บทที่ 536 มารมรรคาสวรรค์ สังหารให้ได้ในเสี้ยววินาที

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 536 มารมรรคาสวรรค์ สังหารให้ได้ในเสี้ยววินาที

เดือนปีเคลื่อนคล้อย ผ่านพ้นไปอีกสองร้อยปี

ภายในอารามเต๋า

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็รู้สึกกระวนกระวาย

เขาลืมตาขึ้น เงยหน้ามองขึ้นไป สายตาส่องผ่านไปถึงชั้นฟ้าที่สามสิบสาม มองเห็นสงครามใหญ่ฉากหนึ่ง

เทพสูงสุดหนานจี๋ เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย ฉิวซีไหล ฝูซีเทียน มหาจักรพรรดิเซียนต่างลงมือกับหลุมดำแห่งหนึ่งพร้อมกัน ส่งพลังวิเศษเข้าไปไม่ขาดสาย ใช้อาวุธวิเศษแสนทรงพลัง

“หืม?”

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เลื่อนสายตาไปที่หลุมดำ

สิ่งที่ให้เขากระวนกระวายมิใช่การต่อสู้ของอริยะ แต่เป็นตัวตนลึกลับที่อยู่ในหลุมมืดมิดนั้น

ความรู้สึกนี้…

หานเจวี๋ยนึกถึงความรู้สึกครั้งแรกที่ตนเผชิญหน้ากับสิ่งอัปมงคล

หรือว่าสิ่งนี้จะเกี่ยวข้องกับแดนต้องห้ามอันธการ

หานเจวี๋ยเรียกดวงจิตประหลาดออกมา ถ่ายทอดฉากสถานการณ์ ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสามให้แก่ดวงจิตประหลาด ดวงจิตประหลาดตกใจตัวสั่นเทา

มันโบกไม้โบกมือไม่หยุด ดูกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด

หานเจวี๋ยเข้าใจความหมายที่มันสื่อจากการรับรู้ผ่านจิตวิญญาณ

อันตราย!

อันตรายมาก!

อันตรายอย่างยิ่ง!

ปฏิกิริยาแรกอันรุนแรงของดวงจิตประหลาดคือหนี!

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ส่งดวงจิตประหลาดที่เสียการควบคุมไปแล้วเข้าสู่บัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร

‘ข้าอยากรู้ว่าข้าสามารถเอาชนะสิ่งที่เหล่าอริยะกำลังเผชิญหน้าอยู่ได้หรือไม่’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[มีความเป็นไปได้]

มีความเป็นไปได้หรือ

หานเจวี๋ยแทบขนลุกแล้ว นั่นหมายความว่าอาจจะแพ้ก็ได้!

อย่าแต่อาจจะแพ้เลย สิ่งที่หานเจวี๋ยแสวงหาคือการสังหารศัตรูในเสี้ยววินาที

ไม่ได้การแล้ว!

หานเจวี๋ยวิวัฒนาการต่อ ‘ข้าอยากรู้ตัวตนของเขา!’

ครั้งนี้ไม่ถูกหักอายุขัย

[มารมรรคาสวรรค์: ไม่ทราบตบะ แปรผันจากแรงกรรม สุดยอดความชั่วร้าย]

หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโคร้ายออกมาทันที เริ่มสาปแช่งมารมรรคาสวรรค์

ห้าวันต่อมา อายุขัยของเขาเริ่มลดลง

เขาสาปแช่งพร้อมกับสังเกตการต่อสู้ ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสามไปด้วย มารมรรคาสวรรค์คล้ายจะไม่ได้ผลกระทบจากการสาปแช่งเลย โจมตีใส่อริยะ พลังไม่ลดทอนลงเลย

หานเจวี๋ยรีบหยุดมือทันที สาปแช่งศัตรูเสียอายุขัยมากเกินไป ไม่สู้วิวัฒนาการดูตรงๆ สักหน่อยดีกว่า

อายุขัยที่ใช้สาปแช่งอริยะมิ่งจีจนเป็นบ้า เพียงพอให้หานเจวี๋ยใช้วิวัฒนาการปัญหาเกี่ยวกับอริยะได้หลายร้อยรอบเลยทีเดียว

‘ข้าอยากรู้ว่าคำสาปแช่งของข้ามีผลต่อมารมรรคาสวรรค์หรือไม่’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[ไม่มี ตัวเขาเดิมทีก็ประกอบขึ้นจากพลังคำสาปแช่งอยู่แล้ว]

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

เจ้าสิ่งนี้เข้าใจยากอยู่บ้าง

หานเจวี๋ยลุกขึ้นยืน เปิดใช้งานยอดสมบัติทั่วร่าง แสงเทพพร่างพราว ส่องสะท้อนไปทั้งกาย

เขากระโดดพรวดเดียว ก็มาโผล่ยังชั้นฟ้าที่สามสิบสามเหนือศีรษะเหล่าอริยะแล้ว

การปรากฏตัวของเขาทำให้เหล่าอริยะปรีดา

“หานเจวี๋ย รีบลงมือเข้า กำจัดมารตนนี้!” ฉิวซีไหลตะโกน

หานเจวี๋ยใช้แบบจำลองการทดสอบคัดลอกมารมรรคาสวรรค์ทันที จากนั้นก็หายตัวไปจากจุดเดิม

เหล่าอริยะตะลึงงัน จากนั้นก็เข้าโจมตีต่อ

ทันใดนั้น หานเจวี๋ยได้รับแจ้งเตือนค่าความเกลียดชังเพิ่มขึ้นหลายข้อความเลยทีเดียว

เขาไม่ใส่ใจ เริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบ

ครึ่งชั่วยามผ่านไป หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วแน่น

มารมรรคาสวรรค์ยอดเยี่ยมนัก!

แข็งแกร่งมากจริงๆ!

หานเจวี๋ยต้องสำแดงวัชระเทพมารทั้งหมดออกมา ถึงจะสังหารอีกฝ่ายได้

ก่อนหน้านี้ เขาเกือบพลาดท่าถูกมารมรรคาสวรรค์ฆ่าตายอยู่หลายครั้ง

ศัตรูทรงพลัง!

นี่คือศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่หานเจวี๋ยเคยพบพานมาแน่นอน

หานเจวี๋ยใช้แบบจำลองการทดสอบต่อ หาวิธีสังหารมารมรรคาสวรรค์ในเสี้ยววินาที

ทดลองไปเช่นนี้

สองปีผ่านไป

หานเจวี๋ยไม่พบวิธีสังหารมารมรรคาสวรรค์ในเสี้ยววินาทีเลย โชคดีที่เขาสำเร็จเป็นอริยะแล้ว มิเช่นนั้นผมดำทั้งหัวคงขาวหงอกไปหมดแล้ว

[ฉิวซีไหลต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

[ฉิวซีไหลต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

คนบ้าผู้นี้เริ่มรัวคำขอมาอีกแล้ว

หานเจวี๋ยนึกถึงมารมรรคาสวรรค์ จึงยอมรับคำขอเข้าฝัน

ภายในความฝัน

ฉิวซีไหลยังคงองอาจทรงบารมี เขาหลุบตามองหานเจวี๋ย เอ่ยเสียงเข้มว่า “มารสวรรค์โจมตี เหตุใดเจ้ามองแวบเดียวก็หนีเสียแล้ว”

หานเจวี๋ยโมโหอยู่ในใจ เพื่อหาทางจัดการมารมรรคาสวรรค์ เขาต่อสู้มาถึงสองปี ไม่มีความดีความชอบก็เห็นแก่ความลำบากบ้างเถอะ

เขาโต้กลับไป “อริยะจัดการมารสวรรค์ไม่ได้หรืออย่างไร”

“มิผิด พวกเราเผชิญกับผลสะท้อนกลับ ไม่ช้าก็เร็วมารสวรรค์จะบุกเข้ามาในชั้นฟ้าที่สามสิบสาม เมื่อถึงเวลาพวกเราจะตายกันหมด แม้กระทั่งมรรคาสวรรค์รวมถึงสรรพสิ่งต่างก็จะถูกกลืนกิน เขตเซียนร้อยคีรีของเจ้าก็อย่าหวังจะหนีรอด”

น้ำเสียงฉิวซีไหลเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

หานเจวี๋ยเงียบไป

ฉิวซีไหลถอนหายใจ “วิกฤตการณ์แห่งมรรคาสวรรค์มาถึงแล้ว ครั้งหน้าที่มารสวรรค์โจมตี หวังว่าเจ้าจะยอมลงมือ ต่อสู้ร่วมกับพวกเรา มิเช่นนั้นมรรคาสวรรค์จะตกอยู่ในอันตราย”

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ข้าจะพิจารณาดู”

“ไม่ต้องพิจารณาแล้ว จงมาให้ได้!”

“เพราะเหตุใด ข้าติดค้างมรรคาสวรรค์หรือไร”

หานเจวี๋ยเห็นฉิวซีไหลก็รู้สึกโมโหขึ้นมา

คนผู้นี้กับมรรคาสวรรค์รวมหัวกันปองร้ายเขาลับหลัง อย่าคิดว่าเขาไม่รู้

อย่างไรก็ตามในมหาเคราะห์ครั้งก่อนฉิวซีไหลเคยช่วยเหลือเขา ด้วยเหตุนี้หานเจวี๋ยจึงไม่ลงมือกับฉิวซีไหลตรงๆ

เมื่อเผชิญหน้ากับหานเจวี๋ยที่หัวแข็งเช่นนี้ ฉิวซีไหลก็รู้สึกหงุดหงิดเช่นกัน เอ่ยถาม “หากว่ามรรคาสวรรค์ล่มสลาย เจ้าจะไปอยู่ที่ใดได้เล่า”

“ก็ตามนั้นเถอะ!”

หานเจวี๋ยโบกมือขวาคราหนึ่ง บังคับทำลายความฝันของฉิวซีไหล

ภานในอาณาเขตเต๋า

ฉิวซีไหลลืมตาขึ้น สีหน้าเคร่งเครียด

“เด็กคนนี้แข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน”

จิตใจฉิวซีไหลว้าวุ่นปรวนแปร ถึงแม้หานเจวี๋ยจะสำเร็จเป็นอริยะ แต่เขาคิดมาตลอดว่าหานเจวี๋ยสู้ตนไม่ได้ ถึงอย่างไรทั้งสองก็ไม่เคยประมือกันมาก่อน

แต่เมื่อครู่นี้…

….

การปรากฏตัวขึ้นของมารมรรคาสวรรค์สร้างความหวั่นวิตกให้แก่หานเจวี๋ย เขาเริ่มปิดด่านฝึกบำเพ็ญ ทำความเข้าใจมหามรรคต้นกำเนิดทุกวัน

สรรพสิ่งในแดนเซียนต่างไม่รับรู้เลยว่ามหันตภัยใหญ่มาเยือน บ้างฝึกบำเพ็ญ บ้างตามหาของวิเศษ บ้างเผยแพร่มรรค บ้างสังหารฆ่าฟัน

สรรพสิ่งดำเนินชีวิตต่างกันไป เปลี่ยนแปลงไปตามวัฏจักร ต่างมีวิถีทางของตนเอง

ภายในถ้ำบนเขาแห่งหนึ่ง

หลี่เต้าคงกำลังนั่งสมาธิรักษาตัว กระบี่เล่มหนึ่งลอยอยู่ด้านหลังเขา แผ่อำนาจดุจโอรสสวรรค์

เขาลืมตาขึ้นช้าๆ เอ่ยพึมพำ “หมื่นกระบี่ก่อกำเนิดแม้จะแข็งแกร่ง แต่พลังเวทของข้าสู้สือตู๋เต้าไม่ได้ ยังคงต้องเพิ่มพูนตบะก่อน แต่การฝึกบำเพ็ญช้าเกินไป เห็นทีว่าคงทำได้เพียงเสาะหายอดสมบัติมาช่วยเหลือ”

หลี่เต้าคงใจร้อนอยากเอาชนะสือตู๋เต้าให้ได้ หากไม่สามารถเอาชนะสือตู๋เต้าได้ เรื่องนี้คงกลายเป็นจิตมารของเขา

เวลานี้เอง พลันมีเสียงแว่วมาจากเชิงเขาด้านนอกถ้ำ

“ขอบังอาจถามว่าผู้อาวุโสใช่หลี่เต้าคงแห่งสำนักซ่อนเร้นหรือไม่”

หลี่เต้าคงไม่สนใจ หลับตาลงอีกครั้ง

เสียงนั้นแว่วขึ้นอีกครั้ง “ศิษย์จากสำนักซ่อนเร้นของพวกท่านเผชิญอันตราย หากท่านไม่ช่วย เขาต้องตายอย่างแน่นอน”

หลี่เต้าคงได้ยินก็ลืมตาขึ้น เคลื่อนย้ายคนผู้นั้นเข้ามาในถ้ำ

คนผู้นี้สวมเสื้อผ้าหรูหรา ใบหน้าหล่อเหลา งามสง่าดั่งเซียน

เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ประสานหมัดกล่าว “ข้าน้อยคือหานมิ่ง เด็กคนนี้ถูกนิกายเจี๋ยจับตัวไป”

เขาโบกมือคราหนึ่ง เงาแสงร่างหนึ่งปรากฏขึ้นด้านข้าง เป็นหานทั่ว

เมื่อหลี่เต้าคงเห็นหน้าหานทั่ว ก็พลันเหม่ยลอยไป

เหมือนเหลือเกิน!

หน้าตาประหนึ่งแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกับหานเจวี๋ย

หลี่เต้าคงนับนิ้วทำนาย พบว่าบ่วงกรรมของหานทั่วเลือนรางอย่างยิ่ง

หรือว่า…

….

หนึ่งร้อยปีต่อมา

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ยังอยู่ห่างไกลจากระดับเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าระยะกลางมากนัก ทำให้เขาหงุดหงิดอย่างยิ่ง

ไม่ได้ทะลวงขั้นมานาน ทำให้เขารู้สึกไม่คุ้นชินเป็นอย่างมาก

มารมรรคาสวรรค์อาจบุกมาโจมตีได้ทุกเมื่อ ก่อนที่จะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นหานเจวี๋ยหวังว่าตนจะมีพลังเพียงพอที่จะสังหารมารมรรคาสวรรค์ได้ในเสี้ยววินาที

เขาจำเป็นต้องตรวจดูจดหมาย เพื่อสงบจิตใจ

[ฉิวซีไหลสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารสวรรค์ลึกลับ จิตศักดิ์สิทธิ์ได้รับความเสียหาย]

[หวงจุนเทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เต้าคงสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[หยางเทียนตงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารสวรรค์] x19230

[จักรพรรดินีผืนพิภพสหายของท่านกับเผชิญคำสาปแช่งลึกลับ บังเกิดจิตมาร]

[สือตู๋เต้าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]

[ผานซินสหายของท่านเข้าสู่แดนต้องห้ามอันธการ]

[มหาจักรพรรดิเซียวสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารสวรรค์ลึกลับ จิตศักดิ์สิทธิ์ได้รับความเสียหาย]

………………………………………………………………