ตอนที่ 518 ขัดขวาง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 518 ขัดขวาง

“เจ้าเป็นคนจัดการ พ่อจะได้สบายใจ จำไว้ว่าต้องเห็นกับตาของตัวเองว่าใช่จดหมายของจวนเราจริงหรือไม่!” หลี่เม่าบีบมือของบุตรชายแน่น กล่าวเป็นนัย

“จดหมายนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของตระกูลเรา หากยังเก็บไว้ มีแต่จะนองเลือด!”

“ท่านพ่อไม่ต้องห่วง ข้ารู้ว่าควรทำเช่นไรขอรับ” หลี่หมิงรุ่ยกล่าวเสียงหนักแน่น

หลี่หมิงรุ่ยนำสุราและของว่างไปเยี่ยมเหลียงอ๋องที่จวน เหลียงอ๋องหยิบกล่องกำมะหยี่ซึ่งใส่จดหมายไว้เต็มกล่องยื่นให้หลี่หมิงรุ่ย

เมื่อหลี่หมิงรุ่ยตรวจสอบแน่ชัดว่าเป็นลายมือของบิดาจริงๆ เขาอดรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาไม่ได้ ขณะนั่งจิบชา หลี่หมิงรุ่ยแอบหยิบจดหมายส่องไปยังแสงแดดที่ส่องมาจากหน้าต่างด้วยท่าทีปกติ แสงแดดส่องกระทบลงบนตัวกระดาษ ตัวอักษรลับคำว่าหลี่ซึ่งจะปรากฏเมื่อโดนแสงแดดเท่านั้นปรากฏขึ้นกลางจดหมาย ใจของหลี่หมิงรุ่ยหนักอึ้ง

เป็นจดหมายของจวนหลี่จริงๆ

สายตาของหลี่หมิงรุ่ยหยุดอยู่ที่กล่องกำมะหยี่ข้างกายเหลียงอ๋อง เขาลุกขึ้นยืนพลางวางจดหมายลงบนโต๊ะตรงหน้าเหลียงอ๋องด้วยท่าทีนอบน้อมและต้องการผูกมิตร

“ไม่ทราบว่าองค์ชายได้จดหมายเหล่านี้มาได้เช่นไรพะย่ะค่ะ ท่านพ่อหาจดหมายเหล่านี้มาโดยตลอดแต่ก็หาไม่พบ ท่านพ่อเป็นกังวลเรื่องนี้มาก ท่านกลัวว่าจะมีคนนำจดหมายเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ เช่นนี้องค์ชายจะไม่เหลือคนไว้ใช้งานในราชสำนักอีกพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าไม่อาจบอกเจ้าได้ว่าข้าได้จดหมายเหล่านี้มาได้อย่างไร หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ” เหลียงอ๋องกล่าวแล้วเก็บจดหมายไว้ในกล่องกำมะหยี่ตามเดิม

“องค์ชายตรัสอันใดเช่นนั้นพะย่ะค่ะ” หลี่หมิงรุ่ยมีท่าทีนอบน้อมกับเหลียงอ๋องมากกว่าเดิม

“กระหม่อมเป็นเพียงลูกน้อง ลูกน้องจะกล้าถามเรื่องของเจ้านายได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ!”

“หมิงรุ่ยกล่าวห่างเหินเกินไปแล้ว ข้าเห็นหมิงรุ่ยเป็นดั่งสหาย ไม่เคยเห็นเป็นคนนอก!” เหลียงอ๋องกล่าวถึงตรงนี้แล้วหยุดชะงักลง จู่ๆ ก็หยิบจดหมายเหล่านั้นออกมาจากกล่องอีกครั้ง เปิดจดหมายให้หลี่หมิงรุ่ยเห็น จากนั้นจุดไฟเผา

“องค์ชาย!” หลี่หมิงรุ่ยคาดไม่ถึง เขาจ้องไปยังจดหมายที่กำลังถูกเปลวไฟกลืนกินนิ่ง ลำคอร้อนผ่าว

“จดหมายลายมือของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายถูกเผาทำลายแล้ว อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายจะรับผิดเรื่องนี้ต่อหน้าราชสำนักอีกหรือไม่” เหลียงอ๋องวางจดหมายที่ถูกไฟเผาลงบนถาดล้างพู่กัน ลูบไปที่กล่องกำมะหยี่

“ไม่ปิดบังเจ้า ข้าเพิ่งได้จดหมายเหล่านี้มาเมื่อคืน จดหมายอยู่ในมือของข้า อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายและหมิงรุ่ยวางใจได้ ผู้อื่นไม่มีทางเห็นจดหมายเหล่านี้อีก อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายเคยเป็นขุนนางคนสำคัญของเสด็จพี่รอง ข้าไม่อาจทนเห็นเขาถูกข่มขู่ได้ ข้าหวังว่าอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายจะร่วมร่วมใจกับข้าทำการใหญ่เหมือนดั่งที่เคยช่วยเหลือเสด็จพี่รอง!”

เหลียงอ๋องกล่าวเข้าใจง่าย ทว่า ไม่ได้ชัดเจนนัก

หลี่หมิงรุ่ยเหลือบมองไปยังกล่องกำมะหยี่ คิ้วกระตุกเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเหลียงอ๋องต้องการใช้จดหมายเหล่านี้ข่มขู่ให้ท่านพ่อเชื่อฟังคำสั่งเขาหรือเหลียงอ๋องยังได้จดหมายมาไม่ครบกันแน่

หากเหลียงอ๋องเห็นจดหมายทั้งหมดจริงๆ พระองค์ย่อมรู้ว่าท่านพ่อของเขาเป็นคนยุงแยงให้องค์ชายรองก่อกบฏและรับปากองค์ชายรองว่าจะเป็นกองกำลังสนับสนุนอยู่ภายนอก ทว่า สุดท้ายเมื่อเห็นว่าองค์ชายรองกำลังจะล้มเหลว ท่านพ่อของเขาจึงแปรพักตร์ไปคุ้มกันฮ่องเต้แทน

หลี่หมิงรุ่ยเดาว่าอย่างหลังน่าจะมีความเป็นไปได้มากกว่า

เพราะตอนที่เดินทางไปเยี่ยนว่อ เขาเป็นคนผูกมิตรเพื่อแสดงความจักรักภักดีต่อเหลียงอ๋องก่อนตามคำสั่งของท่านพ่อ

ทว่า หลี่หมิงรุ่ยทำได้เพียงคาดเดาเท่านั้น เขายังไม่กล้ายืนยัน

เมื่อออกมาจากจวนเหลียงอ๋องและขึ้นไปบนรถม้า สีหน้าของหลี่หมิงรุ่ยเคร่งเครียดกว่าเดิม นึกถึงภาพตอนที่เหลียงอ๋องเผาจดหมายเหล่านั้นทิ้ง มีเพียงเผาทำลายให้จดหมายเหล่านี้หายไปจากโลกใบนี้ถึงจะปลอดภัยที่สุด

บัดนี้ยังไม่อาจแน่ใจได้ว่าเหลียงอ๋องมีจดหมายอยู่กี่ฉบับและไป๋ชิงเหยียนมีจดหมายอยู่กี่ฉบับ

คนที่ไปสำรวจสถานการณ์ที่ซั่วหยางรายงานว่าองครักษ์ของจวนไป๋คุ้มกันจวนไว้อย่างแน่นหนาราวกับกรงเหล็ก ส่วนจวนเหลียงอ๋องนั้น ฮ่องเต้เพิ่งสั่งให้หน่วยตรวจเมืองและองครักษ์ลับถอนกำลังคุ้มกันออกจากจวนเหลียงอ๋อง เขาต้องถือโอกาสตอนที่เหลียงอ๋องยังไม่ทันเตรียมตัวชิงลงมือเสียก่อน

นับตั้งแต่ตอนที่ภรรยาของเหวินเจิ้นคังไปข่มขู่ท่านพ่อของเขาที่จวน เรื่องนี้ก็ไม่จบสิ้นเสียที ตระกูลหลี่ของพวกเขาจะถูกขัดขวางจากคนมากมายเพราะจดหมายเหล่านี้ไม่ได้เด็ดขาด!

หลี่หมิงรุ่ยเด็ดขาดกว่าหลี่เม่า เขาสั่งให้คนไปเผาจวนเหลียงอ๋องในคืนนั้น ฮ่องเต้ถูกปลุกขึ้นมากลางดึกเพราะจวนของเหลียงอ๋องไฟไหม้ เขาตกใจมาก รีบถามถึงเหลียงอ๋อง เมื่อรับรู้ว่าเหลียงอ๋องปลอดภัยดี เขาจึงวางใจ

วันต่อมา ใต้เท้าเผยผู้ตรวจการสูงสุดถวายฎีกาเรื่องที่หลี่เม่ามีความสนิทสนมกับองค์ชายรองที่เคยก่อกบฏมากเกินไป กล่าวว่าองค์ชายรองสามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้และเป็นจักรพรรดิที่ปรีชาชาญกว่าจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ใต้เท้าเผยขอให้ตรวจสอบว่าหลี่ม่ามี่ส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อกบฏในปีนั้นหรือไม่ จากนั้นมอบจดหมายที่หลี่เม่าเขียนถึงองค์ชายรองให้ฮ่องเต้

อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าถูกพักตำแหน่งชั่วคราวและถูกจับขังคุก หลี่หมิงรุ่ยบุตรชายคนโตของหลี่เม่ากล่าวว่ามีคนปลอมแปลงจดหมายฉบับนั้นขึ้นมา ขอให้ฮ่องเต้เชิญท่านราชครูถานและโซ่วซานกงมาตรวจสอบลายนิ้วมือให้แน่ชัด ทั้งสองคนก็รู้สึกว่าจดหมายนี้คือจดหมายที่ปลอมแปลงขึ้น ทว่า ยังต้องการเวลาเพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดกว่านี้

เมื่อหลวงคึกครื้นขึ้นทุกวัน ชาวบ้านในเมืองหลวงวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุดหย่อน

ขณะเดียวกัน ที่ปรึกษาชุดเขียวนามจื่อหยวนของหลี่เม่าเดินทางไปถึงซั่วหยางแล้ว เขายื่นบัตรเทียบขอเข้าพบองค์หญิงเจิ้นกั๋วหน้าจวนไป๋

ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนได้รับจดหมาย หญิงสาวกำลังวิเคราะห์อยู่ว่าหรงตี๋มักมาโจมตีเติงโจวในช่วงเวลาใด เมื่อได้ยินถงหมัวมัวรายงาน ไป๋ชิงเหยียนรับคำ สั่งให้คนพาที่ปรึกษาของหลี่เม่าไปรอที่โถงรับรอง อีกเดี๋ยวตนจะตามไป

ที่ปรึกษาชุดเขียวของหลี่เม่านั่งอยู่กลางโถงรับรองอย่างไม่เป็นสุข เมื่อเขาก้าวเข้ามาในจวนไป๋ เขาตกตะลึงกับความมั่งคั่งของจวนไป๋เป็นอย่างมาก เมื่อนึกถึงตอนที่ตนวางแผนให้หลี่เม่าส่งคนมาสืบความลับของไป๋ชิงเหยียนที่ซั่วหยาง เขายิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นดั่งกบในกะลา

ก่อนที่เขาจะมาซั่วหยาง เขาคิดว่าไป๋ชิงเหยียนจะอยู่ในซั่วหยางอย่างยากลำบาก นึกไม่ถึงเลยว่าซั่วหยางคือฐานทัพของตระกูลไป๋ มิน่าตระกูลไป๋ถึงได้หลบกลับมาอยู่ซั่วหยางเช่นนี้

ทว่า สิ่งที่ทำให้ที่ปรึกษาชุดเขียววิตกกังวลมากกว่าเดิมก็คือไป๋ชิงเหยียนกำลังฝึกซ้อมทหาร

นี่น่าจะเป็นความลับของหญิงสาว ทว่า หญิงสาวรายงานเรื่องฝึกทหารให้ฮ่องเต้และรัชทายาทรับรู้แล้ว ฮ่องเต้ยังพระราชทานเงินให้หญิงสาวใช้สำหรับฝึกทหารอีกด้วย

ที่ปรึกษาชุดเขียวรู้สึกใจเต้นรัว ไป๋ชิงเหยียนฝึกชาวบ้านซั่วหยางให้กลายเป็นทหาร วันหน้าหากทำสำเร็จ ไป๋ชิงเหยียนจะกลายเป็นจักรพรรดิของซั่วหยางทันที แค่สั่งการทุกคนที่นี่ก็พร้อมทำตามหญิงสาว

ที่ปรึกษาชุดเขียวกำหมัดแน่นด้วยความร้อนใจ

ไม่นาน เขาเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินเข้ามาด้านใน ที่ปรึกษาชุดเขียวรีบคุกเข่าคำนับ

“คาราวะองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ!”

“เจ้าคือที่ปรึกษาของจวนอัครมหาเสนาบดีอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตามองที่ปรึกษาชุดเขียวแวบหนึ่ง จากนั้นเดินไปนั่งที่เก้าอี้ด้านหน้าสุดอย่างไม่รีบร้อน

ที่ปรึกษาหมุนเข่ากลับไปหาไป๋ชิงเหยียน ก้มศีรษะคำนับแนบพื้น

“พ่ะย่ะค่ะ! ท่านมหาเสนาบดีส่งกระหม่อมมาขอขมาองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิกล้าปิดบังองค์หญิง ท่านมหาเสนาบดีกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะถูกกุมความลับเอาไว้ กระหม่อมจึงส่งคนมาสืบความลับขององค์หญิงที่ซั่วหยางเป็นการแลกเปลี่ยน มิได้คิดทำอย่างอื่นพ่ะย่ะค่ะ ครั้งนี้ทำให้องค์หญิงไม่พอพระทัย ท่านมหาเสนาบดีสำนึกผิดจึงส่งกระหม่อมมารับโทษจากองค์หญิง เชิญองค์หญิงลงโทษได้ตามสบายพ่ะย่ะค่ะ!”