บทที่ 523 หาพี่สะใภ้ให้พี่ชายหนูทีค่ะ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 523 หาพี่สะใภ้ให้พี่ชายหนูทีค่ะ

บทที่ 523 หาพี่สะใภ้ให้พี่ชายหนูทีค่ะ

“พี่สาว ในเมืองหลวงมีคนมากหน้าหลายตา พี่เองก็รู้จักคนเยอะแยะ ช่วยแนะนำผู้หญิงให้บ้านเราสักคนได้ไหมคะ?”

เจ้าหน้าที่หญิงได้ยินเช่นนั้นพลันคิดไปว่า ฐานะทางบ้านของเด็กคนนี้น่าจะดีเพราะมีเงินซื้อบ้านในเมืองหลวงได้ แต่รู้เยอะไปหน่อยถ้าแบ่งทรัพย์สมบัติอาจจะได้ไม่เท่าไร

“พี่ชายของเธอทำงานที่ไหนล่ะ?” แกถามด้วยความสนใจ

“ยังไม่ได้ทำงานค่ะ เราพึ่งพาผู้ใหญ่ที่บ้านค่ะ พี่สาวคงไม่รู้ว่าปู่กับย่ารักลูกหลานมาก ต่อให้แต่งพวกพี่สะใภ้เข้ามา ชีวิตก็ยังมีความสุขอยู่ดี!”

ไม่ได้โกหกสักหน่อย พี่ ๆ ไม่มีงานทำจริง ๆ นี่ เงินค่าเล่าเรียนก็โดนที่บ้านเอาไปหมดแล้ว จะไม่ให้เกาะพ่อเกาะแม่กินหรือไง?

อีกฝ่ายได้ยินกลับรู้สึกผิดปกติ ที่บ้านมีเด็กหนุ่มเก้าคนที่ยังไม่ได้ทำงานแต่ให้คนที่บ้านเลี้ยงดู? แล้วยังบอกว่าต่อให้แต่งพี่สะใภ้เข้าไปก็ยังมีความสุข แต่ละคนงานการก็ไม่มี แทนที่ชีวิตจะสุขสม คงจะลำบากอดอยากมากกว่าไหม?

แถมชื่อเจ้าของบ้านยังเป็นของเด็กคนนี้อีก และเธอก็ไม่ได้โง่ที่จะแต่งงานเข้าตระกูลนี้ด้วย!

จากนั้นก็ถามอีกว่า “แล้วว่าที่ภรรยาเนี่ย มีเงื่อนไขว่าอะไรบ้างล่ะ?”

ไม่น่าถึงขนาดคิดว่าสมควรหาคู่ครองหรอกใช่ไหม? โชคดีจริง ๆ ที่มีที่ให้ซุกหัวนอน ดีกว่าไม่มีเป็นไหน ๆ เลยใช่ไหมล่ะ?

“บ้านเราไม่ได้ต้องการอะไรมากเลยค่ะ พี่ก็รู้ว่าพี่ชายหนูไม่มีงานทำเลยได้อยากครอบครัวภรรยาที่เขามีงานทำ แล้วถ้าผู้หญิงคนนั้นมีก็ต้องขอสวย ๆ สักหน่อยถึงจะดีค่ะ”

เสี่ยวเถียนมองสีหน้าหวาดกลัวของอีกฝ่าย และอดลอบยิ้มไม่ได้

“หนูบอกตรง ๆ นะ หนูไม่ได้ดูถูกคนหน้าตาไม่ดี แต่ไม่ได้ดูถูกพวกลูกหลานด้วย แต่ถ้าแม่หน้าตาไม่ดีลูกก็คงเป็นแบบนั้นเหมือนกัน”

“หนูหน้าตาดีมากเพราะแม่สวยค่ะ แต่พี่หน้าตาไม่ดีเลย แม่ใหญ่ก็ไม่ พ่อของหนูกับพ่อใหญ่ด้วย ย่าบอกว่ามันเป็นกรรมพันธุ์ค่ะ!”

“ทั้งบ้านมีแค่หนูกับแม่ที่สวยที่สุด หนูเลยอยากจะได้พี่สะใภ้สวย ๆ พี่สะใภ้ใหญ่จะต้องสวยมาก ๆ ด้วย!”

“พี่คงไม่รู้อีกว่า พ่อแม่ ปู่ย่า แล้วก็พ่อใหญ่แม่ใหญ่ของหนูเป็นห่วงเรื่องงานแต่งของพี่ใหญ่มากค่ะ!”

เสี่ยวเถียนพูดจ้อไม่หยุด ส่งผลให้หญิงวัยกลางคนใบหน้าดำทะมึน

เธอไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายแบบนี้มาก่อนเลย หนังหน้าทำมาจากอะไรหรือ? มันหนาขนาดนั้นได้ยังไง?

เด็กสาวพูดบลา ๆ เหมือนกับขอให้ได้เทพธิดาสักคน แล้วจะไปหาคนแบบนี้มาจากไหนล่ะ?

ฉันรู้ว่าบ้านเธอหน้าตาขี้เหร่ แต่ยังอยากได้คนสวย ๆ อีกหรือ?

ตัวเองงานการก็ไม่มี เลยอยากได้คนมีงานทำ?

เด็กคนนี้หน้ามืดตามัวไปหน่อยไหม?

ถ้ามันมีผู้หญิงแบบนั้นจริง เราจะหาเจอได้ยังไง มันคุ้มหรือที่จะยกเธอให้พี่ชายหน้าตาขี้เหร่น่ะ?

เจ้าหน้าที่ยืนกรานแล้วว่าขอแค่ไม่สติเลอะเลือน จะไม่มีทางได้เจอกับครอบครัวแบบนี้และชีวิตอันสุขสมแน่นอน คนอื่นจะได้ไม่หัวเราะเยาะเอา!

ไม่รู้ว่าเสี่ยวเถียนทำเกินไปหรือเปล่า ผู้หญิงคนนั้นเชื่อจริง ๆ และคิดว่าหลานชายบ้านนี้หน้าตาน่าเกลียดทุกคน

สุดท้ายก็ถอยจักรยานจากไปอย่างไม่ลังเล

เสี่ยวเถียนตะโกนลั่น “พี่สาว ถ้าเจอคนเหมาะสมก็อย่าลืมหาให้พวกเรานะคะ! หนูมีพี่ชายเก้าคนเลยนะ!”

เสี่ยวเถียนมีความสุขเหลือเกินยามเห็นอีกฝ่ายปั่นจักรยานไวอย่างกับรถยนต์!

เธอตั้งเป้าเอาไว้แล้วว่า ถ้าเจ้าหน้าที่จากสำนักงานแขวงกลับมาอีก จะให้พวกเขาหาภรรยาให้อีกรอบ!

เจ้าหน้าที่คนนั้นได้แต่ก่นด่าอยู่ในใจ เอาแต่นึกว่าตัวเองโง่ที่มาจัดเรื่องปัญหาเรื่องครอบครัวนี้ จากนี้ไปอย่าหวังว่าจะได้เจอกันอีกเลย

แม้แต่คำว่าพี่สาวที่ใช้เรียกเธอจนตัวลอยก็ยังไม่น่าฟังเหมือนกัน!

ถุย! ใครคือพี่แกกันล่ะ!

ตอนนั้นพวกพี่ชายที่ไม่มีการมีงานทำ และหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ของเสี่ยวเถียนกำลังง่วนหาเงินกับฉืออี้หย่วน

ตั้งแต่ได้ยินย่าบอกว่าอยากให้พวกเขาหาเงิน เด็ก ๆ เลยกระตือรือร้นเรื่องนี้มากขึ้น

ฉืออี้หย่วนมองเด็กบ้านซูที่ดูตื่นเต้นแปลก ๆ ด้วยความประหลาดใจ

แต่ต้องบอกว่าเรื่องหาเงิน ทั้งค่าจ้างและกำไรมักจะเป็นสัดส่วนกันอย่างดี

ยิ่งทำมากเท่าไร ยิ่งได้มากเท่านั้น

ในเวลาไม่กี่วันกระเป๋าเงินของเด็ก ๆ ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ฝ่ายสำนักงานแขวงยังมาหาเสี่ยวเถียน และคิดที่เพื่อเอาชนะด้วย

ใครจะรู้เล่าว่ากลับโดนความไร้ยางอายของเด็กสาว จนต้องหนีกระเจิดกระเจิง

ตอนกลับไปถึงสำนักงาน เพียงดื่มน้ำเข้าไปได้แค่ครึ่งแก้วกลับยังรู้สึกตื่นตระหนก

เจ้าหน้าที่นึกถึงเสี่ยวเถียนทีไร ภาพเด็กหนุ่มท่าทางแปลก ๆ จะปรากฏขึ้นในหัวทุกที แถมหน้าตายังขี้เหร่กันทุกคนอีก

เจ้าหน้าที่ข้าง ๆ เห็นอีกฝ่ายเป็นเช่นนี้ก็อดถามด้วยความสงสัยไม่ได้ “พี่หลี่เป็นอะไรไปน่ะ?”

“อวี๋หลิ่ว เธอไม่รู้อะไร วันนี้ฉันเจอคนหน้าด้านมาด้วย!”

“หาคนเช่าบ้านอยู่ไม่ใช่หรือพี่? หรือเขาไม่ยอม?”

“ยิ่งกว่าไม่ยอมอีก เจ้าของบ้านบอกว่าบ้านหลังนั้นมันคือเรือนหอพี่ชายเธอ แถมยังให้ฉันแนะนำผู้หญิงให้อีกด้วยนะ”

อวี๋หลิ่วได้ยินก็สนใจขึ้นมา เพราะเธอยังมีน้องสาวอีกสองคนที่ยังไม่ได้แต่งงานอยู่

“พี่หลี่ แล้วฐานะบ้านนั้นเป็นไงคะ?”

“อย่าพูดถึงมันเลย!” พี่หลี่บอกปัด

“มีอะไรผิดปกติหรือคะ?”

แต่ท่าทางไม่อยากพูดกลับทำให้ยิ่งน่าสนใจ

“เด็กคนนั้นสวยเลยแหละ แต่พี่ชายน่าเกลียดเกินกว่าจะมองได้ แล้วพวกเขาก็อยากได้คนสวย ๆ…”

พี่หลี่นั่งลงแล้วเล่าที่เสี่ยวเถียนพูดให้ฟัง และแน่นอนว่าก็ต้องใส่ความคิดของตัวเองลงไปอยู่แล้ว

อวี๋หลิ่วตกใจ มีคนแบบนี้ด้วยหรือ?

ในหัวคิดแต่เรื่องอะไรน่ะ?

ของสวย ๆ งาม ๆ หรือไง?

พี่หลี่ดื่มน้ำที่เหลือจนหมด แถมยังคิดเรื่องนี้จนลึกซึ้งว่าไม่อยากไปเจออะไรแบบนั้นอีกแล้ว

ไม่รู้ครั้งหน้าที่ได้เจอกัน อีกฝ่ายจะพ่นอะไรออกมาให้ฟังอีก!

แต่พี่หลี่ไม่รู้เลยว่าเพราะการมาของตน ได้ทำให้เสี่ยวเถียนระวังในการขบคิดเรื่องต่าง ๆ มากขึ้น

ทีแรกก็คิดว่าปล่อยบ้านไว้ว่าง ๆ คงไม่เป็นไร แต่พอคิดดูดี ๆ เราก็ต้องจัดการให้เหมาะสมอยู่ดี

ไว้ถึงฤดูใบไม้ผลิค่อยหาคนมาซ่อมบ้านแล้วกัน

คงจะดีกว่าถ้าเราซ่อมได้นาน ๆ ช่างจะได้ทำงานอย่างละเอียด หลังจากซ่อมจนเสร็จค่อยให้ที่บ้านย้ายไปอยู่

ถึงตอนนั้นต่อให้มีคนอยู่เต็มบ้านก็ไม่น่ามีใครใส่ใจแล้วมั้ง?

เสี่ยวเถียนคิดว่าในบ้านเรามีสมาชิกหลายคน และมันก็ไม่ใช่ปัญหาที่เราจะอยู่กันอย่างแออัดด้วย ทำไมต้องมาใส่ใจเรื่องปล่อยบ้านว่างด้วยนะ?

ไม่รู้ว่าการกระทำของเธอจะทำให้คนตกใจหรือเปล่า แต่มันไม่มีใครมาหาเธออีกเลย และเสี่ยวเถียนก็สบายใจเอามาก ๆ