บทที่ 570 ความทรงจำที่รู้สึกได้เหมือนกัน

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 570 ความทรงจำที่รู้สึกได้เหมือนกัน

ความรู้สึกอุ่นๆที่ได้สัมผัสทำให้เย่แจ๋หยิ่งตะลึงงันเล็กน้อย ยกมือขึ้นไปสัมผัสน้ำตาบนหน้าผาก จากนั้นก็เคลื่อนขึ้นด้านบน ทำให้สัมผัสโดนใบหน้าของหลานเยาเยา

ในใจเมื่อครู่ยังกลัดกลุ้มอย่างหนัก ตอนนี้เริ่มค่อยๆเจ็บปวด……

เขาถาม : “เจ้าร้องไห้หรือ?”

หลานเยาเยาส่ายศีรษะ ตอบอย่างแผ่วเบา :

“เปล่า ขณะสระผมให้ท่าน การกระทำแรงเกิน น้ำร้อนกระเด็นขึ้นมา โชคดีที่ไม่กระเด็นเข้าตา ไม่เช่นนั้นก็ต้องล้างตาให้ท่านก่อนแล้ว”

อธิบายอย่างมีเหตุมีผล เสียงก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ไม่มีผิด

เย่แจ๋หยิ่งสลดลง

แต่สุดท้ายเขาไม่เชื่อ นิ้วมือที่สัมผัสใบหน้าของนางค่อยๆเลื่อนขึ้น แทบจะต้องการลูบไปที่หางตาของนาง

เขารวดเร็วมาก แต่หลานเยาเยาไวกว่า หันหน้าไปอีกทาง ทำให้มือของเขาตกอยู่ในอากาศ

“นี่อ๋องเย่จะทำอะไร? ยังอยากจะลวนลามข้าหรือไง?” คุณชายสองคำ นางกัดฟันพูดเน้นหนัก

“เหอะ? คุณชาย?”

เสียงหัวเราะที่เย็นชานั้นของเขา ทำให้ใจของหลานเยาเยาสั่น ต่อจากนั้นก็ได้ยินเขาหัวเราะเจื่อนๆ ราวกับว่ายอมรับชะตากรรม

“คุณชายก็คุณชายเถอะ!”

เพียงแค่กลับมาก็ดีแล้ว

แต่ตอนนี้ที่เขาเป็นห่วงที่สุดไม่ใช่สิ่งนี้ แต่เป็นดวงตาของตัวเอง

“ดวงตาของข้าเมื่อไหร่จะหาย?”

“ข้ายังไม่ได้ตรวจ? ไม่สามารถตัดสินได้ในขณะนี้”

“หืม? ยังไม่ได้ตรวจ?”

นางมีระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บไม่ใช่หรือ?

เพียงแค่สัมผัสร่างกายก็สามารถวินิจฉัยออกมาได้แล้ว หรือว่านางไม่ได้เป็นห่วงสักนิดว่าดวงตาของตัวเองจะสามารถหายได้เมื่อไหร่?

เมื่อมีความคิดนี้ อารมณ์ของเย่แจ๋หยิ่งก็ไม่ดีในพริบตา

รีบชักสีหน้าทันที ลุกขึ้นตรงๆ ไม่สระผมแล้ว

หลานเยาเยาตกใจทันที

คว้าผมของเขาไว้ แล้วดึงเขาให้นอนลงอีก

“สระผมสระได้ครึ่งหนึ่งก็ไม่สระแล้ว? ท่านคิดว่าผมของท่านสะอาดพอ หรือปกคลุมด้วยผมเปียกโชกเช่นนี้ในความหนาวเหน็บในฤดูหนาวก็จะไม่เป็นหวัด?

จะบอกท่าน เตียงสระผมนี้ข้าจ่ายเงินจำนวนมากในการทำ ท่านสระก็ต้องสระ ไม่สระก็ต้องสระ”

ขณะที่กล่าว มือที่จับผมของเย่แจ๋หยิ่งไว้ก็ไม่ได้คลายลงเลย เช่นนี้เป็นการรับประกันว่าเขาจะไม่ลุกขึ้นมาอีก

“นี่เป็นเรื่องของข้า ข้าอยากสระก็จะสระ ไม่สระก็ไม่สระ” เสียงของเย่แจ๋หยิ่งเย็นชาลงมาก แต่ไม่ได้ขัดขืนลุกขึ้นอีก

“ท่านลองไม่สระดูสิ?”

พูดจบ

ก็ไม่ได้ดูปฏิกิริยาตอบสนองของเย่แจ๋หยิ่ง ลงมือจับผม การกระทำหยาบ ออกแรงแรงมาก ไม่ได้อ่อนโยนเหมือนก่อนหน้านี้

เย่แจ๋หยิ่งมุมปากกระตุกเล็กน้อย

นางยังเป็นเหมือนเดิมตามที่คิดไว้ ทนแรงกระตุ้นเล็กน้อยของเขาไม่ได้ นี่ไง หนังหัวแทบจะถูกนางถลกออกมาแล้ว

แต่แบบนี้ก็ดี

อารมณ์จิตใจของนางอาจจะดีขึ้นหน่อย

เพียงแต่ ชั่งลงมือหนักไปแล้ว……

เย่แจ๋หยิ่งค่อยๆกำหมัดแน่น คิ้วก็ขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าท่าทางไม่สามารถที่จะบรรยายได้

ในที่สุดก็รอจนสระผมเสร็จ ทั้งหนังศีรษะของเย่แจ๋หยิ่งเจ็บแสบไปหมด เดิมทีคิดว่าความโมโหของนางควรหายไปแล้ว

แต่ทว่า เรื่องนี้ยังไม่จบ

ทำผมเสร็จ นางก็เริ่มทำบนร่างกายของเขา แรกเริ่มเย่แจ๋หยิ่งยังค่อนข้างมีความหวัง อย่างไรเสียนิ้วมือขาวละเอียดนุ่มของหลานเยาเยานวดบนร่างของเขา บีบตรงนั้น สบายเป็นอย่างมาก

แต่หลังจากที่กดไม่กี่ครั้ง จุดที่โดนนางกดมาก่อน ทั้งหมดเป็นความเจ็บปวดเป็นระยะ อีกทั้งยังเจ็บปวดขึ้นเรื่อยๆ เหมือนดั่งมดหลายหมื่นตัวรุมกัดเช่นนั้น

จนถึงสุดท้าย เย่แจ๋หยิ่งทั้งโกรธทั้งโมโหแล้ว ทั้งร่างล้วนผุดเต็มไปด้วยเหงื่อ

แต่คิ้วของหลานเยาเยากลับขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยความกังวลใจ

รู้สึกได้ถึงหลายเยาเยาหยุดมือแล้ว เย่แจ๋หยิ่งที่ถูกทารุณจนติดใจกลับถามขึ้นอย่างสงสัย

“ไม่มีแรงแล้วหรือ?”

“อวัยวะภายในเสียหายหนักมาก มีโรคที่ซ่อนอยู่ทุกที่ แม้แต่พิษกู่ที่ได้ถอนพิษไปแล้ว ก็กำลังค่อยๆมีผลข้างเคียง ท่านรู้หรือไม่ร่างกายของท่านตอนนี้……” ไม่มีอะไรแตกต่างกับคนที่ตายแล้ว

คำพูดด้านหลัง หลานเยาเยาฝืนหยุดไว้

นางมีทักษะในการนวดทางการแพทย์ สามารถวินิจฉัยโรคที่ซ่อนอยู่ในร่างกายคนออกมาได้

เดิมทีคิดว่าเขาเป็นเพียงโรคไข้ใจและโรคตา คิดไม่ถึง โรคไข้ใจและโรคตานี้เป็นอาการป่วยที่มองเห็นได้เป็นรูปธรรมที่เบาที่สุดของเขา อาการภายใน ไม่สามารถละเลยได้

ดวงตาของเย่แจ๋หยิ่งเศร้าลง เสียงแหบเล็กน้อย

“แย่มาก?”

ร่างกายของตัวเอง เขาสามารถรู้สึกได้อย่างเลือนราง “ยังสามารถมีชีวิตได้อีกนานเท่าไหร่?”

“โดยประมาณ……” หลานเยาเยาเม้มปาก แล้วเปิดปากอีกครั้ง : “เป็นเวลาเนิ่นนานแหละ!”

ได้ยินดังนั้น ร่างกายของเย่แจ๋หยิ่งชะงัก ดวงตาเย็นชาเล็กน้อย :

“เจ้ากำลังหลอกข้า?”

“ไม่ใช่ ข้าเชื่อวิชาการรักษาของตัวเอง” พูดถึงตรงนี้ หลานเยาเยาหันหน้าออก แล้วเปิดปากกล่าวเบาๆ “หากว่าในใจของท่านมีใครที่คิดต้องการรอคอย ก็ต้องเชื่อฟัง หลังจากนี้จะใช้กำลังภายในไม่ได้อีก”

เมื่อคำพูดนี้โพล่งออกไป เย่แจ๋หยิ่งหมุนตัวมาทันที ‘มองดู’นางเงียบๆ ดวงตาที่ว่างเปล่าไร้ชีวิตชีวาไม่มีจุดบรรจบ แต่หลานเยาเยากลับสามารถรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่ไม่สวยงามชนิดหนึ่งที่เขาแสดงผ่านดวงตาออกมา

เย่แจ๋หยิ่งเอื้อมมือ แต่กลับหยุดลงกลางอากาศ

คนที่รอคอยก็คือคนตรงหน้า แต่คนตรงหน้าไม่ใช่คนก่อนหน้า และเขาไม่มีทางสัมผัสและได้ครอบครองสิ่งที่ตาเห็นนี้ได้

เงียบงันครู่หนึ่ง

เย่แจ๋หยิ่งเดินไปถึงข้างหน้าต่าง เปิดหน้าต่าง รับลมเย็นๆ‘มองดู’นอกหน้าต่าง

เขาไม่ได้ตอบคำถามของนาง แต่กลับย้อนถาม :

“หนานซู่ เจ้าว่าคนที่ข้าต้องการรอจะกลับมาไหม? หรือว่าข้าควรถามว่า เมื่อไหร่นางถึงจะกลับมา? กลับมาข้างกายของข้า?”

ทันทีที่คำพูดนี้ออกไป

หลานเยาเยาทั้งคนก็ตะลึงงันแล้ว เปิดปากอย่างอดไม่ได้

“ท่าน……ท่านมั่นใจว่านางจะกลับมาเพียงนี้เชียวหรือ?”

“อืม ประมาณว่าจิตใจเชื่อมโยงถึงกันล่ะมัง! ข้ารอคอยนางด้วยจิตใจที่สงบเช่นนี้ นางไม่สามารถเป็นผู้ที่ไม่มีหัวจิตหัวใจได้ เจ้าว่า ถูกหรือไม่หนานซู่?” ใบหน้าของเย่แจ๋หยิ่งยังคงหันไปทางนอกหน้าต่าง เสียงที่ดึงดูดยังคงไม่สูงไม่ต่ำ ราวกับว่าเพียงแค่พูดกับตัวเองเท่านั้น

“บางทีนางอาจจะมีความลำบากใจของตัวเองน่ะ!”

ถ้าหากว่าไม่มีความทรงจำในชาติที่แล้ว นางจะจำเป็นต้องหลบๆซ่อนๆอีกทำไม?

“เจ้าบอกว่านางมีความลำบากใจนางก็มีความลำบากใจ ข้าเชื่อเจ้า”

หลานเยาเยาตกใจเล็กน้อย : “พวกเราเพิ่งรู้จักกันไม่ถึงหนึ่งวัน ทำไมท่านเชื่อข้า?”

“นี่เป็นเรื่องของข้า”

เอ่อ……

คำตอบนี้ หลานเยาเยาแสดงออกถึงการยอมแพ้อย่างมาก

ต่อจากนั้นก็เป็นการตรวจชีพจร ตรวจร่างกายให้เย่แจ๋หยิ่งขั้นต่อไป

ผลลัพธ์คือ ยังแย่กว่าเมื่อครู่ที่นางบอกเย่แจ๋หยิ่งไว้ นางพยายามสงบอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง เขียนใบสั่งยา ยากินยาใช้ด้านนอกมีหมด

เดิมทีนางเตรียมจะไปเอายาเอง เย่แจ๋หยิ่งกลับเรียกองครักษ์ลับเข้ามาโดยตรง

หลานเยาเยาทุบไหล่อย่างจนปัญญา

นางไม่ได้หนีสักหน่อย ก่อนหน้านี้ยังคิดทุกวิธีคิดต้องการเข้าใกล้เขา ตอนนี้กลับดี นางไม่ต้องคิดทุกวิธีแล้ว เพราะคนอื่นเขายังกลัวว่านางจะหนีน่ะ เดินไปไหนล้วนมีองครักษ์ลับโขยงใหญ่ติดตามอยู่ในที่ลับ

ก็ได้!

หลานเยาเยาเอาใบสั่งยาให้องครักษ์ลับ กล่าวอย่างจริงจังเคร่งขรึม :

“ยาบนใบสั่งยานี้สามารถไปเอาได้ที่โรงหมอของข้าเท่านั้น และยังต้องให้อาส้งหยิบด้วยตัวเอง”

แม้ว่านางจะสามารถเอายาออกมาจากในระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้โดยตรง แต่นางไม่สามารถออกไปได้ และห้องยาของเย่แจ๋หยิ่งก็ไม่มีวัสดุยาที่สามารถทดแทนได้โดยสิ้นเชิง ดังนั้นให้ส้งเย่นกุยหยิบก็เหมือนกัน

หลังจากส่งมอบเสร็จ จึงวางใจให้องครักษ์ลับจากไป

เย่แจ๋หยิ่งรู้สึกพึงพอใจต่อการแสดงออกของหลานเยาเยาในเวลานี้ เขาที่นอนอยู่บนเตียง มุมปากยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“ดวงตาของข้าจะสามารถดีขึ้นได้เมื่อไหร่?”

เขาแทบจะทนรอที่จะเห็นแสงสว่างอีกครั้งไม่ได้แล้ว อยากมองดูนางในตอนนี้ ว่าลักษณะท่าทางเป็นอย่างไรกันแน่?

ร่างกายที่เคยแก่ชราแห้งเหี่ยวนั้น แม้ว่าวิชาการรักษาของนางจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่สามารถที่จะภายในปีสองปี ก็ฟื้นคืนเหมือนเดิมได้ อีกทั้งยังทำให้จื่อซีและจื่อเฟิงจำไม่ได้แม้แต่น้อย

เช่นนั้นจะมีลักษณะเหมือนกับอีกในความทรงจำหนึ่งเป๊ะๆหรือไม่?

หนึ่งปีก่อนนั้นที่ถูกทรายสีเหลืองฝังกลบไว้ในวังทอง นาทีนั้นที่ราชครูเทียนเวิงบังคับให้เขานั่งบนบัลลังก์มังกรทองคำ ความทรงจำนั้นที่เขาและหลานเยาเยาสามารถเห็นได้ของชายชุดขาว ขณะที่เขาฟื้นมาอีกครั้ง ก็ค่อยๆปรากฏขึ้นในสมองของเขา สะบัดไม่ออก อีกทั้งยิ่งฝังแน่นขึ้นเรื่อยๆ

ซ่างกวนหนานซู่……

ความสัมพันธ์ในความทรงจำช่วงเวลานั้นที่ฝังจารึกเข้าไปในกระดูกแม้ตายก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง สุดท้ายจบลงด้วยโศกนาฏกรรม

ทั้งๆที่ไม่ใช่ความทรงจำของเขา แต่เขากลับเจ็บปวดเป็นที่สุด รับรู้ความรู้สึกเช่นเดียวกัน

นั่น……เป็นอดีตที่ผ่านมาของเยาเยาหรือไม่?