ตอนที่ 414 มันเป็นความเหงา… (1)
“ศิษย์ เกิดอันใดขึ้น? ไฉนจึงหยุดข้า?”
ในขณะนั้น พวกเขาอยู่ในกระท่อมมุงจากของฉีหยวนที่ริมทะเลสาบแห่งยอดเขาหยกน้อย
ทันทีที่นักพรตเต๋าชราฉีหยวนลืมตาขึ้นในระหว่างบำเพ็ญเพียร ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็โผล่ออกมาจากแขนเสื้อของเขา แล้วกลายร่างเป็นเขา จากนั้น เขาก็ยกมือขึ้นชี้ แล้วปล่อยแสงห่อหุ้มทั้งร่างของเขาเอาไว้
ฉีหยวน…ถูกตรึงกะทันหัน
หลี่ฉางโซ่วรีบกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ ศิษย์ไม่มีเวลาพูดอะไรแล้ว ท่านนั่งลงก่อน ท่านปรมาจารย์ใหญ่กำลังนำปีศาจจิ้งจอกตัวนั้นมา!
แล้วศิษย์ยังต้องถามท่านอีกว่า ท่าน…มีคิดอะไรกับปีศาจจิ้งจอกหรือไม่ขอรับ?”
ในดวงตาชราของฉีหยวนเฒ่าเผยทั้งความตกใจและสับสนขณะมองไปที่หลี่ฉางโซ่วสักพักแล้วไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไร
“ฉางโซ่ว เกิดอันใดขึ้น?”
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจเบาๆ แล้วรีบแตะมือไปบนร่างของอาจารย์ก่อนจะชี้แจงสั้นๆ อย่างรวดเร็ว
พูดง่ายๆ ก็คือ เมื่อได้รับอนุญาตจากอาจารย์ เขาก็ใช้รูปกายของอาจารย์ ยั่วยวนปีศาจจิ้งจอกที่งดงาม ซึ่งเขาไม่อาจสังหารโดยตรงด้วยเพียงแค่ตะโกนว่า “พลังเซียนสังหารปีศาจ!”…
ปีศาจจิ้งจอกที่งดงาม
ฉีหยวนใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง และดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างได้ในที่สุด จากนั้น จึงกล่าวอย่างอารมณ์ดี “ฉางโซ่ว หากเจ้าทำไม่ได้จริงๆ ในฐานะอาจารย์ ข้าจะช่วยเจ้าเอง!”
“ท่านอาจารย์ ไม่ต้องห่วง” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ศิษย์มีวิธีกำจัดความคิดของนางขอรับ!”
หลี่ฉางโซ่วหยุดไปชั่วขณะ เขายึดมั่นในหลักการ “ความปลอดภัย” จึงกล่าวถามเบาๆ ว่า “อาจารย์ ท่านอยากพบปีศาจสาวผู้นี้หรือไม่ขอรับ?”
“ไยข้าต้องพบนางด้วย?!!”
ฉีหยวนจ้องมองแล้วรีบกล่าวอย่างกังวลว่า “อย่าพูดจาเหลวไหล! หากมีคนได้ยินเข้า จะเกิดอันใดขึ้น?
ข้าไม่ต้องการให้ชื่อเสียงที่สะอาดของข้าถูกทำลายในวันนี้!”
“ได้ เช่นนั้น ศิษย์ก็โล่งใจแล้วขอรับ” หลี่ฉางโซ่วถอยหลังสองก้าวแล้วโค้งคำนับให้อาจารย์พลางกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ หลังจากนี้ ท่านจะต้องพักอยู่ในกระท่อมมุงจากหลังนี้ โปรดอย่าออกไป ให้ศิษย์จัดการทุกอย่างเองเถิดขอรับ!”
“ไป ไป เฮ้อ!” เขาถอนหายใจ
ฉีหยวนโบกมือและกล่าวว่า “ในฐานะอาจารย์ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนี้เจ้ามีความสามารถถึงเพียงใดแล้ว แล้วเจ้าไปทำอะไรอยู่ข้างนอกทุกวัน?”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มพลางก่อตัวกระจกน้ำขึ้นมา แล้วมองไปที่รูปลักษณ์ของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของเขา
ใบหน้าของเขาไม่ถือว่าแปลก แต่ดวงตาของเขาเปล่งประกายสดใสและมีพลัง เส้นผมสีเงินของเขาก็ดูมีชีวิตชีวาเช่นกัน เวลานี้ เมื่อมองโดยทั่วไปแล้ว เขาก็ดูเหมือนท่านอาจารย์เมื่อยามที่เขาทำหลังจากที่จิ๋วอวี่ซือมาถึงสำนัก
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ขอยืมแส้หางม้าของอาจารย์ของเขามา แล้วหลอมรวมกลิ่นอายลมปราณกับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนสองครั้งแล้ว เขาก็เปิดประตู และเดินออกไปจากกระท่อมมุงจากพร้อมด้วยแส้หางม้า
ฉีหยวนที่นั่งอยู่บนเบาะนั่งสมาธิ ไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาก็เห็นประตูปิดด้วยตัวมันเอง แล้วชั้นต่างๆ ของค่ายกลก็ถูกเปิดใช้งาน…
เขาได้รับการปกป้องอยู่ที่นี่จากศิษย์ของเขา
ฉีหยวนชี้ไปที่กระจกน้ำ แล้วส่องกระจกมองดูตัวเอง จู่ๆ เขาก็เห็นใบหน้า…ของสตรีงดงามที่ไม่คุ้นเคยผู้หนึ่ง…
ดวงตาของเขาพลันเปลี่ยนเป็นสีดำ และเขาก็โกรธจนแทบลมใส่
บนยอดเขาหยกน้อย
ขณะนี้ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ‘มนุษย์’ ของหลี่ฉางโซ่วเดินไปที่ริมทะเลสาบและยืนเงียบๆ อยู่ใต้ต้นหลิวพลางมองดูร่างที่บินมาจากประตูสำนัก
แม้ว่าจะมีเพียงปีศาจสาวจากเผ่าปีศาจอยู่ที่นั่น แต่บรรดาเซียนในสำนักจะประมาทได้อย่างไร?
เรากำลังกล่าวถึงปีศาจ!
เหล่าปีศาจหฤโหดสุดๆ!
ดังนั้น นอกจากกองกำลังที่จำเป็นซึ่งมีไว้สำหรับปกป้องประตูสำนัก ในเวลานี้ บรรดาผู้อาวุโสและปรมาจารย์แห่งยอดเขาต่างๆ ก็ล้วนจ้องมองไปที่จิ้งจอกสาวผู้เป็นเซียนเสิ่นเท่านั้น…
แค่กๆ พวกเขาเพียงแค่ต้องระวังว่าปีศาจสาวผู้นี้จะระเบิดทำลายตัวเองและทำให้คู่บำเพ็ญของเต๋าเซียนจิน เจียงหลินเอ๋อร์ ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น นางไม่ได้อยู่ที่นั่นเพื่อฝึกฝนมหาเวทแปดรูปลักษณ์อย่างแน่นอน!
หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะเมื่อเห็นเช่นนั้น ความจริงแล้ว ก็ไม่ต่างกัน ไม่ว่าเขาจะทำมันต่อหน้าบรรดาเซียนในสำนักหรือไม่ก็ตาม
ความสำเร็จด้านพลังเวทในการสร้างและใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ในยามนี้ของเขา แน่นอนว่า ถึงขั้นสามารถหลอกลวงผู้ฝึกบำเพ็ญคนอื่นๆ ในสำนักได้ ยกเว้นแต่เหล่าเซียนจินเท่านั้น
ในเวลาเดียวกันนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ได้เริ่มทำงานไปพร้อมกันแล้ว เขาเปิดใช้งานตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ‘เทพแห่งท้องทะเล’ ที่ซ่อนอยู่ในที่พำนักของเทพแห่งท้องทะเลแห่งศาลสวรรค์
ในการตัดกรรมเรื่องนี้ เขาต้องใช้กฎต่างๆ ร่วมกัน
ที่ด้านนอกที่พำนักของเทพแห่งท้องทะเลในศาลสวรรค์ ในขณะนี้ เทพแห่งท้องทะเลผู้ใจดี รีบขี่เมฆออกไปจากที่พำนัก
เขาถือแส้หางม้า แล้วตรงรี่ไปที่ตำหนักครองคู่ของเทพจันทรา!
เมื่อหลี่ฉางโซ่วเพิ่งขี่เมฆจากไป แม่ทัพสวรรค์ที่อยู่ด้านหน้าที่พักต่างก็มองหน้ากันและกัน
“เทพแห่งท้องทะเลกลับมาเมื่อใดกัน?”
“ข้าไม่รู้ ข้าไม่เห็นเขาเมื่อครู่นี้ ไฉนเขายังปรากฏตัวและหายไปอย่างคาดเดาไม่ได้?”
“ระวังเถิด หากเรามองเห็นเทพแห่งท้องทะเลได้ เขาจะยังคงเป็นเทพแห่งท้องทะเลหรือไม่?”
แม่ทัพสวรรค์รู้สึกว่าเหตุผลเข้าท่า พวกเขายังคงเงียบและมองไปในทิศทางที่หลี่ฉางโซ่วจากไป
เมื่อตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ‘เทพแห่งท้องทะเล’ เดินทางไปได้ครึ่งทาง ยอดเขาหยกน้อย ก็เต็มไปด้วยร่างเงาของเหล่าเซียนในสำนัก
โชคดีที่เจียงหลินเอ๋อร์กล่าวว่า “สหายศิษย์ทั้งหลาย โปรดเฝ้าดูจากภายนอก เรื่องนี้ไม่เหมาะที่จะให้คนจำนวนมากมาสังเกตเห็นอย่างใกล้ชิด”
กล่าวจบ นางก็พาจิ้งจอก จิ่วอู๋ จิ่วซือ และจิ่วจิ่วร่อนลงไปที่ทะเลสาบ
เมื่อเสี่ยวหลานเห็นนักพรตเต๋าชรายืนอยู่ใต้ต้นหลิว นางตกใจในคราแรกด่อนจะรีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างกระตือรือร้นเพราะอดใจรอไม่ไหว
แต่ขาของนางอ่อนยวบราววุ้น ดวงตาของนางเผยแววขลาดกลัวเล็กน้อย และอดที่จะกัดริมฝีปากอิ่มแดงของนางไม่ได้ ทำให้ยิ่งดูน่าสงสารมากขึ้นไปอีก
ทว่าเจียงหลินเอ๋อร์ ก็พาพวกของจิ่วอูทั้งสามคนมาหยุดอยู่ตรงจุดที่ห่างออกไปสิบจั้งและกล่าวกับนักพรตเต๋าชราที่อยู่ใต้ต้นไม้โดยตรง …
“เจ้าเป็นศิษย์คนรองหรือฉางโซ่ว?”
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจในใจ เขารู้ว่าปิดบังเจียงหลินเอ๋อร์ไม่ได้ เพราะในท้ายที่สุด ปรมาจารย์ใหญ่ของเขาก็รู้จักท่านอาจารย์ของเขาดีเกินไปเพราะเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเยาว์
หลี่ฉางโซ่วส่งข้อความเสียงไปยังเจียงหลินเอ๋อร์ผ่านสัมผัสเซียนรับรู้ว่า “เป็นศิษย์ฉางโซ่วขอรับ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับท่านอาจารย์ ในเวลานั้น ศิษย์ยืมร่างของอาจารย์มาเพื่อให้ทำสิ่งต่างๆ ได้สะดวกมากขึ้นขอรับ”
………………………………………………………………..