ตอนที่ 549 นี่มันเรื่องอะไรกัน น่าหงุดหงิดชะมัด

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 549 นี่มันเรื่องอะไรกัน น่าหงุดหงิดชะมัด

แม่ทัพหนุ่ม ผู้นำแสนองอาจได้นำทัพกลับมาพร้อมชัยชนะ…ระหว่างทาง ราษฎรต่างอดไม่ได้ที่จะโห่ร้องเพื่อต้อนรับเหล่านักรบที่คว้าชัยชนะมาสู่แผ่นดิน

บนดวงพักตร์ของฮ่องเต้หยวนชิงเผยความปลาบปลื้ม พระองค์ตรัสกับหมินอ๋องว่า “หยูอัน เจ้ามีผู้สืบทอดแล้ว ! เป็นสิริมงคลแก่ราชวงศ์ด้วย ! ”

หมินอ๋องมีความสุขจนหุบยิ้มไม่ได้ “ฝ่าบาท เลิกชมเจ้าตัวแสบได้แล้ว ! ถ้าเขาตั้งใจฝึกกับกระหม่อม ก็คงไม่ต้องเจ็บตัวเพราะมนุษย์โอสถ…โชคยังดีที่มีคนเข้ามาช่วยไว้ได้ เฮ้อ ! โดนเด็กสาวคนหนึ่งช่วยไว้ พระองค์คิดว่าน่าอายหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ! ”

ฮึฮึ ! หลินเว่ยเว่ยแอบหัวเราะอยู่ด้านข้าง ฟู่หวาง เด็กสาวที่ช่วยชีวิตเขาไว้ก็อยู่ข้างพระองค์ไงเล่าเพคะ ! นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจต่อการส่งข่าวแสนเชื่องช้าของคนสมัยก่อน…

ทันใดนั้นก็มีแสงแวบเข้ามาในความคิดของฮ่องเต้หยวนชิง ดวงเนตรเบนไปหยุดที่ตัวหลินเว่ยเว่ยที่อยู่ด้านข้าง…ช้าก่อน คนที่ช่วยหมินอ๋องซื่อจื่อไว้เป็นเด็กสาวคนหนึ่งและยังมีพละกำลังมหาศาล…ในเวลานั้นหมินอ๋องซื่อจื่อกำลังไปช่วยบรรเทาทุกข์ที่อำเภอเป่าชิงเมืองจงโจว…คงไม่ได้บังเอิญขนาดนั้นหรอกกระมัง ?

“ระวัง ! ” หมินอ๋องดึงกระบี่จ้านหลูออกจากฝักเหน็บเอวเพื่อฟันลูกธนูที่ยิงเข้ามา แต่แล้วห่าฝนธนูก็ออกมาจากกองทัพ พวกมันต่างพุ่งตรงมาที่ฮ่องเต้หยวนชิงและองค์รัชทายาทที่อยู่ด้านข้าง…

หลินเว่ยเว่ยเคลื่อนไหวเร็วมาก นางกระชากเสื้อคลุมออกจากบ่าแล้วพุ่งไปทางฮ่องเต้กับองค์รัชทายาท จากนั้นนางก็ยกเสื้อคลุมในมือขึ้น เสื้อคลุมหมุนไปราวกับภาพลวงตา มันเคลื่อนไปตามทิศทางที่ลูกธนูพุ่งมา ลูกธนูบางดอกเข้าไปอยู่ในเสื้อคลุม แต่ก็มีบางดอกที่กระเด็นออกไป…

ท่ามกลางราษฎรที่กำลังวิ่งหนี เจียงโม่หานเดินมาทางนี้ด้วยความยากลำบาก เขาเห็นเพียงเด็กสาวตัวสูงโปร่งกำลังทำตัวเหมือนเทพเซียนบนฟากฟ้า นางใช้ร่างเพรียวบางยืนขวางลูกธนูอยู่ด้านหน้า ส่วนเสื้อคลุมในมือก็เป็นดั่งเกราะกำบังที่ทำลายไม่ได้ ทำให้ปกป้องคนที่อยู่ข้างหลังได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ส่วนทางกองทัพก็ตอบสนองกันเร็วเช่นกัน หมินอ๋องซื่อจื่อจับตัวผู้นำได้อย่างรวดเร็ว ไส้ศึกที่ซ่อนตัวอยู่ในกองทัพก็…โดนนายทหารและรองแม่ทัพที่อยู่รอบตัวจับเอาไว้

หมินอ๋องซื่อจื่อและรองแม่ทัพอีกสองสามนายรีบคุกเข่าขอรับโทษจากฮ่องเต้หยวนชิง ใครจะคาดคิดว่าในกองทัพติงเป่ยมีกบฏราชวงศ์ก่อนแฝงกายอยู่และยังปลอมตัวได้แนบเนียนขนาดนี้ ไส้ศึกที่โดนจับตัวได้ส่วนใหญ่เป็นทหารดั้งเดิมที่ผ่านศึกมาหลายสนามรบแล้ว ยังมีนายทหารยศระดับสูงอีกด้วย…

ฮ่องเต้หยวนชิงที่โดนหมินอ๋องสองพ่อลูกปกป้องไว้ด้านหลังไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด และพระทัยก็สงบมากด้วย ทรงแย้มพระสรวลเบา ๆ “พวกกบฏราชวงศ์ก่อนไม่ยอมตัดใจจริง ๆ อยากได้ชีวิตของเจิ้นอยู่นั่น แต่น่าเสียดายที่คิดอุบายมาอย่างแยบยล ท้ายสุดกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า ! พวกกบฏราชวงศ์ก่อนก็เป็นเหมือนตั๊กแตนหลังฤดูใบไม้ร่วง กระโดดอยู่ได้แค่ไม่กี่วันหรอก ! ”

ฮ่องเต้หยวนชิงเป็นเจ้าแผ่นดินที่ผ่านคมหอกคมดาบมานับไม่ถ้วน สำหรับพระองค์แล้วเรื่องนี้เป็นเพียงเหตุการณ์เล็ก ๆ เท่านั้น และใช่ว่าพระองค์ก็ไม่ได้ไม่เตรียมตัวมาเสียทีเดียว เพียงแต่…พระองค์เห็นหลินเว่ยเว่ยที่อยู่ด้านข้างกระชากเสื้อคลุมออกมาหมุนเสียก่อน…เพราะการกระทำของเด็กคนนี้เร็วเกินไป องครักษ์เงาที่ซุ่มอยู่บริเวณนี้จึงไร้ประโยชน์

ขณะมองเสื้อคลุมที่เป็นรูของตน คิ้วน้อย ๆ ของหลินเว่ยเว่ยก็เริ่มขมวดเป็นปม เสื้อคลุมตัวนี้เพิ่งทำเสร็จได้ไม่นาน วัสดุและงานตัดเย็บล้วนเป็นของชั้นดีทั้งนั้น โดยเฉพาะเตียวผี (ขนมิงค์) หิมะบนหมวก…หากเป็นร้านข้างนอก อย่างน้อยเสื้อคลุมตัวนี้ก็ต้องใช้เงิน 80-100 ตำลึงเชียวนะ ! นี่เพิ่งใส่ได้วันเดียว น่าเสียดายมาก !

แต่แล้วทันใดนั้น สายตาของนางก็แข็งค้าง ร่างกายเอนไปทางฮ่องเต้พลางยื่นมือซ้ายออกไป จังหวะนั้นก็มีลูกศรทำจากเหล็กชั้นดีเพิ่มมาอีกดอก หมินอ๋องซื่อจื่อและเหล่ารองแม่ทัพที่คุกเข่าอยู่ตรงเบื้องหน้าฮ่องเต้หยวนชิง พากันสูดหายใจด้วยความเสียขวัญทันที…เพราะหัวของธนูดอกนี้กำลังชี้ไปที่พระหทัยของฮ่องเต้หยวนชิง หรือจะพูดว่าถ้าไม่ได้เด็กคนนี้จับไว้ทัน ตอนนี้ฮ่องเต้หยวนชิงก็คงโดนยิงทะลุหทัยไปแล้ว

หลินเว่ยเว่ยมองไปทางต้นไม้ที่ห่างออกไปไกลนับร้อยก้าวด้วยสีหน้าดุร้าย นางลุกขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะซัดลูกธนูในมือออกไป นายทหารและแม่ทัพนายกองที่อยู่ใกล้บริเวณต้นไม้ต้นนั้นก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวน ก่อนจะตามมาด้วยร่างชายชุดดำที่ร่วงลงจากต้นไม้ นายกองคนหนึ่งรีบกระโดดข้ามไปแล้วจับตัวมือสังหารที่โดนยิงทะลุหัวไหล่กดไว้กับพื้น !

หมินอ๋องขมวดพระขนง “ระยะขนาดนี้ ความแม่นยำเช่นนี้ มือสังหารจะต้องมีฝีมือยิงธนูเป็นเลิศแน่นอน ! ”

ฮ่องเต้หยวนชิงลูบพระอุระด้วยความรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ความตกพระทัยยังไม่จางหาย…แค่คืบเดียวเท่านั้นพระองค์ก็จะต้องจบชีวิตเพราะลูกธนูดอกนั้น ! พระองค์อดทอดถอนหทัยไม่ได้ “หยูอัน บุตรสาวของเจ้าช่วยชีวิตเจิ้นไว้อีกครั้งหนึ่งแล้ว”

หมินอ๋องหันไปทอดพระเนตรโดยรอบด้วยความหวาดระแวง จากนั้นพยายามซ่อนความภาคภูมิใจไว้แล้วตรัสว่า “ฝ่าบาท สามารถรับใช้พระองค์ได้จึงถือเป็นเกียรติของบุตรสาวกระหม่อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ ! ”

องค์รัชทายาททำให้จิตใจกลับมาสงบได้อย่างรวดเร็ว ห่าธนูเมื่อครู่ ส่วนใหญ่พุ่งเป้ามาที่ฟู่หวง ส่วนองค์รัชทายาทก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วยเท่านั้น ทว่าการสามารถสงบจิตใจได้ในเวลาอันตรายเช่นนี้ ถือว่ามีความเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์อย่างแท้จริง

ทรงทอดพระเนตรไปยังเด็กสาวที่ยังยืนขวางอยู่เบื้องหน้าพระองค์สองพ่อลูก แล้วอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “ถ้าพูดเรื่องกำลังแขนและความแม่นยำ เว่ยเว่ยจวิ้นจู่จะไม่เหนือกว่าบุรุษอีกหรือ ? ”

ความภาคภูมิใจในดวงเนตรของหมินอ๋องเด่นชัดยิ่งกว่าเดิม “องค์รัชทายาทชมเกินไปแล้ว ! ลูกสาวกระหม่อมก็แค่ปาลูกธนูได้แม่นยำเท่านั้น เว่ยเอ๋อร์ ตอนเจ้าสังหารโจรตงหูที่ตลาดการค้าข้ามเขตแดนก็ปาลูกธนูด้วยมือเปล่าแบบนี้หรือ ? ”

หลินเว่ยเว่ยส่ายหน้า “ในเวลานั้นมีลูกธนูที่ไหนกันเพคะ ? ที่ลูกใช้เป็นลูกศรไม้ไผ่ที่ทำมาจากเสาไม้บริเวณนั้น น้ำหนักค่อนข้างเบา ใช้ไม่ถนัดมือสักเท่าไร…”

ใช้ไม่ถนัดมือ แต่เจ้าปาใส่โจรตงหูตายไปหลายสิบคนและช่วยพ่อค้ากับชาวบ้านไว้ได้ไม่น้อย ? นี่จะต้องเป็นการเสแสร้งแน่นอน !

หมินอ๋องซื่อจื่อคุกเข่าลงด้วยความท้อแท้อยู่ตรงเบื้องหน้าฮ่องเต้และองค์รัชทายาท พอหลินเว่ยเว่ยเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหลบเข้าไปด้านข้าง แต่ก็กลัวจะมีมือสังหารหลุดรอดออกมาอีก นางจึงไม่กล้าออกไปไกล นางก้มหน้ามองพี่ชายผู้มีชื่อเสียงของตน…นี่มันเรื่องอะไรกัน ! เดิมทีเป็นการนำทัพกลับมาพร้อมชัยชนะ รบจนชาวตงหูถอยกลับเข้าทุ่งหญ้าส่วนลึก แต่ในช่วงเวลาอันทรงเกียรตินี้กลับโดนพวกหนูในกองทัพทำให้เละไม่เป็นท่า ! น่าหงุดหงิดชะมัด !

ทว่าฮ่องเต้หยวนชิงไม่ใช่ทรราชผู้ไม่รู้ถูกผิด ควรให้รางวัลก็ต้องให้ ! ส่วนเรื่องกบฏราชวงศ์ก่อนที่แทรกซึมอยู่ในกองทัพ…ได้เวลาใช้โอกาสนี้จัดระเบียบกองทัพใหม่และกวาดล้างพวกกบฏให้สิ้นซาก !

ฮ่องเต้และองค์รัชทายาทให้กำลังใจและตกรางวัลแก่นายทหารประจำกองทัพติงเป่ยเสร็จแล้ว ทั้งสองพระองค์ก็ถูกกองทหารรักษาพระองค์และราชองครักษ์คุ้มกันกลับวังหลวง

จนถึงตอนนี้หมินอ๋องซื่อจื่อจึงได้มีโอกาสเข้ามาคารวะฟู่หวางของตน และในที่สุดเขาก็ได้เห็นวีรบุรุษของเหตุการณ์ครานี้ เขาอดไม่ได้ที่จะทำสีหน้าประหลาดใจ “หลินกู่เหนียง เหตุใดจึงเป็นเจ้า ? ”

หลินเว่ยเว่ยลูบฝ่ามือที่ขึ้นรอยแดง ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มสดใส “ใช่ ข้าเองเจ้าค่ะ ! ”

หมินอ๋องทอดพระเนตรทั้งสองคนด้วยความมึนงง “เจ้าทั้งสอง…รู้จักกันหรือ ? ”

หมินอ๋องซื่อจื่อพยักหน้า “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาคุยกัน รอให้ลูกกลับจากวังมาแล้วจะเล่าให้ฟู่หวางฟัง…หลินกู่เหนียงพักอยู่ที่ใด ? ประเดี๋ยววันหน้าข้าจะไปขอบคุณถึงบ้าน ! ”

หลินเว่ยเว่ยยิ้มให้อีกฝ่าย “ข้าพักอยู่ที่ตำหนักหมินอ๋องเจ้าค่ะ ! ”

หมินอ๋องกระตุ้นบุตรชาย “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสนทนา เจ้ารีบเข้าวังเถิด ! ”

กองทัพตั้งค่ายกันที่นอกเมือง หมินอ๋องซื่อจื่อและนายทหารที่มีผลงานพากันขี่ม้าเข้าสู่เมืองหลวง ในที่สุดหลินจื่อเหยียนก็เบียดตัวออกมาจากฝูงชนได้ เขามองไปยังร่างอันแสนคุ้นตาที่อยู่ด้านหลังของหมินอ๋องซื่อจื่อแล้วต้องขยี้ตาแรง ๆ…เขาจะต้องมองผิดไปแน่นอน…