บทที่ 526 กลับบ้าน

บทที่ 526 กลับบ้าน

ก่อนหน้านี้ตนเองเคยเที่ยวไล่เที่ยวขื่อผู้หญิงที่ชอบมาก่อน

แต่หลังจากที่พี่ชายของว่าที่ภรรยาในอนาคตมาถึง ก็เอาแต่ใช้สายตาปกป้องเสี่ยวเหมยอยู่ตลอด

เขาเลยยิ่งมีโอกาสได้พบกับหญิงที่รักตามลำพังทุกที

แล้วถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เมื่อไรเขาจะได้โอบกอดสาวงามเสียที?*[1]

โชคดีที่พี่ชายของว่าที่ภรรยาจะกลับกองทัพหลังปีใหม่ เขาจะไม่โดนขวางทางไล่ตามภรรยาแล้ว

อาจารย์ฮั่วรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อนึกเช่นนี้

หลังจากขึ้นรถไฟ เถาฮวามองลูกชายคนโตที่จ้องฮั่วซือเหนียนอย่างกับคนเห็นหัวขโมยและอดบ่นไม่ได้

“เด็กคนนี้ ตัวเองยังหาภรรยาไม่ได้ก็ว่าไปอย่าง นี่คิดจะทำให้น้องแต่งงานช้ากับเขาอีกเรอะ!”

เสี่ยวเหลียงเสียใจ เขาไม่ได้คิดจะทำแบบนั้น แค่กลัวว่าอาจารย์ฮั่วผู้มีดวงตาดอกท้อนั้นจะมาหลอกลวงน้องสาวเขา

“แม่ครับ ผมไม่ได้คิดแบบนั้น!” ชายหนุ่มรีบแก้ตัวรวดเร็ว

นั่นน้องสาวเขานะ เขาต้องคิดเผื่อเธออยู่แล้วสิ

“ฉันว่าที่เสี่ยวเหลียงพูดก็ถูกอยู่นะ อาจารย์ฮั่วเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ เขาไม่เหมือนพวกจะใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขเลย!”

เขาไม่คิดว่าพ่อเลี้ยงจะมีแนวคิดเหมือนกันกับเขา จึงรู้สึกว่าแกเป็นคนที่ดีทีเดียว

เสี่ยวเถียนเสี่ยวเหมยที่นั่งตรงข้ามไม่ไกลจากกันนักได้ยินบทสนทนานี้เข้าพอดี

คนน้องหัวเราะคิกคัก ส่วนคนพี่พูดไม่ออก

ระหว่างทางมีคนมากมายเลย แต่บ้านเราเอาของกินดี ๆ มาเอง

เสี่ยวลิ่วถือกล่องข้าวหลู่เว่ยอยู่ เขากำลังคิดว่าถ้าไม่ต้องกลับบ้านช่วงปีใหม่ แล้วใช้ชีวิตอยู่เมืองหลวงจะดีสักแค่ไหนกันนะ

เราน่าจะหาเงินต่อไปได้ด้วย

“ย่า เรากลับก่อนไม่ได้หรือ?”

ก็คนมันไม่อยากไป ใจเลยอยากกลับแล้ว!

พอเห็นหลานชายเป็นแบบนี้แกก็โกรธจนว่า “เคยชินกับชีวิตในเมืองหลวงแล้วสินะ แม้กระทั่งบ้านยังไม่อยากไปเลยหรือไง?”

เสี่ยวลิ่วรู้ตัวว่าพูดผิดไป เลยรีบกลับเตียงไม่กล้าพูดอะไรต่อ

พอได้เริ่มอ้าปากด่าแล้ว แกก็หยุดไม่ได้

“หรือการกลับหงซินมันทำให้แกได้กินเนื้อน้อยลง?”

เสี่ยวเถียนมองพี่ชายที่น่าสงสัย “ย่า ไม่ใช่เนื้อน้อยหรอกค่ะ เพราะได้เงินน้อยต่างหาก”

ไฟโกรธของคุณย่าซูดับมอดลงทันที!

จริงด้วย เราเดินทางไปตั้งสิบวัน ทำให้การหาเงินของพวกเราล่าช้าลง

ช่างเถอะ!

เสี่ยวลิ่วได้แต่ตกตะลึง ไม่รู้จะพูดอะไรอยู่พักหนึ่ง ทำไมเวลาน้องเล็กพูดอะไรออกมาก็ถูกไปหมดเลยล่ะ? แต่ช่างเถอะ ยังไงน้องเล็กก็เป็นที่รักของบ้านอยู่แล้วหนิ!

โคลงเคลงอยู่ในรถไฟสองวันหนึ่งคืนก่อนจะเดินทางมาถึงตัวอำเภอในที่สุด

โชคดีที่ทุกคนอยู่ตู้นอน ต่อให้เหนื่อยก็ยังนอนได้ แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะสดชื่นแจ่มใสขนาดนั้น

พวกเราลงจากรถไฟพร้อมสัมภาระใบเล็กใหญ่

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว พวกเขาจึงตั้งใจจะกลับหงซินทันทีและเป็นตอนนั้นเองที่เหล่าซานบังเอิญเจอเพื่อนร่วมงานจากทีมขนส่งที่เคยทำมา

พอได้พบกันอีกฝ่ายก็เดินเข้ามาทักอย่างกระตือรือร้น

“ต้าหยาง เจ้าเด็กคนนี้ลมหอมอะไรแกมาเนี่ย มีเรื่องดีหรือไง?” เหล่าซานมีความสุขมาก

“ครับ ผมเพิ่งแต่งงานเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง พี่สาม ถ้าพี่ได้มาคงจะดีมากเลย”

เพราะที่บ้านเขามีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้น จึงอยากให้เหล่าซานมาร่วมงานด้วย ถามว่าทำไมน่ะหรือ?

เพราะบ้านซูมั่งคั่งมาก ลูกหลานที่บ้านจะได้มีโชคกับเขา!

“ยินดีด้วย ๆ เดี๋ยวไปเป็นแขกแล้วกันนะ” เหล่าซานเอ่ยอย่างสุภาพ

“พี่สามมาช่วงปีใหม่พอดีเลย เดี๋ยวผมให้ภรรยาทำอาหารอร่อยให้กินนะพี่”

ต้าหยางมองไปข้างหลังเหล่าซาน จากนั้นก็นึกได้ว่าอีกฝ่ายกลับบ้านมาช่วงปีใหม่

“พี่สาม พี่เพิ่งกลับมาจากเมืองหลวงหรือ?”

“ใช่ เพิ่งลงจากรถเลยเนี่ย ไม่รู้วันนี้มีรถประจำทางวิ่งบ้างไหม!”

เพราะรถไปหงซินมีแค่คันเดียว ถ้ามันเสียจะไม่มีรถอีกแล้ว

“รถคันนั้นประสบอุบัติเหตุเมื่อสองวันก่อนนี่เอง ยังไม่ได้ซ่อมเลยพี่” ต้าหยางมองครอบครัวคนเป็นพี่ที่มีทั้งคนแก่และเด็ก ก่อนจะถอนหายใจ “พี่สามรอสักครู่นะ เดี๋ยวผมไปบอกหัวหน้าให้ เดี๋ยวพาไปส่งเองครับ!”

ต้าหยางได้เหล่าซานคอยดูแลมาก่อน เลยกระตือรือร้นเป็นพิเศษ

เพราะพี่ชายคนนี้เคยเป็นสมาชิกทีมยานยนต์ หลังจากแจ้งกับทางกัปตันก็ขับรถบรรทุกมารับจริง ๆ

ผู้อาวุโสทั้งสองและเสี่ยวเถียนนั่งในห้องโดยสาร ส่วนที่เหลือนั่งท้ายรถบรรทุก

ระหว่างทางสายลมหนาวพัดโชยแม้แต่คนในห้องโดยสารยังรู้สึกหนาว นับประสาอะไรกับคนท้ายรถล่ะ

โชคดีที่พอมาถึงบรรยากาศในบ้านนั้นอบอุ่น มีผ้าห่มอยู่บนเตียงเตาด้วย

ในห้องอุ่น ๆ เสี่ยวเถียนรีบโดดขึ้นไปบนเตียงเตาและเข้าไปซุกในนั้น

ส่วนเด็กคนอื่นก็ทำตามกันคือรีบโดดขึ้นไปบนเตียงเตา และเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มเนื้อตัวสั่นเทิ้ม

“ย่า ปู่ รีบมาที่เตียงเตาเร็วค่ะ”

เสี่ยวเถียนเชิญผู้อาวุโสทั้งสอน

พวกท่านนั่งลงข้างเตา ส่วนเหลียงซิ่วรีบเทน้ำร้อนใส่ให้ทุกคน

“โชคดีมีพี่สะใภ้อยู่ดูแล ไม่งั้นเราได้หนาวตายแน่!”

ก่อนหน้านี้เราโทรมาหาก่อนแล้ว หวังเซียงฮวาจึงรีบทำความสะอาดจัดการบ้านซูและบ้านเถาฮวาให้

เพราะกลัวกลับมาจะเป็นหวัดจึงจุดไฟในห้องเป็นพิเศษ

เราเติมไฟเตียงเตาอยู่ตลอด ขนาดผ่านไปสองวันห้องยังอุ่นอยู่เลย

“สะใภ้สามรีบดื่มน้ำอุ่นร่างกายเถอะ อากาศหนาวขนาดนี้เดี๋ยวจะหนาวตายขึ้นมาจริง ๆ!”

“ถ้าไม่ได้พี่สะใภ้ช่วยทำให้อุ่นก่อนหน้านี้ พวกเรากลับมาถึงต้องทรมานแน่นอนค่ะ!”เหลียงซิ่วเอ่ยซาบซึ้งใจ

“ฉันว่านะ ปีหน้าไม่ต้องกลับมาช่วงปีใหม่แล้วแหละ มารอบนี้เสียเงินก็เยอะ ขายของก็ไม่ได้ ลำบากกันหมด!” คุณปู่ซูว่า

ในฐานะผู้ใหญ่พวกเขาทนได้ แต่เด็ก ๆ เนี่ยสิ โดนแช่แข็งขึ้นมาจะทำยังไง?

พูดถึงหวังเซียงฮวา พอได้ยินว่าครอบครัวกลับมาที่บ้านแล้วเธอไม่ได้สนใจไก่ด้วยซ้ำ

แล้วรีบโทรเรียกคนมาช่วยดูแลฟาร์มหมูแทนเหล่าต้ากับเหล่าเอ้อร์ ก่อนเธอจะรีบวิ่งกลับบ้าน

“เซียงฮวา รีบไปไหนน่ะ?” มีคนหนึ่งเห็นจึงตะโกนถาม

“พ่อแม่กับลูก ๆ ฉันกลับมาแล้วจ้ะ!” หวังเซียงฮวาวิ่งเหยาะ ๆ แต่ไม่ได้หยุดวิ่งแต่อย่างใด

“ไอ้หยา เดี๋ยวไปหา ๆ” ป้าคนนั้นพูดแล้วรีบกระจายข่าวคราวออกไป

ใกล้ปีใหม่แล้ว ทุกคนอยู่ทำความสะอาดบ้านกันทั้งนั้น และพวกเขาต้องซุกตัวอยู่ในบ้านว่างงานมาก ข่าวจึงแพร่ไปไว

หวังเซียงฮวาวิ่งตรงมาถึงบ้านอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเห็นว่าประตูเปิดอยู่

เธอเดินข้ามลานบ้านไปสองสามก้าวเพื่อตรงไปยังห้องหลัก

พอเข้าไปก็เห็นกลุ่มก้อนซุกอยู่บนเตียงเตา ส่วนพ่อแม่และน้องสามีน้องสะใภ้กำลังล้อมเตาสี่คน

เธออยากจะพูดบางอย่างแต่ว่าตอนนี้หายใจไม่ทัน เมื่อเห็นหวังเซียงฮวาเป็นเช่นนั้น เสี่ยวเถียนก็คิดว่าอีกฝ่ายน่าวิ่งมาราธอนมา

*[1] เปรียบเปรยว่าโชคดีมาก ทั้งยังได้รับความรักจากสาวงามและใช้ชีวิตร่วมกับเธออีก