บทที่ 569 ดวงตาที่ว่างเปล่าไร้ชีวิตชีวา

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 569 ดวงตาที่ว่างเปล่าไร้ชีวิตชีวา

ถูกแววตาที่แวววาวของพวกเขาสองคนมองจนประหม่าเล็กน้อย โม่เหลียงเฉินรีบถอยออกไปสองก้าวทันที มองสังเกตพวกเขาอย่างสงสัย

ทำไมรู้สึกว่าในคำพูดมีความนัย

“พวกท่านอยากพูดอะไรกันแน่? ท่านอ๋องของท่านกับซ่างกวนหนานซู่เพิ่งจะรู้จักกัน จะสามารถเกิดอะไรขึ้นได้?”

เพิ่งรู้จัก?

แบบนี้ก็ยิ่งน่าสงสัยแล้วมากขึ้นแล้ว

จื่อซีและพ่อบ้านเหมยเข้าใกล้โม่เหลียงเฉินพร้อมกัน ท่าทางต้องการสอบถามให้ทะลุปรุโปร่ง ทำให้โม่เหลียงเฉินถอยหลังติดต่อกัน

จื่อซี : “หลังจากเจ้านายรู้ว่าข้าตัดสินใจโดยพลการก็โกรธมาก แต่ไม่ทำโทษกลับตกรางวัลให้ ไม่แปลกประหลาดหรอกหรือขอรับ?”

พ่อบ้านเหมย : “ท่านอ๋องยังจะจับมือกับคุณชายซ่างกวนอีก”

พูดให้ถูก คือท่านอ๋องจับมือคุณชายซ่างกวนเขาไว้แน่น นี่ยังเป็นหนึ่งปีกว่ามานี้ ท่านอ๋องที่เป็นเหมือนศพเดินได้ เป็นครั้งแรกที่ผิดปกติเช่นนี้

เขาจำเป็นต้องถามให้กระจ่าง

“นั่นคือเขาดีใจ อย่างไรเสียก็มีข่าวคราวของพระคุณเจ้าหยวนซูแล้ว”

เกรงว่าพวกเขาจะถามอย่างทะลุปรุโปร่ง และเขาผู้มีความสามารถด้านข่าวกรองผู้นี้กลับรู้เพียงเท่านี้ ตอนนี้ดูแล้วเย่แจ๋หยิ่งน่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว งั้นเขามาวันอื่นละกัน!

ด้วยเหตุนี้ รีบแฉลบตัวจากไปทันที

เมื่อได้ยินพระคุณเจ้าหยวนซูสี่คำนี้ จื่อซีและพ่อบ้านเหมยแต่ละคนล้วนดีใจไม่แพ้กัน ขณะที่เขากำลังเตรียมจะถามต่อพอดีนั้น

เมื่อเงยหน้า ด้านหน้าของพวกเขาก็ว่างเปล่าไร้คนแล้ว

เหลือเพียงจื่อซีและพ่อบ้านเหมยที่มองหน้ากันเท่านั้น

ห้องบรรทมอ๋องเย่

ในห้องบรรทม แสงสลัว ประตูหน้าต่างปิดสนิท บรรยากาศด้านในอึดอัดอึมครึม ในห้องอบอวลด้วยกลิ่นยาจางๆ

หลังจากเย่แจ๋หยิ่งพาหลานเยาเยาเข้ามา ก็รีบปิดประตูหน้าต่าง หลังจาก‘มอง’นางเงียบๆแวบหนึ่ง จึงได้ปล่อยนาง เพียงลำพัง แล้วไปนอนเอนพิงบนเตียง

หลานเยาเยาที่ถูกทำให้ประหลาดใจ เดิมที่ก็มีแต่ความงงงัน

แต่หลังจากได้กลิ่นยาเหล่านั้น ในใจก็ค่อยๆแอบรู้สึกเจ็บปวด ราวกับว่ามีมือที่ไร้รูปร่างบีบคอนางแน่นขึ้นเรื่อยๆ ทำให้นางหายใจยากลำบากยิ่งขึ้น

หลานเยาเยายืนอยู่กับที่เงียบๆ เงยหน้ามองทางผ้าม่านบางๆที่ปกคลุมเตียง พอที่จะสามารถมองเห็นเย่แจ๋หยิ่งเอนพิงเตียงด้านในได้อย่างเลือนราง ไม่ขยับเขยื้อน เหมือนกับหลับแล้วเช่นนั้น

แต่ผ้าสีแดงที่พันดวงตาผืนนั้นทิ่มแทงดวงตาเป็นพิเศษ

ราวกับลักษณะท่าทีทั้งหมดในดวงตาของเขา ล้วนถูกปิดบังโดยผ้าสีแดงชิ้นนี้

คือนางมาช้าไป

ทำให้เขาเจ็บปวดทรมานนานขนานนั้น

ด้วยเหตุนี้ ร่างกายที่แข็งทื่อของหลานเยาเยาขยับโดยฉับพลัน นางรีบเปิดประตูห้องที่ปิดสนิทอย่างรวดเร็ว แต่ภายในพริบตานั้น ข้อมือของนางได้ถูกมือใหญ่ๆสองข้างที่เย็นยะเยือกจับไว้แน่นๆอีกครั้ง

เย่แจ๋หยิ่งที่เดิมทีควรจะนอนอยู่บนเตียง ตอนนี้ปรากฏตัวข้างกายนางรวดเร็วราวกับฟ้าแลบ

“เจ้าจะไปไหน?” เสียงที่รีบร้อนเล็กน้อย

“ข้างในนี้มืดอึดอัด อากาศอับไม่บริสุทธิ์ ไม่เหมาะสมกับการพักรักษาอาการบาดเจ็บ” เห็นมือของเย่แจ๋หยิ่งที่กำนางแน่นค่อยๆคลาย หลานเยาเยารีบอธิบายทันที “ข้าเพียงแค่อยากให้ห้องมีอากาศถ่ายเท สามารถช่วยในการรักษาร่างกายได้”

แต่ทว่า!

จุดสนใจของเย่แจ๋หยิ่งกลับไม่ใช่สิ่งนี้

“คุณชาย?”

ขณะที่อ่านออกเสียงสองคำนี้ ท่าทางของเขาสลดลง

“ถูกต้อง! ข้าชื่อซ่างกวนหนานซู่ อ๋องเย่ ท่านลืมแล้วหรือ?” แววตาของหลานเยาเยาแฝงไปด้วยความสงสัยเล็กน้อย

หรือว่าเขาจะเกิดความสงสัยแล้วงั้นหรือ?

เป็นไปไม่ได้นี่!

ไม่ว่าเสียงหรือว่าการแต่งตัว แม้แต่จุดที่โค้งเว้าเป็นพิเศษที่ชัดเจนบนร่างของผู้หญิง นางก็ล้วนปิดซ่อนได้อย่างดีมาก

“ช่างเถอะ!”

เย่แจ๋หยิ่งปล่อยมือนาง เดินไปทางเตียงอีกครั้ง

ต่อจากนั้น หลานเยาเยาเปิดหน้าต่าง หรือทำอะไรในห้อง เย่แจ๋หยิ่งก็ล้วนไม่พูดอะไรอีก กลับเป็นนาทีนั้นที่นางเดินออกจากประตูห้อง เย่แจ๋หยิ่งนั่งตัวตรงอีกครั้งทันที

หากไม่ใช่เพราะประโยคนั้นของหลานเยาเยา “ข้าไปดูที่ห้องยา” คาดว่าเย่แจ๋หยิ่งคงเคลื่อนตัวจับคนไว้ทันทีอีกครั้งแล้ว

แต่ว่า เมื่อหลานเยาเยาไปก็เป็นเวลาสองชั่วยาม องครักษ์ลับที่แอบซ่อนอยู่ในที่ลับเข้าๆออกๆห้องบรรทมหลายครั้งแล้วนางก็ยังไม่กลับมา เย่แจ๋หยิ่งก็ไม่มีกระจิตกระใจนอนบนเตียงแล้ว ตอนนี้ยืนรอคนอยู่ที่ประตูห้องบรรทม

ชำเลืองมองไปที่ไกลๆเป็นครั้งคราว มองดูว่าหลานเยาเยามาแล้วหรือยัง

ทำให้องครักษ์ลับในที่ลับ ตกใจจนแทบจะตกจากต้นไม้หมดแล้ว

วันนี้เจ้านายแปลกประหลาดแล้ว

นึกไม่ถึงว่าจะให้องครักษ์ลับทั้งหมดที่อยู่ในจวน ออกไปเฝ้าติดตามคุณชายซ่างกวนที่มาใหม่ทั้งหมด อีกทั้งเป็นการเฝ้าติดตามสามร้อยหกสิบองศาไม่ให้คลาดสายตา ยังจะต้องรายงานข่าวคราวของนางอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

ข่าวคราวนี้……

นึกไม่ถึงว่าจะรวมทั้งอากัปกิริยา การกระทำและวาจา แม้กระทั่งคุณชายซ่างกวนดีหรือไม่ดีใจ ขมวดคิ้วหรือไม่ เจ้านายล้วนอยากรู้หมด

เมื่อรู้ว่าคุณชายซ่างกวนไปซื้อของ เจ้านายเหาะขึ้นไปบนกำแพงทันทีอย่างคาดไม่ถึง ภายใต้การบอกทางของจื่อซีผู้เดียว ‘มองดู’คนอื่นจากไปไกลอย่างเงียบๆ

เขาก็ยืนอยู่บนกำแพงโกรกลมเย็นเช่นนี้ ทั้งคนนิ่งเหมือนกับรูปสลักรูปหนึ่ง

จื่อซีที่อยู่ด้านข้าง ทั้งดีใจทั้งกังวลใจ

แต่ว่า กล่าวโดยสรุป ดีใจมากกว่าเป็นกังวลใจ

อย่างไรเสีย เจ้านายออกจากบ้านแล้ว ยินยอมให้คุณชายซ่างกวนรักษาอาการป่วยให้เขาแล้ว

และไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ ดวงตาจื่อซีเปล่งประกาย กล่าวอย่างตื่นเต้น :

“เจ้านาย เขากลับมาแล้วขอรับ”

เมื่อสิ้นสุดเสียง เย่แจ๋หยิ่งที่เดิมทียืนอยู่ที่กำแพง หายตัวไปในพริบตา จื่อซีงงงันทันใด

นี่ นี่เกิดอะไรขึ้น?

ที่เขาบอกก็คือจื่อเฟิงกลับมาแล้ว……

ขณะที่หลานเยาเยากลับมาถึงจวนอ๋องเย่ ข้างหลังยังพาคนกลุ่มใหญ่มา พวกเขาแบ่งกันขนของหลายอย่างเข้าจวนอ๋องเย่ มีบางอย่างที่ยกเข้าไปในห้องบรรทมของอ๋องเย่โดยตรง

หลานเยาเยากลุ้มใจ

น่าแปลก?

จวนอ๋องเย่หละหลวมขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นางพาคนเข้ามามากมายขนาดนั้น ยังขนของแปลกประหลาดหายากมาอีกมากมายขนาดนั้น ทำไมองครักษ์จวนอ๋องเย่ไม่ตรวจสอบสักหน่อย?

เมื่อนางเดินไปถึงห้องบรรทม จื่อเฟิงเดินออกมาจากด้านในพอดี เมื่อเห็นร่างกายก็ชะงักเล็กน้อย หยุดฝีเท้าลงอย่างไม่รู้ตัว ในดวงตาตรวจสอบแล้วตรวจสอบและตรวจสอบอีก ราวกับว่าหลังจากที่แน่ใจแล้วว่าเขาไม่เป็นอันตรายใด ในที่สุดก็ละสายตา แฉลบตัวจากไป

เฮ้อ……

เป็นอย่างที่คิดเปลี่ยนร่างกายแล้ว ไม่มีใครจำนางได้อีกแล้ว

โม่เหลียงเฉินเป็นเช่นนี้

จื่อซีจื่อเฟิงก็เป็นเช่นนี้

นี่ทั้งๆที่เป็นแบบที่นางอยากเห็นที่สุด แต่เมื่อถึงขั้นนี้จริงๆ ในใจเศร้าโศกอย่างเลี่ยงได้ยาก

เหมือนกับว่านอกจากส้งเย่นกุยที่รู้มาตลอดว่านางคือหลานเยาเยา มีเพียงเย่แจ๋หยิ่งผู้เดียว ที่ปฏิบัติต่อนางอย่างแตกต่าง นางไม่อยากไปเจาะลึกว่าสาเหตุเช่นนี้เป็นเพราะอยากถามเรื่องพระคุณเจ้าหยวนซูจากปากของนาง หรือว่าเพราะสาเหตุที่เขาสงสัยว่านางเป็นหลานเยาเยา

เดินเข้าห้องบรรทม

เห็นเย่แจ๋หยิ่งยังคงเอนพิงบนเตียง หลานเยาเยาสั่งให้คนยกของเข้ามา ระหว่างนั้น เย่แจ๋หยิ่งลงจากเตียง มองดูของที่ยกเข้ามา ทั้งยาวทั้งประหลาดหายาก อดขมวดคิ้วแล้วเปล่งเสียงไม่ได้

“นี่คือเตียง?”

ลักษณะเหมือนเตียงมาก อีกทั้งทำด้วยไม้ แต่ตำแหน่งของศีรษะนอกจากสามารถวางได้เพียงศีรษะเดียว รอบข้างทั้งหมดล้วนว่างเปล่า เหมือนกับร่องใหญ่ๆอันหนึ่ง

“ประมาณนั้น นี่เป็นเตียงสระผมที่ค่อนข้างเรียบง่าย ข้าสั่งทำตามความสูงของท่าน”

เพื่อสิ่งนี้ นางวาดภาพออกแบบเอง จ่ายเงินจำนวนมากเชิญช่างไม้หลายคนทำในเวลาเดียวกัน ยังจำเป็นต้องควบคุมดูแลด้วยตัวเองอีก ทันทีที่ทำเสร็จก็ให้คนยกเข้ามาอย่างทนรอไม่ได้

ได้ยินดังนั้น!

บนหน้าของเย่แจ๋หยิ่งผ่อนคลายเล็กน้อย มุมปากค่อยๆยกเป็นรอยยิ้มขึ้น

“ทำให้ข้าเป็นพิเศษหรือ?”

“อื้ม ดวงตาของท่านจำเป็นต้องรักษา ภายใต้การใส่ยา โดนน้ำไม่ได้ ดังนั้นจึงได้ทำสิ่งนี้ น้ำร้อนเตรียมเรียบร้อยแล้ว ท่านลองนอนลง” สำหรับสิ่งนี้ หลานเยาเยาก็ค่อนข้างคาดหวัง

“ได้!”

หลังจากตอบรับ เย่แจ๋หยิ่งก็เอื้อมมือไปถอดเสื้อคลุม หลานเยาเยาเห็นแล้ว รีบบอกให้เขาหยุดมือทันที

“เดี๋ยวก่อน ไม่ต้องถอด วันนี้อากาศหนาวเย็น ง่ายต่อการได้รับลมหนาว เพียงแค่นอนลงก็ได้แล้ว อย่างอื่นมอบให้ข้า”

มือของเย่แจ๋หยิ่งแข็งทื่อ หลังจากฟังจบ ก็สวมเสื้อคลุมเงียบๆ จากนั้นนอนลงบนเตียงสระผมที่เรียบง่าย

มองดูเย่แจ๋หยิ่งที่อยู่ในระยะใกล้มากๆ หลานเยาเยาเอื้อมมือไปจัดการผมของเขา จากนั้นก็แกะผ้าสีแดงบนหน้าออก มองดูดวงตาทั้งสองข้างที่ปิดสนิท นางเบ้าตาแดง ต่อจากนั้นก็ยิ่งลงมือทำอย่างอ่อนโยนขึ้น

ตักน้ำร้อนสระผม นวดศีรษะ ทุกๆการกระทำล้วนอยู่ในจุดที่พอดี

รู้สึกได้ถึงนิ้วมือที่สัมผัส ครั้งแรกที่สัมผัสได้ถึงการสระผมที่แท้ก็สามารถเสพสุขได้ขนาดนี้ จึงค่อยๆลืมตาสองข้างขึ้น

เมื่อดวงตาที่ว่างเปล่าไร้ชีวิตชีวาของเขา ตกเขาไปในดวงตาของหลานเยาเยา

น้ำตาหยดหนึ่งก็กลั้นไว้ไม่ได้อีกไหลตกลงมา ลงสู่บนหน้าผากของเย่แจ๋หยิ่ง……..