บทที่ 532 มีศักดิ์เป็นถึงลูกหลานของตระกูลหลิน

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 532 มีศักดิ์เป็นถึงลูกหลานของตระกูลหลิน

บทที่ 532 มีศักดิ์เป็นถึงลูกหลานของตระกูลหลิน

ครั้นเหยาซูได้ยินคำถามของลูกสาวก็ไม่ปริปากเอ่ยสิ่งใด

ดั่งคำกล่าวที่ว่า ‘เป็นสามีภรรยาที่ยากจน ต่อให้เจอเรื่องทุกข์เพียงใดก็จะไม่เสียใจ’ ดูท่าจะไม่ได้พูดเล่น

นิสัยของหลินซือในตอนนี้ยังไม่คงที่ เรื่องเหล่านี้รู้มากไปก็ไร้ประโยชน์

หลินซือเองก็ไม่ได้ฝืนใจให้ผู้เป็นมารดาตอบ ครั้นเห็นเหยาซูไม่พูดสิ่งใดอีก จึงได้แต่กินอาหารอย่างเงียบ ๆ ต่อไป

วันต่อมา เซี่ยเชียนก็เห็นหลินซืออยู่ในห้องหนังสืออีกครั้ง

รอบดวงตาของหลินซือดูหมองคล้ำลงอย่างชัดเจน แม้จะแต่งกายอย่างพิถีพิถัน แต่ก็ไม่อาจปกปิดความเหนื่อยล้าได้

“เอ้อเป่านี่เจ้าไม่ได้นอนทั้งคืนเลยหรือ?”

เซี่ยเชียนเห็นรอยคล้ำรอบดวงตาของหลินซือก็อดถามไม่ได้ มองไปยังตำราเล่มหนาที่ถืออยู่ในมือของเด็กสาว เห็นได้ชัดว่าพรุ่งนี้จะต้องมีเรื่องมาถามเขาอีกแน่นอน

ความจริงแล้วการเปิดเรือนพักพิงผู้ยากไร้เรื่องนี้ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่นัก ตราบใดที่หลินซือต้องการเปิดจริง ๆ ด้วยความรักของหลินเหรามีต่อลูกสาว คงจะเสร็จเรียบร้อยภายในวันสองวันก็เป็นได้

เซี่ยเชียนกลับคาดไม่ถึงว่าเด็กหัวรั้นผู้นี้จะอยากทำด้วยตัวเอง

แต่อย่างไรเขาก็ชื่นชมเด็กคนนี้!

ไม่เกรงกลัวต่อความยากลำบาก เพราะมีศักดิ์เป็นลูกหลานตระกูลเซี่ย

หลินซือพยักหน้า แล้วนำสิ่งของในมือยื่นออกไป

เซี่ยเชียนรับสิ่งของนั้นมาดูคร่าว ๆ ครู่หนึ่ง ไม่นานสีหน้าก็ปรากฏความประหลาดใจระคนพึงพอใจ

ถ้าบอกว่า สิ่งของในคราวที่แล้วเป็นผลงานกึ่งหยาบกระด้าง สิ่งของที่หลินซือหยิบออกมาในคราวนี้เห็นได้ชัดว่าสมบูรณ์แบบมากทีเดียว

หลังจากที่เซี่ยเชียนได้เห็นสิ่งของตรงหน้าชิ้นนี้ก็ยังมิวายชื่นชม “ไม่เลว มีการพัฒนา”

การประเมินนี้ มันไม่ง่ายเลย

หลินซือคาดไม่ถึงว่าการประเมินของเซี่ยเชียนจะสูงเพียงนี้ จึงแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา

“เอ้อเป่า พูดคุยเรื่องยุทธวิธีบนกระดาษไม่มีประโยชน์ สู้ลองเปิดเรือนพักพิงผู้ยากไร้แห่งนี้ไปเลยดีกว่า”

ใบหน้าของเซี่ยเชียนแสดงออกถึงความอบอุ่นและการให้กำลังใจ

นิสัยของเหยาซูช่างคล้ายคลึงกับพี่สาวที่ลาโลกนี้ไปแล้วของเขาเหลือเกิน!

ช่วงเวลาต่อจากนั้น หลินซือก็ยุ่งตัวเป็นเกลียวมากกว่าเดิม

ตอนนี้นอกจากนางจะวุ่นวายกับการเปิดเรือนพักพิงผู้ยากไร้จนแทบจะไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่นแล้ว ความสนใจทั้งหมดของตัวเองก็ยังพุ่งประเด็นไปยังเรื่องการเตรียมของที่จะใช้ในเรือนพักพิง

เรื่องนี้หลินซือให้ความสำคัญอย่างมากทีเดียว

การเคลื่อนไหวเช่นนี้ของนางไม่อาจปิดบังสายตาคุณหนูในจวนหลักอื่นได้ แม้ว่าคุณหนูเหล่านี้มิรู้แน่ชัดว่าหลินซือกำลังทำสิ่งใด แต่เรื่องที่หลินซือมักจะออกไปข้างนอกบ่อยครั้งไม่ใช่ความลับ

ที่แท้ หลินซือก็ถึงวัยที่ต้องดูตัวแล้ว คนจำนวนหนึ่งที่พยายามจะให้เหยาซูเป็นสื่อกลางให้ ล้วนถูกเหยาซูตอกกลับจนหน้าหงายโดยไม่ทันตั้งตัว

หลายวันนี้จวนหลินปิดประตูไม่ต้อนรับแขก

ขณะที่เหยาซูกำลังตรวจสอบบัญชีนั้นก็พบว่ามีฮูหยินท่านหนึ่งยืนรออยู่บนถนน “ลูกสาวของเจ้าถึงวัยที่ต้องคุยเรื่องการแต่งงานแล้ว จะให้นางออกวิ่งเล่นข้างนอกอีกไม่ได้ เป็นครอบครัวลูกสาวประสาอะไร”

เหยาซูยิ้มเยาะเย็นชา “นี่คือเรื่องครอบครัวของข้า ไม่ต้องการให้ฮูหยินของขุนนางฝ่ายตรวจการมาเป็นกังวลหรอก”

การพูดการจาของฮูหยินขุนนางฝ่ายตรวจการแฝงไปด้วยความคร่่ำครึ “เด็กคนนี้นี่ เรื่องที่ต้องให้ความสำคัญที่สุดคือชื่อเสียงและศักดิ์ศรี เจ้าต้องดูแลอบรมนางให้ดี อย่าให้นางกระทำตามใจตนนัก”

“นี่มันเรื่องครอบครัวข้า ลูกสาวข้าอยากจะทำสิ่งใด ไม่ต้องให้ฮูหยินมาเป็นกังวล”

ฮูหยินของขุนนางฝ่ายตรวจการคาดไม่ถึงว่าเหยาซูจะหักหน้าตนเช่นนี้ แต่ก็ยังจะเอ่ยโน้มน้าวอีกครั้ง “ไม่อย่างนั้นไม่สู้เจ้าตามข้า…”

เหยาซูยิ้มบางเบา น้ำเสียงแข็งกระด้าง เอ่ยปากพูดกับคนรับใช้ด้านหลังว่า “จงประกาศออกไปว่าหากฮูหยินของขุนนางฝ่ายตรวจการมาซื้อของในร้านของเรา ให้เพิ่มราคาสูงเป็นสิบเท่า”

เดิมทีขุนนางฝ่ายตรวจการมีอำนาจในการรับฟังเสียงของมวลประชา ด้วยเหตุนี้ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นผู้ปฏิบัติตนอยู่ในลู่ทางที่ถูกต้อง ทรัพย์สินของคนเหล่านี้จึงไม่มากมายเท่าใดนัก

นี่คือการสร้างความอับอายให้กับตระกูลขุนนางฝ่ายตรวจการอย่างมาก

เรื่องนี้เหยาซูไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยไว้แต่อย่างใด ครั้นนางเห็นสีท้องฟ้าตรงหน้า จึงสั่งให้คนขับรถของตัวเองบังคับรถม้าไปยังฝ่ายตรวจการ และรอให้ขุนนางฝ่ายตรวจการเตรียมเรื่องราวทุกอย่างเสร็จสิ้น

เวลานี้ผู้คนกำลังเดินกันขวักไขว่ หลังจากที่เหยาซูเห็นเสนาบดีฝ่ายตรวจการ เดินออกมา

“เสนาบดีฝ่ายตรวจการ” หัวคิ้วของเหยาซูขมวดเข้าหากันแน่น กระทั่งเดินมาตรงหน้าของอีกฝ่าย “ตระกูลหลินของเราไม่ได้เป็นขโมย ไม่ใช่หน้าที่ที่ฮูหยินของท่านต้องวิจารณ์เชิงลบ ถ้าสนใจเรื่องของตระกูลหลินจริง ให้อาเหราของเราเขียนหนังสือราชการ!”

หลังจากที่ทุกคนได้ยินประโยคนี้ ก็อดสูดลมหายใจเย็นไม่ได้ คาดไม่ถึงว่าเหยาซูจะบุกมาถึงบ้านเพราะเรื่องนี้

มนุษย์เราย่อมห่วงชื่อเสียงของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสนาบดีฝ่ายตรวจการ

ใต้เท้าฝ่ายตรวจการคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะพูดเช่นนี้ นางทำเช่นนี้เท่ากับฉีกหน้าครอบครัวของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

สีหน้าของเขาหม่นหมองลงทันที…

……………………………………………………………………………………………………………………..