ตอนที่ 524 ทำเต็มที่

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 524 ทำเต็มที่

ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวว่าวันถัดมาหลังจากที่นางแพร่จดหมายฉบับนั้นไปทั่วเมืองหลวง หลี่เม่าไปรอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ตั้งแต่ประตูวังยังไม่เปิด หลี่เม่าเป็นคนเจ้าเล่ห์ เขาต้องไปพบฮ่องเต้เพื่อยอมรับว่าเป็นคนเขียนจดหมายฉบับนั้นแน่

ต่อมาจวนเหลียงอ๋องไฟไหม้ ผู้ตรวจการเผยถวายฎีกาขอให้ตรวจสอบหลี่เม่า ท่านราชครูถานและโซ่วซานกงตรวจสอบอย่าละเอียดและสรุปผลว่าเป็นจดหมายปลอม จดหมายถูกผู้พิพากษาศาลต้าหลู่จิ้นหลี่เก็บไป หลี่เม่าได้รับความเป็นธรรมแล้ว ทว่า เขายังคงลาพักอยู่แต่ในจวน ส่วนหลี่หมิงรุ่ยบุตรชายของหลี่เม่ากลายเป็นพวกเดียวกับเหลียงอ๋องตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้

ดูเหมือนว่าตระกูลของหลี่เม่าจะเกิดความบาดหมางกับเหลียงอ๋อง อีกทั้งทำให้ฮ่องเต้รู้สึกหวาดระแวงขึ้นมาแล้ว

ราชวงศ์หลินไม่เคยทำให้ไป๋ชิงเหยียนผิดหวังเลยจริงๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเมื่อเหลียงอ๋องได้รับจดหมายฉบับนั้น เขาทำสิ่งใดกับหลี่เม่ากันแน่ ตระกูลหลี่ถึงได้เกิดความบาดหมางกับเขาเช่นนี้

บางทีหลี่เม่าอาจต้องการลงจากตำแหน่งเพื่อปูทางให้บุตรชายของตนก็ได้ ทว่า ไม่ว่าคนใดในตระกูลหลี่อยู่ในราชสำนัก ขอเพียงตระกูลไป๋ยังมีจดหมายที่หลี่เม่าเขียนถึงองค์ชายรองอยู่ในมือเท่ากับว่าตระกูลหลี่อาจโดนโทษประหารทั้งตระกูลได้ตลอดเวลา ตระกูลหลี่คงไม่กล้าล่วงเกินตระกูลไป๋อีก

ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวถึงวันที่สิบห้า เดือนแปดในจดหมาย

เดิมทีวันที่สิบห้า เดือนแปดควรเป็นวันที่ทุกคนในครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน องค์หญิงใหญ่บำเพ็ญเพียรภาวนาให้แคว้นสงบสุขอยู่ที่วัดชิงอัน ไป๋จิ่นซิ่วไม่รู้ว่าไป๋ชิงเหยียนวางแผนไว้อย่างไร จะให้คนนำของขวัญมาให้หรือให้ไป๋จิ่นจื้อกลับมาคาราวะองค์หญิงใหญ่ที่เมืองหลวงด้วยตัวเอง หญิงสาวบอกให้ไป๋ชิงเหยียนเขียนจดหมายมาบอกนางล่วงหน้า นางจะได้เตรียมตัว

“คุณหนูใหญ่!” ถงหมัวมัวแหวกม่านเดินเข้ามาด้านใน ทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวขึ้น

“รถม้าพร้อมแล้ว สามารถออกเดินทางได้แล้วเจ้าค่ะ!”

ชุนเถาดวงตาแดงก่ำ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินไปด้านหน้า

“คุณหนูใหญ่ให้ข้าไปด้วยเถิดเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ไม่มีบ่าวคอยรับใช้เลยนะเจ้าคะ!”

“มีชิงจู๋อยู่ทั้งคน!” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางชุนเถาซึ่งมีสีหน้ากังวลยิ้มๆ

“เจ้าและถงหมัวมัว คนหนึ่งอ่อนแอ คนหนึ่งอายุมากแล้ว หนทางยากลำบาก หากพาพวกเจ้าไปด้วยแล้วพวกเจ้าป่วยขึ้นมาจะทำให้การเดินทางล่าช้าได้!”

“คุณหนูร่างกายอ่อนแอกว่าข้าอีกเจ้าค่ะ ข้างกายจะไม่มีคนคอยดูแลได้อย่างไรกันเจ้าคะ”

ชุนเถาคุกเข่าลงตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน

“อย่างน้อยก็พาข้าไปด้วยเถิดเจ้าค่ะ! ข้าเตรียมสัมภาระพร้อมแล้ว ชุนเถาจะดูแลตัวเองให้ดี จะไม่ทำให้การเดินทางล่าช้าแน่นอนเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่โปรดอนุญาตเถิดนะเจ้าคะ”

“นั่นสิเจ้าคะพี่หญิงใหญ่ พาชุนเถาไปด้วยเถิดเจ้าค่ะ มิเช่นนั้นไม่แน่ว่าท่านป้าสะใภ้ใหญ่อาจให้พี่หญิงใหญ่พาฉินหมัวมัวไปด้วยนะเจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อช่วยกล่าวแทนชุนเถา

ไป๋ชิงเหยียนมองดูชุนเถาที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าร้อนรนแวบหนึ่ง ในที่สุดจึงพยักหน้า

“ขอบพระคุณคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ! ขอบพระคุณคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ! ข้าจะไปหยิบสัมภาระมาเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” ชุนเถาใช้แขนเสื้อปาดน้ำตาทิ้ง ลุกขึ้นยืนทำความเคารพจากนั้นเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

ไป๋ชิงเหยียนเผาจดหมายที่ไป๋จิ่นซิ่วส่งมาทิ้ง จากนั้นหันไปกล่าวกับไป๋จิ่นจื้อ

“พี่ไม่อยู่ เจ้าดูแลน้องๆ และบรรดาท่านอาสะใภ้ให้ดี”

ไป๋จิ่นจื้อพยักหน้า “พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ พี่หญิงใหญ่รีบไปรีบกลับนะเจ้าคะ”

ไม่มีพี่หญิงใหญ่ ไป๋จิ่นจื้อรู้สึกขาดความมั่นใจ

การเดินทางครั้งนี้นอกจากชุนเถาแล้ว ไป๋ชิงเหยียนพาองครักษ์สามสิบคน เสิ่นชิงจู๋ที่เพิ่งหายดีและหลูผิงไปด้วยเท่านั้น ต่งซื่ออดเป็นห่วงไม่ได้

ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ให้บรรดาน้องๆ และอาสะใภ้ออกมาส่ง หญิงสาวเดินกอดแขนต่งซื่อไปยังประตูหน้าจวนพลางกล่าวขึ้น

“มีลุงผิง ชิงจู๋และชุนเถาอยู่ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วเจ้าค่ะ วันที่สิบห้า เดือนแปดคือวันที่อยู่พร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว ท่านย่ายังอยู่ที่วัดชิงอัน ท่านแม่ควรเตรียมไว้แต่เนิ่นๆ ว่าจะส่งผู้ใดไปเมืองหลวงนะเจ้าคะ ให้คนส่งจดหมายไปบอกให้ท่านอาสะใภ้สอง ท่านจะได้เตรียมตัวเจ้าค่ะ”

“แม่ปรึกษากับอาสะใภ้สามของเจ้าแล้ว เสี่ยวปายังเล็กอยู่ การเดินทางขรุขระ แม่จึงให้อาสะใภ้ห้าของเจ้าอยู่ที่จวน อาสะใภ้สี่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแร่ง แม่ตั้งใจจะให้อาสะใภ้สามของเจ้าพาเสี่ยวซื่อ เสี่ยวอู่และเสี่ยวลิ่วไปเยี่ยนมท่านย่าของเจ้าที่เมืองหลวง ให้น้องๆ ไปหาท่าน ท่านย่าของเจ้าจะได้ไม่เหงา จากนั้นจะส่งของขวัญไปให้ครอบครัวฝั่งมารดาของอาสะใภ้เจ้าทุกคนด้วย” ต่งซื่อกล่าวกับบุตรสาวเสียงแผ่วเบา

ฮูหยินสามหลี่ซื่อเป็นคนเข้าสังคมเก่ง ให้นางเดินทางกลับไปเมืองหลวง นางสามารถรับมือกับคนที่เมืองหลวงได้ดีแน่นอน

“ให้เสี่ยวซื่ออยู่ที่ซั่วหยางน่าจะดีกว่าเจ้าค่ะ ข้าไม่อยู่ หากไป๋ชิงผิงและเสิ่นเยี่ยนฉงมีเรื่องที่ตัดสินใจไม่ได้ จะได้มีคนช่วยตัดสินใจเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

ไป๋จิ่นจื้อที่เดินอยู่ด้านข้างไป๋ชิงเหยียนได้ยินคำกล่าวของพี่หญิงใหญ่ก็ยิ่งรู้สึกว่าตนมีภาระที่หนักอึ้ง

“ก็จริงของเจ้า!” ต่งซื่อพยักหน้า ก้าวข้ามธรณีประตูหลักพร้อมกับไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงผิงได้ยินเสียงจึงหันกลับไปมองทางประตูจวนไป๋ ชายหนุ่มโค้งกายคำนับต่งซื่อและไป๋ชิงเหยียน

“ฮูหยิน องค์หญิง จวิ้นจู่!”

เมื่ออยู่ด้านนอกไป๋ชิงผิงจะเรียกไป๋ชิงเหยียนว่าองค์หญิงเพื่อเป็นการไม่เสียมารยาท

“ช่วงนี้ข้าไม่อยู่ ฝากเจ้าดูแลเรื่องฝึกชาวบ้านด้วย หากตัดสินใจเรื่องใดไม่ได้มาปรึกษากับคุณหนูสี่ได้”

ไป๋ชิงเหยียนกำชับไป๋ชิงผิง

“ให้เสิ่นเยี่ยนฉงจับตาดูอาจารย์สอนหนังสือคนใหม่ไช่จื่อหยวนและองครักษ์จวนหลี่ที่เพิ่งถูกส่งไปในค่ายทหารไว้ให้ดี อย่าให้พวกเขาสร้างปัญหาเด็ดขาด หากพวกเขามีความเคลื่อนไหวใดๆ ไม่ต้องเก็บเอาไว้อีก!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” ไป๋ชิงผิงรับคำ “ชิงผิงไปส่งองค์หญิงนอกเมืองพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นหันกลับไปทำความเคารพต่งซื่อ “ท่านแม่ ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ”

“ได้!” ต่งซื่อลำคอร้อนผ่าว แม้จะรู้ว่าบุตรสาวเดินทางไปหามารดาของตน ทว่า นางอดเป็นห่วงบุตรสาวที่ต้องเผชิญความลำบากในการเดินทางไม่ได้

“เดินทางระวังด้วย ถึงแล้วอย่าลืมส่งจดหมายมาบอกแม่ด้วย!”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า สายตาหยุดอยู่ที่ไป๋จิ่นจื้อ “ฝากเจ้าดูแลครอบครับด้วย”

“พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นจื้อกำหมัดคาราวะไป๋ชิงเหยียน

“เสี่ยวซื่อจะให้เต็มที่ที่สุดเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนลูบศีรษะของน้องสาวเบาๆ จากนั้นขึ้นไปบนรถม้า เสิ่นชิงจู๋ทำความเคารพต่งซื่อและไป๋จิ่นจื้อ จากนั้นเดินลงไปได ก้าวขึ้นไปบนหลังม้า ขยับไปอยู่ด้านหน้าสุดของขบวนกับหลูผิง

“ฮูหยินไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ บ่าวจะดูแลคุณหนูใหญ่ให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ”

ชุนเถาทำความเคารพต่งซื่อพลางรับปากอย่างจริงจัง

ต่งซื่อพยักหน้า “ข้ารู้ว่าเจ้าทำได้ ไปเถิด!”

ชุนเถาถลกชายกระโปรงเดินขึ้นไปบนรถม้าอย่างรวดเร็ว

ไป๋ชิงผิงทำความเคารพต่งซื่อและไป๋จิ่นจื้อ จากนั้นก้าวขึ้นหลังม้า เดินทางออกไปส่งไป๋ชิงเหยียนที่นอกเมือง

ไป๋ชิงผิงขี่ม้าขนาบข้างรถม้าของไป๋ชิงเหยียนตลอดทาง ชายหนุ่มแหวกม่านรถม้าออกเล็กน้อยแล้วกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนที่อยู่ด้านใน

“เมื่อก่อนทายาทตระกูลบรรพบุรุษไป๋ไม่ได้เรื่องเพราะมีมีแบบอย่างที่ไม่ดี พวกเขาคิดแต่เล่นสนุกไปวันๆ นอนรอให้คนในตระกูลเลี้ยงดู บัดนี้ท่านพ่อค่อยๆ อบรมสั่งสอนพวกเขาใหม่แล้วขอรับ ท่านพ่อใช้วิธีเดียวกับที่เราใช้ฝึกชาวบ้าน ผู้ใดทำดีได้รางวัล ผู้ใดทำไม่ดีได้รับโทษ บัดนี้ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากขอรับ พวกเขาอยากสร้างผลงานต่อหน้าพี่หญิงจึงขยันกันมากขอรับ!”

เมื่อไป๋ชิงผิงกล่าวถึงสถานการณ์ของตระกูลบรรพบุรุษ ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยรอยยิ้ม