด็กสาวคนนั้นมองหลินซือ นัยน์ตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ข้าดูออกว่าเจ้ามาจากครอบครัวที่แตกต่างจากคนที่มาจากครอบครัวขนาดเล็กอย่างเรา”

“หลายวันมานี้ผู้ดูแลมักจะพาเราขึ้นไปเย็บปักถักร้อยชั้นบน เราเองก็ได้เรียนรู้วิธีการปักลายไม่ก็การทำบัญชี ชีวิตประจำวันของเราจึงไม่ได้ลำบากเกินไปนัก”

ขณะที่หวังจาวตี้เอ่ยถึงเรื่องนี้ นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความหวัง

หลินซือหันไปมองหวังจาวตี้เบื้องหน้า กระทั่งเห็นท่าทางมุ่งมั่นไม่ย่อท้อของนาง ก็ยิ่งรู้สึกสุขใจ

“เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?” หลินซืออดถามเด็กสาวผู้นี้ด้วยความประหลาดใจไม่ได้

แม้ว่าเด็กสาวคนนี้จะยังเด็ก แต่จากท่าทางการพูดการจาของพวกเขาก่อนหน้านั้นก็พอเดาได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาอยู่ที่นี่พวกเขาใช้ชีวิตกันอย่างไร เด็กสาวคนอื่นที่อาศัยอยู่ในเรือนหลังนี้ไม่มีใครกล้าเปล่งเสียงพูดสักคน

ครั้นหวังจาวตี้ได้ยินคำถามของหลินซือ ตนกลับไม่ได้ลำบากใจถึงเพียงนั้น “ก่อนหน้านั้นท่านพ่อของข้าเคยเปิดกิจการโรงเตี๊ยมช่วงระยะเวลาหนึ่ง ยามนั้นท่านแม่กำลังตั้งท้องข้า ท่านพ่อปรารถนาให้ข้าเป็นเด็กผู้ชายมาโดยตลอด แต่ต่อมากลับไม่ใช่ จึงเปลี่ยนชื่อของข้าเป็นจาวตี้”

“ต่อมากิจการของครอบครัวไม่มีวี่แววจะดีขึ้น ข้าเองก็มีน้องชายหนึ่งคน นับแต่นั้นท่านพ่อก็เริ่มติดการพนัน ไม่นานก็เริ่มขโมยของทั้งหมดภายในร้านของเราไป”

แม้หวังจาวตี้จะต้องพูดประโยคนี้อีกครั้ง แต่ใบหน้าที่นิ่งเฉยของนางกลับไม่ได้แสดงความรู้สึกใด เห็นได้ชัดว่านางคุ้นชินกับเรื่องเหล่านี้ไปแล้ว

ต่อให้เด็กสาวที่อยู่รอบตัวจะไม่ใช่คนที่เหยาซูเจอพร้อมกัน แต่พวกเขาก็อายุใกล้เคียงกัน ต่างเคยได้ยินเรื่องเหล่านี้มาบ้าง

“ยามนั้นแม้ว่าครอบครัวของข้าจะยังมีที่ดินอยู่บ้าง แต่ครอบครัวของข้ากลับไม่มีใครทำนาเป็นเลยสักคนเดียว”

“ท่านพ่อและท่านแม่ของข้ารักและเอ็นดูแต่น้องชาย เมื่อหลายวันก่อนได้ยินว่าจะส่งข้าไปยังหอคณิกา ข้าถือโอกาสตอนที่ท่านพ่อและท่านแม่ไม่ทันสังเกตเห็น แอบหยิบเงินในเรือนแล้วหนีออกมา”

หลินซือยิ้ม “ถือว่าเจ้ารอบคอบมาก”

เด็กสาวข้างกายหน้าแดงระเรื่อ เห็นได้ชัดว่าคาดไม่ถึงว่าจะยังมีเรื่องเล่าที่ซับซ้อนเช่นนี้

“ข้าคิดว่าเจ้าจะกล่าวหาว่าข้าไร้คุณธรรมเสียอีก”

หลังจากที่หวังจาวตี้ได้ยินการประเมินของหลินซือ นางเองก็ไม่คิดว่าหลินซือจะพูดเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้านั้นจึงแฝงไปด้วยความเกรงใจไม่น้อย “มิใช่บุตรสาวทุกคนต้องเชื่อฟังผู้เป็นพ่อหรือ?”

ครั้นหลินซือเห็นหวังจาวตี้มีท่าทีลำบากใจ นางก็เอ่ยขึ้น “ทำไมจะต้องกล่าวหาว่าเจ้าไร้คุณธรรมด้วยเล่า? ตามหลักเหตุผลแล้ว เกิดเรื่องราวมากมายเพียงนี้ มารดาของเจ้าไม่สนใจเลยหรือไร?”

แม้บุรุษในบ้านจะมีความคิดเช่นนี้ แต่แล้วเหตุใดคนเป็นแม่ถึงไม่ปกป้องลูกสาวของตัวเอง

เวลานี้นัยน์ตาของหวังจาวตี้แดงก่ำ “สิ่งที่ท่านแม่ข้าทำและพูดข้าไม่นับ”

เด็กสาวที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงกำลังจะลุกขึ้นมาปลอบใจหวังจาวตี้ แต่ถูกหลินซือที่ตาไวกว่ากดตัวลง “บาดเจ็บร้ายแรงเพียงนี้ไม่ต้องลุกขึ้นมาหรอก”

ครั้นหลินซือเห็นหวังจาวตี้ที่กำลังจะร้องไห้ จึงรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองยื่นให้อีกฝ่ายทันที

เมื่อหวังจาวตี้เห็นผ้าเช็ดหน้าที่หลินซือยื่นมาให้ตัวเอง ก็เตรียมจะรับไว้ แต่หลังจากที่ได้มองอีกฝ่ายอย่างชัดเจนแล้วก็เลือกที่จะใช้แขนเสื้อเช็ดดวงตา

แต่หลังจากที่นางเช็ดน้ำตาเรียบร้อยแล้วก็รู้สึกว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง

นางมองหลินซือด้วยสายตาที่ไม่ค่อยดีนัก รู้ว่าการไม่รับผ้าเช็ดหน้าเป็นเรื่องที่ไร้มารยาทสิ้นดี จึงรีบพูดอธิบายทันที “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะไม่รับนะ ถ้าข้าทำสกปรกขึ้นมาคงไม่ดีใช่ไหมเล่า?”

แม้ว่าปากจะพูดเช่นนี้ แต่สายตากลับยังจับจ้องอยู่ที่ผ้าเช็ดหน้าตลอดเวลา

หลินซือมองผ้าเช็ดหน้าของตัวเองที่อยู่ตรงหน้า กระทั่งแสดงสีหน้างุนงง ผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือของนางมาจากตอนที่กำลังเตรียมเสื้อผ้าทรงสบายเหมาะกับการเดินทาง นางได้คว้าเอาผ้าเช็ดหน้าของสาวใช้ตนในตอนที่เตรียมเสื้อผ้าติดมือมาด้วย

แม้ว่าของสองอย่างไม่ว่าจะเป็นวัสดุไปจนถึงการปักลวดลายอื่น ๆ กระทั่งฝีมือล้วนไม่เหมือนกัน แต่หลินซือกลับฉวยหยิบหลังจากเห็นสีของผ้าในตอนที่กำลังจะออกจากบ้าน

หลินซือเป็นคนที่มีไหวพริบดี นางตระหนักได้แทบจะในเสี้ยววินาทีเดียว แม้ว่าหวังจาวตี้จะพูดเช่นนี้ แต่นัยน์ตาของเด็กสาวทุกคนในนี้ต่างจับจ้องอยู่บนผ้าเช็ดหน้าอย่างไม่วางตา

“ให้แล้วไม่รับ…ก็แสดงว่าไม่เห็นข้าเป็นสหาย” หลินซือใช้คำพูดอย่างระมัดระวัง นางพยายามหลีกเลี่ยงความรู้สึกที่หยิ่งในศักดิ์ศรีเกินไป

หวังจาวตี้มองดูผ้าเช็ดหน้าในมือด้วยดวงตาเปล่งประกาย แต่ก็ยังมองหลินซืออย่างระแวดระวัง กลัวว่าหลินซือจะสร้างความลำบากใจให้เพราะเรื่องนี้ “เจ้าให้ข้าจริง ๆ หรือ?”

หลินซือพยักหน้า “ให้เจ้าแน่นอน”

แม้ว่าเด็กสาวผู้ยากไร้เหล่านี้จะสามารถเย็บปักถักร้อยเสื้อผ้าได้ แต่คนที่ปักลายดอกได้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ประกอบกับเด็กเหล่านี้ยังอายุน้อย ย่อมชอบสิ่งของเล็ก ๆ เหล่านี้

“วันนี้ข้าพกเงินติดตัวมาแค่หนึ่งตำลึง ประเดี๋ยวจะให้คนนำมาอีกหลายตำลึง ถือว่าเป็นของขวัญการพบกันครั้งแรกของทุกคนแล้วกัน”

เรื่องนี้หลินซือค่อนข้างใจกว้างมาก

………………………………………………………………………………………………………………………