บทที่ 535 ความประทับใจจากสือตู๋เต้า มหันตภัยมารสวรรค์

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 535 ความประทับใจจากสือตู๋เต้า มหันตภัยมารสวรรค์

การจากไปของหลี่เต้าคงไม่ได้สร้างระลอกคลื่นในสำนักซ่อนเร้นแต่อย่างใด นอกจากหานเจวี๋ย ศิษย์สืบทอดคนอื่นๆ ต่างนึกว่าเขาปิดด่านบำเพ็ญ

จนกระทั่งอีกหลายปีให้หลัง หลี่เสวียนเอ้าไปเยี่ยมหลี่เต้าคง จึงพบจดหมายที่หลี่เต้าคงทิ้งไว้

เขายืนอยู่ในอารามเต๋าของหลี่เต้าคง นิ่งเงียบเนิ่นนาน ความรู้สึกอันหลากหลายถ่ายทอดมาเป็นเสียงถอนหายใจ

ศิษย์พี่ของเขา เขารู้จักดีที่สุด

แสวงหาความแข็งแกร่ง ออกไปครานี้บอกว่าเพื่อสมญาไร้พ่าย ความจริงคือไปท้าสู้ให้ชนะสือตู๋เต้า กู้หน้าคืน

ทว่าหลี่เสวียนเอ้าก็มิได้เป็นกังวลจนเกินไป เขาเชื่อมั่นในตัวศิษย์พี่ของเขา

ตอนนี้หลี่เต้าคงอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสือตู๋เต้า แต่ขอเพียงให้เวลาเขา ไม่ช้าก็เร็วจะต้องก้าวข้ามสือตู๋เต้าได้แน่

หลี่เสวียนเอ้าไม่คิดมากอีก หันหลังจากไป

หากอยากช่วยแบ่งเบาภาระของศิษย์พี่ เขาก็ต้องฝึกฝนบำเพ็ญ

….

หนึ่งร้อยปีผ่านไปอย่างรวดเร็วยิ่ง

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เรียกกล่องจดหมายออกมาตรวจดู

เขาอดทนมาหนึ่งร้อยปี ก็เพื่อจะดูว่าหลี่เต้าคงสร้างผลงานอะไรบ้าง

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[มหาจักรพรรดิเฉินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เต้าคงสหายของท่าน]

[ผานซินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เต้าคงสหายของท่าน]

[เจียงตู๋กูสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เต้าคงสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

….

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

สือตู๋เต้าไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อเขา ทำให้เขาตรวจสอบสถานการณ์ระหว่างหลี่เต้าคงและสือตู๋เต้าไม่ได้

ทำได้แค่ไปเข้าฝันแล้ว!

หานเจวี๋ยสำแดงความฝันอันธการ ไปพบสือตู๋เต้าด้วยรูปลักษณ์ของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

ฉากความฝันเป็นพื้นที่ภูเขาไฟ ลาวานองไปทั่วแผ่นดิน คืบคลานไปราวกับใยแมงมุม ฟากฟ้ามีเมฆทะมึนรวมตัวกัน ทำให้โลกดูน่าหดหู่อย่างยิ่ง

สือตู๋เต้าลืมตาขึ้น มองเห็นหานเจวี๋ยที่ดูคล้ายเงามืด เขาขมวดคิ้วพลางถามขึ้น “เจ้าเป็นใคร”

เขาตระหนกอยู่ในใจ

อีกฝ่ายฉุดลากเขาเข้าสู่ความฝันได้ตรงๆ เขาไม่สามารถต่อต้านได้ นี่แปลว่าตบะของทั้งสองฝ่ายห่างชั้นกันยิ่งนัก

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ข้าคือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ คุณสมบัติของเจ้าไม่เลวเลย ข้าเลือกเจ้า”

สือตู๋เต้าขมวดคิ้ว “เลือกข้าไปทำอันใด”

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ!

มือมืดอันน่าหวาดกลัวที่สุดในมหาเคราะห์ครั้งก่อน!

ถึงแม้สือตู๋เต้าจะไม่เข้าสู่เคราะห์ แต่มักจะได้ยินศิษย์ของอริยะท่านอื่นพูดคุยกันเรื่องเจ้าแดนต้องห้ามอันธการในอาณาเขตเต๋าเสมอ หลังจากมรรคาสวรรค์เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เจ้าแดนต้องห้ามอันธการถึงขั้นที่พุ่งเป้าไปยังอริยะอีกด้วย

ร่ำลือกันว่า เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเป็นฐานะแฝงของอริยะท่านใดท่านหนึ่ง

ไม่ว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะเป็นใคร สือตู๋เต้าทราบดีว่าตนสู้ไม่ได้เลย

“จงเชื่อมั่นและติดตามข้า ข้าจะพาเจ้าข้ามสู่มหามรรค” หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างเคร่งขรึม

“มหามรรคหรือ มหามรรคอันใด ที่อยู่เหนือมรรคาสวรรค์น่ะหรือ”

“อืม”

“ข้าต้องทำสิ่งใดให้เจ้า”

“ไม่ต้องทำสิ่งใดทั้งสิ้น รอจนถึงวันที่ความมืดมิดมาเยือน เจ้าก็จะได้รู้ว่าตนควรทำสิ่งใด”

“ฮ่าๆ”

สือตู๋เต้าหัวเราะออกมา

หานเจวี๋ยด่าในใจ เจ้ากล้าขำข้าหรือ

สือตู๋เต้าเบี่ยงหัวข้อไป ถามว่า “เจ้าทำให้ข้าพิสูจน์มรรคสำเร็จเป็นอริยะได้หรือไม่”

หานเจวี๋ยตอบ “ย่อมได้ วิถีอาศัยพลังพิสูจน์มรรคข้ามี ปราณม่วงอนธการข้าก็มี ข้ามีแม้กระทั่งปราณพิสูจน์มรรคที่แข็งแกร่งยิ่งนั้นด้วย”

สือตู๋เต้ารู้สึกหวั่นไหวแล้ว

การพิสูจน์มรรคกลายเป็นจิตมารของเขา เหล่าอริยะล้วนไม่ยอมเกื้อหนุนให้เขาพิสูจน์มรรค เพียงเพราะเขามิได้ศิโรราบต่ออริยะท่านใดทั้งสิ้น

สือตู๋เต้าทราบดี ต่อให้ตนกราบอริยะเป็นอาจารย์ ก็ยังไม่แน่ว่าอริยะจะให้เขาได้พิสูจน์มรรค มองย้อนกลับไปในอดีต อริยะทุกท่านล้วนเป็นทายาทหรือศิษย์สืบทอดของอริยะรุ่นก่อนๆ สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน หากเขากราบเข้าสู่สังกัดอริยะด้วยฐานะครึ่งอริยะ ก็ยากที่จะพิสูจน์ตัวได้

“ตกลง!”

สือตู๋เต้ากัดฟันเอ่ย แววตาเด็ดเดี่ยว

[สือตู๋เต๋าเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับในใจขณะนี้คือ 1 ดาว]

1 ดาวก็เพียงพอแล้ว!

หานเจวี๋ยไม่ได้ต้องการรับตัวเขาไว้จริงๆ

หานเจวี๋ยชูมือขวาขึ้น ลำแสงสายหนึ่งพุ่งเข้าสู่หน้าผากสือตู๋เต้า รวดเร็วยิ่ง สือตู๋เต้าตอบสนองไม่ทันเลย

ยามที่สือตู๋เต้าได้สติอีกครั้ง ความฝันสิ้นสุดลงแล้ว ในสมองเขามีพลังวิเศษอย่างหนึ่งเพิ่มขึ้นมา

หัตถาสวรรค์มหาวิมุต!

พลังวิเศษห้วงมิติ สยบฟ้าในหัตถ์เดียว!

สยบมรรคาสวรรค์ได้!

สือตู๋เต้าตื่นตะลึง พลังวิเศษเช่นนี้…

อีกด้านหนึ่ง

[ความประทับใจที่สือตู๋เต้ามีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับในใจขณะนี้คือ 5 ดาว]

หานเจวี๋ยมิได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด พลังวิเศษของเขาแกร่งกล้ามาก ถึงอย่างไรก็เป็นของดีจากระบบ

เขาตรวจดูจดหมายอีกครั้ง เป็นไปตามคาด ผู้ทรงพลังลึกลับเปลี่ยนไปแล้ว

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสือตู๋เต้าสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[สือตู๋เต้าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เต้าคงสหายของท่าน]

ใช่จริงๆ ด้วย

ตอนนี้หลี่เต้าคงยังมิใช่คู่ต่อสู้ของสือตู๋เต้า

หลี่เต้าคงเป็นบุตรแห่งสวรรค์ที่ยากจะพบได้ในรอบหมื่นปี แต่ตัวเขาสือตู๋เต้าก็เป็นบุตรแห่งสวรรค์เช่นกัน เป็นผู้สืบทอดมหามรรค ตบะบรรลุขีดสูงสุดในหมู่ผู้อยู่ต่ำกว่าอริยะ หลี่เต้าคงเพิ่งเริ่มฝึกหมื่นกระบี่ก่อกำเนิด เอาชนะสือตู๋เต้าได้ยากจริงๆ

หานเจวี๋ยพลันเริ่มตั้งตารอ

สุดท้ายแล้วพลังวิเศษมหามรรคหมื่นกระบี่ก่อกำเนิดจะแข็งแกร่งกว่า หรือว่าหัตถาสวรรค์มหาวิมุตจะแข็งแกร่งกว่ากันแน่

….

ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม ท่ามกลางความโกลาหล

หลี่มู่อี เทพสูงสุดหนานจี๋ เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย ฝูซีเทียน มหาจักรพรรดิเซียว และฉิวซีไหลต่างยืนเรียงกัน

สีหน้าของพวกเขาไม่น่ามองยิ่ง เมื่อมองตามสายตาของพวกเขาไป ท่ามกลางความมืดมิดมีโพรงดำมืดใหญ่ยักษ์โพรงหนึ่ง มีสายฟ้าสีม่วงส่องแปลบปลาบอยู่รางๆ เสียงลมหายใจทุ้มแผ่วและอ่อนแรงแว่วออกมาจากด้านใน

เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยเอ่ยถามเสียงขรึม “เป็นสิ่งใดกันแน่ จิตศักดิ์สิทธิ์ของข้าไม่สามารถแทรกผ่านเข้าไปได้ แต่ข้าสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของมันแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว”

เหล่าอริยะมองไปที่หลี่มู่อีก มรรควิถีของเขาสูงส่งที่สุด

“มารสวรรค์ เทพมารฟ้าบุพกาล มารตนนี้สั่งสมแรงกรรมมหาเคราะห์ไว้ ไม่อ่อนด้อยไปกว่าอริยะเลย” หลี่มู่อีกล่าวด้วยสีหน้ายับยุ่ง

เหล่าอริยะอดมองไปที่มหาจักรพรรดิเซียวไม่ได้

มหาจักรพรรดิเซียวแค่นเสียง “มารสวรรค์มิใช่เผ่ามาร เผ่ามารของข้ายังซ่อนตัวอยู่ในความมืดของชั้นฟ้าที่สามสิบสอง ทนทรมานจากการเคี่ยวกรำของมรรคาสวรรค์ ยังต้องขอบคุณอริยชนทุกท่านนักที่ให้เกียรติกันถึงขนาดนี้”

เมื่อเผชิญกับการเอ่ยเสียดสีเย้ยหยันจากเขา เหล่าอริยะต่างก็ไร้ซึ่งความละอายใดๆ มองไปที่หลี่หมู่อีอีกครั้ง

หลี่มู่อีถอนหายใจ เอ่ยว่า “ช่วงนี้ข้าจะออกจากมรรคาสวรรค์ไปสักระยะ โลกพันอนันต์ของข้าเผชิญปัญหายุ่งยาก เรื่องนี้มอบให้พวกเจ้าจัดการ หากว่าไม่สามารถจัดการสิ่งนี้ได้ แดนเซียนจะเผชิญอันตราย เป้าหมายของมันคือแดนเซียน ข้าสัมผัสถึงความกระหายเลือดของมันได้ มันหิวโหยและโกรธแค้นยิ่งนัก”

สีหน้าของเหล่าอริยะแปรเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด หากไม่มีหลี่มู่อี พวกเขาก็ขาดแกนนำ

ฉิวซีไหลกล่าวว่า “พวกเราล้วนมองมันไม่ออก แล้วจะจัดการได้อย่างไร มิสู้ไปหาปรมาจารย์เถอะ”

ฝูซีเทียนส่ายหน้าพลางเอ่ยวาจา “ปรมาจารย์จากไปตั้งแต่หลายพันปีก่อนแล้ว ยังมิกลับมา”

ทันใดนั้นสีหน้าหลี่มู่อีแปรเปลี่ยน หายตัวไปจากจุดเดิมทันที

สำหรับเรื่องนี้ เหล่าอริยะไม่ตระหนกเลย ความลำบากของหลี่มู่อี พวกเขาเข้าใจมานานแล้ว

เรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้คือจัดการมารสวรรค์ที่น่าหวาดกลัวและไม่เป็นที่รู้จักตนนี้

“กลิ่นอายของอริยชน…พวกเจ้าคอยข้าก่อนเถิด…”

เวลานี้ น้ำเสียงน่าพรั่นพรึงแว่วออกมาจากโพรงมืดดำ ทำให้เหล่าอริยะหนังศีรษะชาหนึบ

“มรรคาสวรรค์…เจ้าซ่อนตัวให้ดี อย่าให้ข้าหาพบ ไม่เช่นนั้นข้าจะกินเจ้าซะ”

อริยะมองหน้ากัน ต่างก็ตัดสินใจแล้ว แต่ละคนสละสมบัติวิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดของตน เตรียมร่วมมือกันลงผนึกสะกดไว้

เสียงหัวเราะอย่าบ้าคลั่งดังสนั่นออกมาจากโพรงมืดดำ “พวกหุ่นเชิด หลงงมงายอยู่ในมายาของมรรคาสวรรค์ พวกเจ้าจะลงมือกับข้า ช่างไม่ประเมินกำลังตัวเองเลย!”

………………………………………………………………