ตอนที่ 523 ตระกูลต่งแห่งเติงโจว

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 523 ตระกูลต่งแห่งเติงโจว

องค์รัชทายาทกลัวว่าฮ่องเต้จะทรงพิโรธจึงไม่กล้าเข้าไปในวังเสียที

“เมื่อองค์ชายไปถึงวังหลวงให้ตรัสว่าพระองค์ได้ยินว่าเหลียงอ๋องปรุงยาวิเศษให้ฝ่าบาท พระองค์ยอมให้เหลียงอ๋องดูหมิ่นฝ่าบาทไม่ได้จึงสั่งให้องครักษ์จวนองค์รัชทายาทช่วยเหลือเด็กเหล่านั้นออกมาจากจวนด้วยความโมโหก็สิ้นเรื่องแล้วพ่ะย่ะค่ะ ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกตัดกันไม่ขาดหรอกพ่ะย่ะค่ะ”

ฟางเหล่าโน้มน้าวอยู่นาน จนในที่สุดองค์รัชทายาทก็ยอมเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย นำรายงานการปราบโจรที่ซั่วหยางไปให้ฮ่องเต้ในวังหลวง

เมื่อองค์รัชทายาทไปถึงวังหลวง เขายื่นรายงานให้ฮ่องเต้ จากนั้นร้องไห้วิงวอนตามที่ฟางเหล่ากำชับ

ฮ่องเต้พิโรธขึ้นทันที ชี้นิ้วไปทางองค์รัชทายาทพลางกล่าวอย่างผิดหวัง “เจ้าดูเจ้าสิ เจ้าเป็นถึงองค์รัชทายาทแล้ว เจ้ายังไม่พอใจอันใดอีกถึงได้ทำร้ายน้องชายของเจ้าเช่นนี้!”

“เสด็จพ่อทรงเข้าพระทัยลูกผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ลูกไม่ได้คิดทำร้ายน้องชายพ่ะย่ะค่ะ วันนั้นลูกแค่อยากไปเยี่ยมน้องเท่านั้น! ทว่า ตอนที่ลูกเห็นเหลียงอ๋องปรุงยาวิเศษจริงๆ อีกทั้งกล่าวว่าปรุงให้เสด็จพ่อ ลูกทนไม่ได้ที่เขาดูหมิ่นเสด็จพ่อจึงสั่งให้องครักษ์ช่วยเหลือเด็กเหล่านั้นออกมาแล้วเป็นลมหมดสติไปเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”

องค์รัชทายาทเงยหน้ามองฮ่องเต้ที่กำลังเดือดดาลถึงขีดสุด สมองประมวลผลอย่างรวดเร็ว กล่าวเสียงสะอื้น “ต่อมาเมื่อเห็นว่าเหลียงอ๋องไม่ได้เป็นอันใด ลูกถึงรู้ว่าเหลียงอ๋องปรุงยาให้เสด็จพ่อจริงๆ ลูกทั้งโกรธและเสียใจพ่ะย่ะค่ะ!”

“เพราะเหตุใด!” ฮ่องเต้ขึ้นเสียงสูง เดือดดาลจนแทบจะระเบิดออกมา “เจ้าโมโหเราอย่างนั้นหรือ เราทำให้เจ้าผิดหวังอย่างนั้นหรือ!”

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อทรงทำให้ลูกผิดหวังมาก ลูกคือองค์รัชทายาท เป็นคนที่เสด็จพ่อควรไว้วางพระทัยมากที่สุด!” องค์รัชทายาทน้ำตาอาบใบหน้า แววตาเต็มไปด้วยความโกรธและเสียใจ “การปรุงยาวิเศษเพื่อพลานามัยของเสด็จพ่อควรเป็นหน้าที่ของลูก ลูกควรเป็นคนที่เสด็จพ่อทรงไว้พระทัยมากที่สุด ไม่ใช่เหลียงอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”

โทสะที่กำลังเดือดดาลของฮ่องเต้ไม่เพียงสงบลงราวกับถูกน้ำเย็นราดใส่ เขายังรู้สึกอุ่นวาบในใจอีกต่างห่าง

องค์รัชทายาทสร้างเรื่องราวใหญ่โตถึงเพียงนี้เพราะความหวงอย่างนั้นหรือ

ฮ่องเต้นั่งลงบนเก้าอี้ช้าๆ มองดูองค์รัชทายาทที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น เขาโยนผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองไปบนพื้น “ร้องไห้อันใด! โตถึงเพียงนี้แล้วยังแย่งความรักกับน้องชายอีกอย่างนั้นหรือ! เจ้าไม่อายบ้างหรืออย่างไร ยังมีหน้ามาบอกเราอีก!”

องค์รัชทายาทคลานเข่าไปหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาเช็ดน้ำตา ทว่า ยังคงร้องไห้อยู่

“ที่เราไม่มอบเรื่องนี้ให้เจ้าทำเพราะเจ้าคือองค์รัชทายาท! เจ้าดูเหลียงอ๋องในตอนนี้สิ เขาถูกกักบริเวณอยู่แต่ในจวน สำนักตรวจการยื่นฎีกาฟ้องร้องขึ้นมาทุกวันจนบัดนี้กองเต็มโต๊ะเราไปหมด เจ้าเป็นองค์รัชทายาท หากเจ้าปรุงยาวิเศษ เจ้าจะได้ครองตำแหน่งองค์รัชทายาทอยู่อีกหรืออย่างไรกัน!”

องค์รัชทายาทเงยหน้ามองฮ่องเต้อย่างตกตะลึง จากนั้นกล่าวขึ้น “เสด็จพ่อ พระองค์คือเสด็จพ่อของลูก เป็นคนที่ลูกเคารพรักที่สุด ลูกยินดีทำทุกอย่างเพื่อเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ! เสด็จพ่อให้ลูกทำเรื่องนี้แทนเถิดนะพ่ะย่ะค่ะ ลูกจะทำให้ดีกว่าเหลียงอ๋องแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

แม้การที่องค์รัชทายาทเปิดโปงเหลียงอ๋องจะทำให้ฮ่องเต้ไม่พอใจ ทว่า องค์รัชทายาทอ้างว่าทำไปเพื่อแย่งชิงความรักจากเขา เห็นเขาเป็นคนที่รักและนับถือที่สุด ฮ่องเต้จึงคลายโทสะลงไปไม่น้อย

“เอาเถิด ลุกขึ้นมาได้แล้ว!” ฮ่องเต้เอนกายพิงหมอนอิงบนเก้าอี้ “เจ้าไม่ต้องยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ เจ้าทำหน้าที่องค์รัชทายาทของเจ้าต่อไปให้ดี ภายภาคหน้าเจ้าต้องรับตำแหน่งนี้ต่อจากเรา อย่าไขว้เขวเพราะเรื่องอื่นเป็นอันขาด เจ้าจงจำไว้ว่าเจ้าคือโอรสที่เราโปรดปรานมากที่สุด เพราะเหตุนี้ เราจึงไม่อยากให้เจ้าเข้ามาแปดเปื้อนกับเรื่องที่ขัดต่อคำสั่งสอนของบรรพบุรุษเช่นนี้!”

“เสด็จพ่อ…” องค์รัชทายาทเตรียมอ้อนวอนต่อ ทว่า ฮ่องเต้ยกมือห้ามเสียก่อน

“ไม่ต้องกล่าวเรื่องนี้อีก หากเจ้าว่างนักก็มาช่วยเราจัดการกับฎีกาดีกว่า! ฎีกาจะล้นห้องตำราของเราออกมาอยู่แล้ว!”

องค์รัชทายาทเห็นดังนั้นจึงก้มศีรษะรับคำ จากนั้นเดินออกจากตำหนักไปโดยดี

เกาเต๋อเม่าซึ่งยืนอยู่ด้านข้างเห็นใบหน้าของฮ่องเต้มีแต่รอยยิ้ม เขารินน้ำชาถ้วยใหม่ให้ฮ่องเต้ จากนั้นกล่าวประจบ “แม้องค์องค์รัชทายาทจะเปิดโปงเรื่องการปรุงยาวิเศษ ทว่า พระองค์ทรงหวังดีต่อฝ่าบาทด้วยใจจริงพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมนึกถึงเรื่องการแย่งความรักระหว่างพี่น้องของครอบครัวชาวบ้านธรรมดาขึ้นมาเลยพ่ะย่ะค่ะ ไม่ร้ายแรง อีกทั้งน่าขบขันยิ่งนัก ไม่อยากเชื่อว่าวันนี้จะได้เห็นกับตาของตัวเองพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้รับถ้วยชามาจากเกาเต๋อเม่าแล้วกล่าวขึ้นยิ้มๆ “นั่นนะสิ องค์รัชทายาทเป็นคนกตัญญู!”

จิบชาไปหนึ่งอึก ฮ่องเต้หันไปถามเกาเต๋อเม่า “ยาวิเศษที่เหลียงอ๋องส่งมาคราวที่แล้วยังเหลืออีกกี่เม็ด”

“ทูลฝ่าบาท อีกประมาณสิบเม็ดพ่ะย่ะค่ะ” เกาเต๋อเม่าตอบ

ฮ่องเต้พยักหน้า เอ่ยสั่ง “ไปนำออกมาเม็ดหนึ่งแล้วส่งไปที่จวนองค์รัชทายาทพร้อมกับฎีกาในห้องตำราของเรา ต่อไปนอกจากฎีกาสำคัญเร่งด่วนแล้ว ไม่ต้องส่งมาที่เราอีก!”

เกาเต๋อเม่ารับคำ

หลังจากฮ่องเต้ทานยาวิเศษเข้าไปอีกหนึ่งเม็ด เขาเอนกายพักผ่อนบนเตียงนุ่ม

ตั้งแต่ที่ฮ่องเต้เริ่มใช้ยาวิเศษ เขาเริ่มสนใจการปกครองบ้านเมืองน้อยลงทุกที ฎีกาในห้องหนังสือกองสุมเป็นภูเขา! ดังนั้นหลายวันมานี้ขุนนางใหญ่จึงคัดแต่ฎีกาสำคัญให้ฮ่องเต้พิจารณา

ทว่า ฮ่องเต้คิดว่าชีวิตเช่นนี้ถึงจะเป็นชีวิตที่เขาควรมี

ตอนนั้นขึ้นครองบัลลังก์นี้ เขารู้สึกดีใจมากที่ในที่สุดเขาก็กลายเป็นบุคคลที่อยู่เหนือคนทั้งปวง ไม่ต้องทนถูกผู้อื่นรังแกอีกต่อไป

ทว่า ความสบายมาพร้อมกับหน้าที่มากมายที่ต้องแบกรับ เขาต้องการเป็นจักรพรรดิที่ดีกว่าเสด็จพ่อของเขา ขณะเดียวกันก็ต้องมาคอยกังวลว่าสิ่งที่ทำจะถูกใจไป๋เวยถิงหรือไม่ กลัวว่าไป๋เวยถิงจะตำหนิเขาด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อย คอยตักเตือนให้เขาเป็นจักรพรรดิที่ทรงคุณธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดใจมาก

บัดนี้ไป๋เวยถิงเสียชีวิตแล้ว ต้าจิ้นไม่มีตระกูลไป๋อีกต่อไป ฮ่องเต้รู้สึกผ่อนคลายลงไม่น้อย ทว่า ก็กังวลว่านักบันทึกประวัติศาสตร์จะบันทึกเรื่องราวไม่ดีของเขาให้คนรุ่นหลังรับรู้

ยามเป็นเด็ก เขาถูกรังแกทุกวันจนไม่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข

หลังขึ้นครองราชย์ เขากลัวจะทำได้ไม่ดี จึงใช้ชีวิตด้วยความกังวลตลอดเวลา

ทว่า หากปล่อยวางได้จริงๆ ดูเหมือนว่าทุกอย่างก็ไม่ได้สำคัญมากขนาดนั้น

องค์รัชทายาทกลับจวนไปด้วยความโล่งใจ ฎีกามากมายถูกยกเข้าไปในจวนองค์รัชทายาทหลังจากเขากลับจวนมาได้ไม่นาน องค์รัชทายาทต้องการให้ฮ่องเต้ภูมิใจในตัวเขา เขาจึงหมกตัวจัดการฎีกาทั้งหมดอยู่แต่ในห้องหนังสือทั้งวัน

องค์รัชทายาทจัดการกับฎีกาที่กองเป็นภูเขาจนเสร็จโดยไม่หลับนอน เขาเดินออกมาจากห้องหนังสือโดยที่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง ทว่า ฎีกากองใหม่ถูกส่งมายังจวนองค์รัชทายาทอีกครั้ง

ดังนั้นองค์รัชทายาทจึงไม่มีเวลาใส่ใจจดหมายที่ไป๋ชิงเหยียนส่งมาบอกว่านางจะเดินทางไปรับต่งเหล่าไท่จวินมาอยู่เป็นเพื่อนมารดาที่ซั่วหยาง หากองค์รัชทายาทมีเรื่องอันใดให้ส่งจดหมายไปยังเติงโจวได้ทันที

วันที่สาม เดือนแปด ต่งซื่อสั่งให้บ่าวรับใช้ขนของฝากที่เตรียมไปให้ตระกูลต่งเนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์ขึ้นไปบนรถม้าอย่างเอิกเกริก

ไป๋ชิงผิงขี่ม้ามาที่จวนไป๋ เตรียมออกไปส่งไป๋ชิงเหยียนที่นอกเมือง

ไป๋จิ่นจื้อไปหาไป๋ชิงเหยียนที่เรือนปัวอวิ๋น สาวน้อยอยู่ไม่สุขด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนกำลังนั่งอ่านจดหมายที่ไป๋จิ่นซิ่วส่งมาอยู่ริมหน้าต่าง ไป๋จิ่นจื้อจึงกลืนถ้อยคำที่อยากขอตามไป๋ชิงเหยียนไปยังเติงโจวลงไปในท้อง ไม่กล้ากล่าวออกมาอีก