ตอนที่ 415 มันเป็นความเหงา... (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 415 มันเป็นความเหงา… (2)

เจียงหลินเอ๋อร์พ่นลมหายใจออกมาแล้วขยิบตาให้นักพรตเต๋าชราที่อยู่ใต้ต้นไม้ ราวกับจะกล่าวว่า “เช่นนั้น เจ้าก็แก้ปัญหาด้วยตัวเองแล้วกัน”

หลังจากนั้น เจียงหลินเอ๋อร์ก็ชี้ไปที่ ‘ฉีหยวน’ ที่อยู่ใต้ต้นไม้

“เขาอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือ? เจ้าไปสิ”

“เจ้าค่ะ” จิ้งจอกสาวกล่าวเบาๆ และค่อยๆ ลอยลงไปช้าๆ

ร่างทรงเสน่ห์ของนางดูเย้ายวนยิ่ง เฉกเช่นต้นหลิวที่พลิ้วไหวไปตามสายลม และระลอกคลื่นในทะเลสาบ

เมื่อนางอยู่ห่างจากนักพรตเต๋าที่อยู่ในใจนางไปเพียงราวสิบจั้ง เสียงของจิ้งจอกสาวก็สั่นเล็กน้อยขณะที่นางกล่าวเบาๆ ว่า “ข้า…”

หลี่ฉางโซ่วทำหน้านิ่งแล้วกล่าวว่า “ไยสหายเต๋าถึงอยากพบข้า?”

ดูเหมือนว่า จิ้งจอกอยากจะกล่าวทุกอย่างออกมาพร้อมกันในคราวเดียว แต่เมื่อถ้อยคำนั้นขึ้นมาถึงลำคอ นางก็ทำได้เพียงแต่ส่งเสียง ‘อืม’ เบาๆ แล้วกล่าวว่า…

“นักพรตเต๋า ยังจำข้าได้หรือไม่?” หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาควบคุมสีหน้าท่าทีของเขาและดูงุนงง จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวว่า “ข้าจำได้ว่า ไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสหายเต๋า ข้าจับกุมสหายเต๋า เพื่อปกป้องเต๋าแห่งมวลมนุษย์เท่านั้น

เมื่อข้าไปพบสหายเต๋าที่ตีนเขา ในเวลานั้น ข้ากำลังพยายามคิดหาเคล็ดวิชาฝึกฝน และยังให้โอสถวิญญาณกับสหายเต๋าเพื่อเป็นของขวัญขอบคุณ

สหายเต๋า แล้วไฉนวันนี้เจ้าจึงก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตเช่นนี้? สหายเต๋า กำลังจงใจมุ่งเป้ามาที่ข้าหรือ?”

“ไยข้าต้องมุ่งเป้าไปที่เจ้าด้วย” จิ้งจอกสาวกล่าวพลางรีบเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว

ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วกวาดแส้หางม้าออกไป แล้วเสี้ยวพลังเซียนที่มีไอขุ่นก็ปรากฏขึ้นที่ข้างเท้าของจิ้งจอกสาว

“สหายเต๋า โปรดเคารพตัวเองด้วย ข้าฝึกบำเพ็ญมานับพันปี จะไม่ยอมให้เจ้าทำลายชื่อเสียงของข้า!”

“ข้า-ข้า…”

จิ้งจอกสาวหายใจถี่กระชั้นขึ้นเล็กน้อย และผิวขาวราวหิมะของนางก็ขึ้นสีแดงก่ำ แต่แล้วนางก็สงบลงพลางกล่าวเบาๆ ว่า “ข้าเพียงอยากพบเจ้าสักครั้ง”

หลี่ฉางโซ่วสะบัดแส้หางม้าและกล่าวว่า “เอาล่ะ บัดนี้ก็ได้พบแล้ว เช่นนั้น ไว้พบกันใหม่ ข้าขอไม่ส่งนะ”

จิ้งจอกสาวเสี่ยวหลานผงะงัน และบรรดาเซียนทั้งหลายที่อยู่ด้านนอกยอดเขาหยกน้อย ต่างก็ส่งข้อความเสียงชื่นชมเขาถึงกันและกัน หรือชื่นชมเขากันในใจ

พวกเขาคิดว่า ศิษย์น้องฉีหยวน (ศิษย์พี่ชาย ศิษย์หลาน) ช่างเข้มแข็งและซื่อตรงนัก น่าเสียดายที่เขาเป็นได้เพียงเซียนจั๋วเท่านั้น

จิ้งจอกสาวกล่าวอย่างน่าสงสารว่า “เจ้าใจแข็งพอจะให้ข้าจากไปได้ลงคอโดยไม่เอ่ยอะไรกับข้าแม้สักคำหรือ?”

“สหายเต๋า เจ้าได้พูดกับข้ามาสี่สิบเก้าคำแล้ว ข้าจะไม่ให้โอกาสเจ้าพูดได้อย่างไร?”

หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วแล้วกวาดแขนเสื้อ ทันใดนั้น ก็มีโต๊ะเตี้ย และเก้าอี้สองตัวปรากฏขึ้นบนพื้น

“มาเถิด นั่งลง ไม่เพียงแต่ข้าจะให้โอกาสสหายเต๋าได้พูดเท่านั้น แต่จะเปิดโอกาสให้สหายเต๋าได้สนทนากันดีๆ อีกด้วย แต่หากเจ้าไม่เห็นด้วยกับข้า ก็โปรดเอ่ยวาจาให้น้อยลง วันนี้ เรามาจัดการเรื่องต่างๆ ให้ชัดเจน จะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิดใดๆ ต่อกันอีกในภายหน้า”

ในเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วนั่งลง ส่วนจิ้งจอกสาวก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วนั่งตรงข้ามกับหลี่ฉางโซ่วอย่างขัดใจนัก ราวกับว่านางเป็นภรรยาตัวน้อยที่โกรธจัด

ในขณะนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ‘เทพแห่งท้องทะเล’ ในศาลสวรรค์ก็เพิ่งเห็นตำหนักครองคู่ของเทพจันทรา ดังนั้น หลี่ฉางโซ่วจึงสนทนาที่ใต้ต้นหลิวอย่างไม่รีบร้อน

ยังไม่ถึงเวลา

ห่างไปไม่ไกลนัก หลิงเอ๋อร์ก็เดินมาข้างหน้าพร้อมกับกาน้ำชาและถ้วยชา นางเรียกท่านอาจารย์ แล้วรินชาให้พวกเขาทั้งสองคน

แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วได้ส่งข้อความเสียงไปเพื่อให้จัดเตรียมเรื่องนี้เอาไว้แล้ว

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วฉวยโอกาสนี้ยิ้มให้หลิงเอ๋อร์อย่างเมตตาและอ่อนโยน พลางกล่าวว่า “ศิษย์ข้า เจ้าฝึกบำเพ็ญอย่างพากเพียร จงไปฝึกต่อเถิด”

แม้ว่าหลิงเอ๋อร์จะไม่รู้ว่า ศิษย์พี่ของนางจะปลอมตัวเป็นอาจารย์ของนาง แต่ปกติแล้ว อาจารย์ก็เมตตานางมากเช่นกัน นางจึงโค้งคำนับและรับคำเขาทันทีก่อนจะหันหลังจากไป

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและพยักหน้า จากนั้นก็หันไปจ้องมองจิ้งจอกสาว และปรับสีหน้าเป็นดูจริงจังขึ้นมาทันที

“สหายเต๋า เพียงกล่าวในสิ่งที่อยากกล่าว เวลานี้ ข้ามีสหายศิษย์หลายคนคอยเฝ้าดูอยู่ จึงไม่อยากอยู่เพียงลำพังกับเจ้าจริงๆ”

จิ้งจอกสาวรู้สึกเจ็บปวดใจ แต่ก็รู้ว่ามันเป็นเพียงความคิดปรารถนาของนางฝ่ายเดียวเท่านั้น

นางถอนหายใจเบาๆ และกล่าวว่า “นักพรตเต๋า เจ้ายังขาดบ่าวรับใช้ข้างกายหรือไม่? ข้าทำได้ทุกอย่าง เพียงขอให้ได้อยู่เคียงข้างนักพรตเต๋าเท่านั้น”

คราวนี้ หลี่ฉางโซ่วเงียบงันไป เขายกถ้วยน้ำชาขึ้นแต่ไม่ได้จิบชาแต่อย่างใด แล้วขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง

ดูเหมือนว่า เขาจะลังเลกับข้อเสนอนี้เล็กน้อย…

ขณะที่หลี่ฉางโซ่ว “ลังเล” อยู่นั้น นั่นยิ่งยั่วให้บรรดาเซียนทั่วทั้งสำนักตู้เซียนต่างอยากรู้อยากเห็น และคอยเงี่ยหูตั้งใจฟังบทสนทนาในสถานที่แห่งนี้อย่างจดจ่อเต็มที่เพราะกลัวจะพลาดรายละเอียดเด็ดๆ ไป…

ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็มุ่งความสนใจไปที่การพูดคุยกับเทพจันทราเท่านั้น เขาจึงหยุดตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นั้นเอาไว้ไม่ให้เอ่ยอะไร

เพราะหากเกิดเหตุผิดพลาดและเขาเชื่อมต่อกับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ผิดพลาด มันย่อมจะลำบากอย่างยิ่ง!

ในตำหนักเทพจันทราแห่งศาลสวรรค์ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ‘เทพแห่งท้องทะเล’ ของหลี่ฉางโซ่วพลันพุ่งเข้ามาโดยไม่รอให้เทพจันทราออกไปต้อนรับ ครั้นเมื่อมาถึง เขาก็คว้าแขนของเทพจันทราในทันที

“เทพเฒ่าจันทรา ข้ามีเรื่องบางอย่างอยากขอรบกวนท่าน!”

“เทพแห่งท้องทะเล อย่าเพิ่งใจร้อน เทพแห่งท้องทะเล อย่าใจร้อนไป” เทพเฒ่าจันทรา ตื่นตกใจ

เทพแห่งท้องทะเลเป็นผู้ใด?

เขาเป็นหงเหรินขององค์เง็กเซียน ต่อให้เขาปรารถนาจะแต่งงานกับเทพธิดาแสนสะคราญสักสิบแปดคน และต่อให้ต้องเสียบุญไปเป็นร้อยปี เขา เทพเฒ่าจันทรา ก็ยังต้องจัดการให้พวกเขา!

ในขณะนั้นเอง เทพเฒ่าจันทราก็กล่าวอย่างจริงจังว่า “เทพแห่งท้องทะเล มีอันใด โปรดสั่งข้ามาได้เลย!”

ทว่าคำพูดต่อไปนี้ของหลี่ฉางโซ่ว ก็ทำให้เทพเฒ่าจันทรายิ่งมีสีหน้าเคร่งขรึมมากขึ้น

“ขอกล่าวตามตรง นอกจากเป็นเทพแห่งท้องทะเลแล้ว ข้ายังมีตัวตนอีกตัวตนหนึ่ง ข้าเป็นศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และยังได้รับคำสั่งจากท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูให้ช่วยจัดการเรื่องเล็กน้อยบางอย่างอีกด้วย ”

เทพเฒ่าจันทราพยักหน้าและกล่าวทันทีว่า “ข้ารู้แล้ว ข้ารู้แล้ว”

หลี่ฉางโซ่วตอบอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้ามาขอความช่วยเหลือจากเทพเฒ่าจันทราที่นี่ ไม่ใช่ในฐานะเทพแห่งท้องทะเล แต่เป็นเซียนของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เทพเฒ่าจันทรา จากที่ข้าหยั่งรู้มาก่อนหน้านี้ จะเกิดภัยพิบัติเล็กน้อยขึ้นในสำนักตู้เซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ข้าได้ส่งร่างจำแลงของข้าไปตรวจสอบ แล้วบังเอิญเพิ่งรู้ว่า มีปีศาจสาวเผ่าชิงชิวผู้หนึ่งได้ตกหลุมรักใครบางคนในสำนักตู้เซียน และในขณะนี้ ยังมีปีศาจจำนวนมากจากเผ่าชิงชิว มารวมตัวกันอยู่ที่สำนักตู้เซียน หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าก็เกรงว่าพวกเขาจะใช้กำลังกับศิษย์ของสำนักตู้เซียน!”

“อ่า?!”

เทพเฒ่าจันทราเบิกตากว้าง “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ!?!”

………………………………………………………………..