ตอนที่ 522 ขอร้อง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 522 ขอร้อง

เสียงระฆังดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไป๋ชิงเหยียนกลัวว่าคนตีระฆังจะเดินเข้ามาใกล้จึงพยายามผลักชายหนุ่มออก ทว่า ลำแขนของหญิงสาวไร้เรี่ยวแรงเพราะความประหม่า ยิ่งนางผลักมากเท่าใดชายหนุ่มก็ยิ่งกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นและจูบรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

ไป๋ชิงเหยียนต้านทานไม่ไหว ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เซียวหรงเหยี่ยนจึงผละริมฝีปากออกจากหญิงสาว จรดหน้าผากชนกับหน้าผากของหญิงสาวพลางหอบหายใจรุนแรง น้ำเสียงแหบพร่ายิ่งกว่าเดิม “ไม่ต้องกลัว คนตีระฆังไม่เดินมาทางนี้หรอก ข้าฟังออก”

กล่าวจบ เซียวหรงเหยี่ยนขบเม้มริมฝีปากแดงระเรื่อของไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง พยายามควบคุมจังหวะการหายใจของตัวเอง มือข้างหนึ่งเอื้อมไปสวมหมวกให้หญิงสาวตามเดิม เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำ ดวงตาร้อนผ่าวของชายหนุ่มเร่าร้อนยิ่งกว่าเดิม

พักใหญ่เมื่อเสียงระฆังดังผ่านปากซอยจนห่างออกไปเรื่อยๆ เซียวหรงเหยี่ยนจึงปล่อยตัวของไป๋ชิงเหยียน เอ่ยเสียงอ่อนโยน “กลับไปเถิด ข้าจะไปแล้ว…”

ไป๋ชิงเหยียนยังปรับอารมณ์ของตัวเองให้กลับมาเป็นปกติไม่ได้ ลมหายใจติดขัดเล็กน้อย ได้แต่เม้มปากแน่นแล้วพยักหน้าช้าๆ

เซียวหรงเหยี่ยนก้าวขึ้นไปบนหลังม้า มองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยแววตาลึกซึ้งอีกครั้ง จากนั้นจึงควบม้าจากไป

ไป๋ชิงเหยียนกัดริมฝีปากที่บวมก่ำเล็กน้อยของตัวเองเบาๆ มองส่งเซียวหรงเหยี่ยนจากไป จากนั้นจึงขึ้นไปบนหลังม้ามุ่งหน้ากลับไปยังค่ายฝึกซ้อม จนเมื่อฟ้าสว่างจ้า ไป๋ชิงเหยียนจึงกลับไปยังจวนไป๋ ฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน

ภายในเรือนปัวอวิ๋น ฝนตกกระทบลงบนใบไม้สีเขียวของต้นไม้เก่าแก่ นอกหน้าต่างเต็มไปด้วยเสียงสายฝน

ไป๋ชิงเหยียนเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดกระโปรงสีชาขาว ชุนเถาถือถาดอาหารสีดำซึ่งมีน้ำขิงร้อนๆ วางอยู่ แหวกม่านเข้ามาด้านใน

ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนกลับมาถึงจวน เสื้อคลุมกันลมของหญิงสาวเปียกโชก ร่างกายเย็นเฉียบ ชุนเถาจึงนำน้ำขิงที่ถงหมัวมัวอุ่นไว้ในเตาตั้งแต่เช้ามาให้ไป๋ชิงเหยียนดื่มเพื่อคลายหนาว

ไป๋จิ่นจื้อวิ่งมายังเรือนปัวอวิ๋นด้วยร่างที่เปียกปอนเพราะไม่ได้ตกร่มมาด้วย สาวน้อยยืนสะบัดน้ำฝนออกจากเสื้อผ้าอยู่ตรงระเบียงทางเดิน

“เหตุใดจู่ๆ ฝนจึงเทกระหน่ำลงมาเช่นนี้นะ”

ไป๋ชิงเหยียนที่นั่งขมวดคิ้วดื่มน้ำขิงร้อนอยู่ข้างหน้าต่างหันไปมอง ชุนจือก้าวไปทำความเคารพไป๋จิ่นจื้อ จากนั้นพาหญิงสาวไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยที่ห้องทำความอุ่นด้านข้าง

“ชุนเถา เจ้าไปเชิญคุณหนูสี่เข้ามาด้านใน ไม่ต้องให้นางไปห้องทำความอุ่น นำน้ำขิงมาให้นางดื่มคลายหนาวด้วย” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบก็ยกน้ำขิงดื่มจนหมดถ้วย

ชุนเถารับคำพลางเดินออกไปด้านนอก ทำความเคารพไป๋จิ่นจื้อแล้วเชิญหญิงสาวไปด้านใน จากนั้นหันไปสั่งให้ชุนจือสั่งให้บ่าวรับใช้นำผ้าขนหนูอุ่นๆ ไปให้คุณหนูสี่ทำความสะอาดร่างกาย ส่วนตันเองเดินไปนำน้ำขิงจากโรงครัวเล็กมาให้คุณหนูสี่

ไป๋จิ่นจื้อถอดเครื่องแต่งกายที่เปียกชื้นของตัวเองออกด้านในฉากกั้น เมื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเสร็จแล้วจึงเดินออกมาจากฉากกั้น นั่งลงตรงข้ามไป๋ชิงเหยียน

“พี่หญิงใหญ่ พวกเราจะไปเยี่ยมต่งเหล่าไท่จวินที่เติงโจวหรือเจ้าคะ”

สาวใช้ทยอยเดินถืออุปกรณ์อาบน้ำออกไปจากห้อง

“คุณหนูสี่ดื่มน้ำขิงร้อนๆ ก่อนเถิดเจ้าค่ะ…” ชุนเถาดันน้ำขิงไปตรงหน้าไป๋จิ่นจื้อพลางเอ่ยเตือนเสียงแผ่วเบา

ไป๋จิ่นจื้อยิ้มให้ชุนเถาน้อยๆ จากนั้นหันไปมองไป๋ชิงเหยียนที่กำลังอ่านตำราไม้ไผ่โบราณในมืออย่างร้อนใจ “พวกเราจะออกเดินทางเมื่อใดเจ้าคะ คราวที่แล้วพี่ฉางหลานเล่าบรรยากาศเมืองเติงโจวให้ฟัง ข้าอยากไปเห็นมานานแล้วเจ้าค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูเขาอวิ๋นจิ้งได้ยินว่างดงามมากเลยเจ้าค่ะ!”

“เจ้าไปไม่ได้ เจ้าอยู่ดูแลน้องๆ ที่ซั่วหยาง…” ไป๋ชิงเหยียนเหลือบมองไป๋จิ่นจื้อที่กำลังตื่นเต้น กล่าวอย่างกลั้นหัวเราะ

“ที่สำคัญ เจ้าลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าเจ้ายังจัดการเรื่องที่พี่มอบหมายให้เจ้าทำไม่สำเร็จ เจ้าจะไปเติงโจวได้อย่างไรกัน”

ไป๋จิ่นจื้อตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่พี่หญิงใหญ่ไม่พานางไปด้วย

ทว่า เมื่อคิดดูแล้วก็จริงตามนั้น พี่หญิงใหญ่มอบหมายให้นางจัดการไป๋ฉีอวิ๋น ทว่า จนถึงตอนนี้นางก็ยังทำไม่สำเร็จ เหตุผลแรกเป็นเพราะไป๋จิ่นจื้อไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ สาวน้อยชอบสอบน้องสาวทั้งสองคนยิงธนูมากกว่า

เหตุผลที่สอง เพราะไป๋ชิงเหยียนไม่ได้กำหนดระยะเวลาให้นาง ไป๋จิ่นจื้อจึงผลัดวันไปเรื่อยๆ เพราะไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองถนัด

ชุนเถาเดินเข้ามาอีกครั้งพร้อมถาดอาหารสีเงินซึ่งมีนมร้อนและของว่างวางอยู่ หญิงสาววางของลงตรงหน้าไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อ จากนั้นโบกมือให้ชุนจือที่ยืนอยู่นอกฉากกั้นเดินออกไปด้านนอกพร้อมกับนาง ปล่อยให้สองพี่น้องสนทนากันตามลำพัง

“หากข้าจัดการไป๋ฉีอวิ๋นได้ก่อนที่พี่หญิงใหญ่จะออกเดินทางไปยังซั่วหยาง พี่หญิงใหญ่จะให้ข้าไปเติงโจวด้วยหรือไม่เจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อถามอย่างร้อนรน

ไป๋ชิงเหยียนสะบัดม้วนไม้ไผ่ในมือเล็กน้อย จากนั้นม้วนเก็บแล้ววางลงบนโต๊ะด้านข้าง ใช้ช้อนเล็กคนนมร้อนในถ้วยแล้วยกขึ้นจิบ

“ถึงจะทำสำเร็จพี่ก็พาเจ้าไปด้วยไม่ได้อยู่ดี พี่ไม่อยู่ ซั่วหยางจำเป็นต้องมีคนคอยดูแล เสี่ยวซื่อ เจ้าไม่ใช่เด็กแล้ว เจ้าคือพี่สาวของเสี่ยวอู่กับเสี่ยวลิ่ว เจ้าต้องช่วยดูแลพวกนางและเมืองซั่วหยางแทนพี่”

ไป๋จิ่นจื้อกัดฟันแน่น เมื่อก่อนนางมีพี่หญิงใหญ่ พี่หญิงรองและพี่หญิงสามคอยปกป้องอยู่เบื้องหน้า นางไม่จำเป็นต้องดูแลน้องๆ ทว่า นางต้องยอมรับว่าพี่หญิงใหญ่กล่าวถูกต้อง นางเป็นพี่สาว ต้องดูแลน้องๆ ที่เหลือเหมือนกับที่พี่หญิงใหญ่คอยดูแลพวกนาง

“เสี่ยวซื่อ พี่มอบซั่วหยางให้เจ้าช่วยดูแลได้หรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าสบตาไป๋จิ่นจื้อ

ไป๋จิ่นจื้อกำหมัดแน่น พยักหน้าอย่างจริงจัง

“พี่หญิงใหญ่วางใจได้เจ้าค่ะ เสี่ยวซื่อจะดูแลซั่วหยางอย่างดีที่สุดเจ้าค่ะ”

วันที่หนึ่ง เดือนแปด รัชทายาทได้รับรายงานว่าการปราบโจรครั้งแรกที่ซั่วหยางสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เขาดีใจมาก

คนที่ไป๋ชิงเหยียนส่งไปรายงานรัชทายาทกล่าวว่าจำนวนโจรป่าที่ปราบได้ในครั้งนี้น้อยกว่าจำนวนที่รับรู้มาก โจรป่าคงมีหลายรังโจรแน่นอน

รัชทายาทมองดูจำนวนศีรษะของโจรป่าที่ได้รับรายงานก็รู้สึกว่าไม่ชอบมาพากล หากโจรป่ามีจำนวนเพียงแค่นี้ พวกนั้นจะกล้าบุกปล้นขบวนของรัชทายาทและองค์หญิงเจิ้นกั๋วได้อย่างไร

รัชทายาทกำชับองครักษ์ไป๋ที่มารายงานเรื่องนี้สองสามประโยค จากนั้นให้คนเปิดคลังสมบัตินำของล้ำค่าหายากและโสมบำรุงร่างกายให้องครักษ์ไป๋นำกลับไปให้ไป๋ชิงเหยียนเพื่อผูกมิตรกับหญิงสาวให้มากขึ้น

องครักษ์ไป๋กล่าวขอบคุณ จากนั้นนำของที่รัชทายาทมอบให้เดินทางกลับไปยังซั่วหยางทันที

หลายวันมานี้ รัชทายาทอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าใดนัก เรื่องที่เขาบุกเข้าไปในจวนเหลียงอ๋องจนเหลียงอ๋องถูกเปิดโปงว่าแอบปรุงยาวิเศษทำให้ช่วงนี้ฮ่องเต้ไม่อยากพบหน้าเขาสักเท่าใด เขาไปขอเข้าเฝ้าหลายครั้งทว่า ถูกปฏิเสธทุกครั้ง

ส่วนเหลียงอ๋องแม้จะถูกกักบริเวณอยู่แต่ในจวน ทว่า ฮ่องเต้พระราชทานของไปให้ไม่เว้นวัน ขุนนางมากมายต่างไปเยี่ยมเหลียงอ๋องที่จวน

ยิ่งไปกว่านั้น ขุนนางในเมืองหลวงเริ่มเชิญนักปรุงยามาปรุงยาวิเศษที่จวน จากนั้นส่งไปยังจวนของเหลียงอ๋องอย่างเปิดเผย ผู้ตรวจการสูงสุดถวายฎีกาเรื่องนี้หลายครั้ง ทว่า ฮ่องเต้ไม่มีท่าทีจะจัดการกับเหลียงอ๋องแม้แต่น้อย

รัชทายาทเริ่มรู้สึกว่าการที่เขาเปิดโปงเรื่องปรุงยาวิเศษของเหลียงอ๋องในครั้งนี้ไม่คุ้มค่าสักนิด เขาสูญเสียความโปรดปรานจากเสด็จพ่อและไม่ได้ทำให้เหลียงอ๋องได้รับผลกระทบร้ายแรงใดๆ ทั้งสิ้น กลับทำให้ชาวบ้านและบรรดาขุนนางเห็นว่าเสด็จพ่อปกป้องเหลียงอ๋องมากเพียงใด ขุนนางบางคนเริ่มย้ายไปอยู่ฝ่ายของเหลียงอ๋อง

เมื่อฟางเหล่าได้ยินว่าคนจากซั่วหยางมารายงานข่าวเรื่องการปราบโจรป่าจึงรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่รัชทายาทจะเข้าวังไปรายงานเรื่องนี้กับฮ่องเต้ อีกทั้งถือโอกาสนี้น้อมรับผิดและร้องไหวิงวอนให้ฮ่องเต้อภัยให้