เหล่าขุนนางทั้งหลายพยักหน้าเห็นด้วยเงียบๆ
ใช่ ขุนนางขั้นห้าก็แล้วไป คาดไม่ถึงเลยว่ายังจะให้เลื่อนขั้นอีก!
เมื่อตรัสออกมาแล้ว ถ้าหากว่าหลังจากนี้เจ้าสุนัขตัวนี้ได้เลื่อนขั้นอีกจะทำอย่างไร เลื่อนไปเลื่อนมาได้ขึ้นเป็นขุนนางชั้นสูงกว่าพวกเขา จะไม่กลายเป็นเรื่องตลกหรือ
ไม่ได้ ต้องหยุดไม่ให้ฝ่าบาทก่อเรื่อง!
“ฝ่าบาท เลื่อนขั้นให้สุนัขหนึ่งตัวกับให้ตำแหน่งขุนนางนั้นที่จริงมันไม่เหมาะสม ขอฝ่าบาททรงพิจารณาอีกครั้งด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ!”
“ขอฝ่าบาททรงพิจารณาอีกครั้งด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ก้มพระพักตร์รับฟังเหล่าขุนนางที่คัดค้านอย่างเอาเป็นเอาตาย พลางหัวเราะเยาะอยู่ในใจ
หึ ยังไงวันนี้ก็จะเลื่อนขั้นให้เอ้อร์หนิว
เมื่อเห็นว่าจิ่งหมิงฮ่องเต้ไม่แสดงอาการใดๆ ออกมาหลังจากที่รับฟังคำทัดทานของเหล่าขุนนาง ขุนนางท่านหนึ่งก็เดินออกมา “ฝ่าบาท กระหม่อมได้ยินมาว่าแม่ทัพเอ้อร์หนิวค้นพบเด็กผู้หญิงคนหนึ่งในเมืองจิ๋นหลี่ที่เกิดแผ่นดินไหวขึ้น แม่ทัพเอ้อร์หนิวช่วยชีวิตไว้ได้หนึ่งคน ซึ่งเป็นคุณงามความดีตามจริง แต่หากจะบอกว่าเพราะคุณงามความดีถึงได้เลื่อนตำแหน่ง มันก็เกินไปจริงๆ…หากท่านยังยึดมั่นเช่นนี้ แล้วจ้าวซื่อหลางกับคณะที่ลำบากมาหลายวันจะจัดการอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
คำพูดของขุนนางท่านนี้ดึงให้ขุนนางท่านอื่นพูดเสริมออกมาทันที
จิ่งหมิงฮ่องเต้มองเหล่าขุนนางอย่างได้เปรียบเหนือกว่า จู่ๆ ก็ยิ้มออกมา “ถ้าหากพูดเรื่องคุณงามความดี เชื่อได้เลยว่าจ้าวซื่อหลางและคณะต่างไม่มีผู้ใดคัดค้านแน่ว่าเอ้อร์หนิวนั้นมีคุณงามความดีมากที่สุด”
เหล่าขุนนางหันขวับไปมองทางจ้าวซื่อหลาง
จ้าวซื่อหลางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ฝ่าบาทตรัสเช่นนี้ หรือว่าจะเล่าเรื่องคุณงามความดีที่แท้จริงของเอ้อร์หนิวออกมา
“ใต้เท้าจ้าว เจ้าพูดออกมาสิ…” ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้เอ่ยกระซิบขึ้น
“พูดอะไร…” จ้าวซื่อหลางกำลังตั้งสติ
ขุนนางชั้นผู้ใหญ่เบะปาก เอ่ยย้ำเตือน “ฝ่าบาทตรัสว่าคุณงามความดีของแม่ทัพเอ้อร์หนิวนั้นยิ่งใหญ่กว่าพวกเจ้า…”
จ้าวซื่อหลางพยักหน้า “ฝ่าบาทตรัสถูกแล้ว”
ขุนนางชั้นผู้ใหญ่แทบหายใจเสียงดังออกมา มองจ้าวซื่อหลางด้วยสายตาตกตะลึงและดูถูกเหยียดหยาม
ไม่นึกเลยว่าจ้าวซื่อหลางจะเป็นคนเช่นนี้!
จิ่งหมิงฮ่องเต้ขี้เกียจจะฟังเหล่าขุนนางก่อความวุ่นวายต่อ จึงตรัสออกไปเสียงเรียบ “อ้ายชิงทุกท่านอาจจะยังไม่รู้ ที่ชาวบ้านเมืองจิ๋นหลี่สามารถหนีออกมาก่อน หลบเลี่ยงเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้ มันไม่ใช่เพราะมีเทพเข้าฝันเตือนเยี่ยนอ๋อง แต่เป็นเพราะว่าเอ้อร์หนิวรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้น!”
เขาพูดไปพลางกวาดสายตามองไปที่อวี้จิ่น
อวี้จิ่นรู้สึกตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็อมยิ้มออกมา
รอยยิ้มนี้มาจากใจจริงครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งคือยิ้มให้จิ่งหมิงฮ่องเต้ดู
ในมุมมองของอวี้จิ่น เขาคิดว่าการยกเรื่องมีเทพมาเข้าฝันเตือนนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก
เขาไม่ได้วางแผนมาว่าจะได้อยู่ในตำแหน่งนั้น ก่อนหน้านี้ที่ดึงเรื่องนี้มาใส่ตัวก็เพราะไท่จื่อไม่ยอมทำ แต่เพื่อเหล่าประชาชนหนึ่งพันกว่าคนจึงทำได้เพียงออกโรงเอง
ใครจะคิดว่าจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมาจริงๆ ถ้าหากเรื่องตกไปอยู่กับคนที่ต้องการจะแย่งชิงตำแหน่งนั้น นี่คงเป็นความผิดมหันต์เลยก็ว่าได้
เขาไม่ได้กลัวว่าจะสร้างศัตรู แต่หากเลี่ยงได้ก็ไม่ควรสร้างศัตรูสักคน การได้อยู่กับอาซื่ออย่างสบายใจและอิสระต่างหากเป็นสิ่งที่เขาอยากได้
จิ่งหมิงฮ่องเต้ลงมือแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยตนเอง จึงทำให้ภาระของอวี้จิ่นน้อยลง แน่นอนว่าเขาดีใจ แต่อันที่จริงจะไม่แสดงความดีใจนี้ออกมาก็ได้ ใบหน้ายิ้มยิมแย้มดีใจนี้ก็เพื่อให้ฝ่าบาทสบายใจเท่านั้น
อวี้จิ่นก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันรบกวนแต่อย่างใด เพียงแต่ทอดถอนใจออกมาเล็กน้อย นั่งอยู่ที่ตำแหน่งนั้นช่างเหนื่อยเหลือเกิน…
เมื่อเห็นอวี้จิ่นยิ้มออกมาดูท่าทางพ้นทุกข์ จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็สบายใจจริงๆ นอกเหนือจากสบายใจก็รู้สึกซาบซึ้งใจเล็กน้อย
ที่เขาไม่ยอมให้เจ้าเจ็ดมีเรื่องเทพเข้ามายุ่งเกี่ยว เพราะพิจารณาขึ้นมาได้สองข้อ
หนึ่งคือจะต้องไม่คุกคามตำแหน่งองค์รัชทายาทของไท่จื่อ สองคือเพื่อผลประโยชน์ของเจ้าเจ็ด
วันหนึ่งไท่จื่อจะต้องมานั่งที่ตำแหน่งของเขา เกรงว่าความอดทนที่มีต่อพี่น้องที่มีเรื่องเทพเข้ามายุ่งเกี่ยวจะมีไม่มาก…
ไม่ว่าจะคิดอย่างไร จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็รู้สึกว่ามันมีอันตรายแฝงอยู่ เช่นนั้นแก้ไขให้กระจ่างแต่แรกเลยจะดีกว่า
ทว่าปฏิกิริยาโต้ตอบของอวี้จิ่นทำเขาปลื้มใจมากอย่างไร้ข้อสงสัย
อีกทั้งเขายังกังวลเรื่องชื่อเสียงอันจอมปลอมของเจ้าเจ็ด หากรู้สึกว่าเขาลำเอียง…อะแฮ่มอะแฮ่ม จะว่าลำเอียงก็ลำเอียงเล็กน้อย เขายอมรับ ใครใช้ให้ไท่จื่อเป็นลูกคนโตคนเดียวของเขา
แต่เขาก็หวังว่าในอนาคตเจ้าเจ็ดจะมั่นคงร่ำรวยมีเกียรติ
คำพูดของจิ่งหมิงฮ่องเต้ทำเอาเหล่าขุนทางทั้งหลายได้แต่อึ้ง
“ถ้าหากอ้ายชิงทุกท่านไม่เชื่อ สามารถถามจ้าวซื่อหลางและคณะได้”
“ใต้เท้าจ้าว มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” เหล่าขุนนางยืนล้อมจ้าวซื่อหลางพร้อมกับทยอยถาม
จ้าวซื่อหลางลุกขึ้น เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นอย่างละเอียด ละเอียดขนาดท่าทางเตือนของเอ้อร์หนิวก็บรรยายออกมาได้ละเอียดทุกเม็ด ทำเอาเหล่าขุนนางเลิกสงสัย
จิ่งหมิงฮ่องเต้รู้สึกพอใจกับคำอธิบายของจ้าวซื่อหลางมาก เขากวาดตามองเหล่าขุนนางช้าแล้วตรัสออกไป “เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เมืองจิ๋นหลี่ครานี้ อันที่จริงคุณงามความดีของจ้าวซื่อหลางและคณะนั้นก็ไม่น้อยหน้า แต่ว่าผู้ที่ได้คุณงามความดีอันดับแรกก็คือเอ้อร์หนิว ข้าไม่ได้พูดแค่เพียงครั้งเดียว มีคุณงามความดีก็ต้องปูนบำเหน็จ มีความผิดก็ต้องโดนลงทัณฑ์ เอ้อร์หนิวช่วยชีวิตชาวบ้านเมืองจิ๋นหลี่ได้นับพันกว่าคน อ้ายชิงทุกท่านดูสิว่าควรไม่ควรเลื่อนขั้นให้เอ้อร์หนิว”
เหล่าขุนนางไม่มีอะไรจะพูด ทำได้เพียงตอบออกไปอย่างจริงใจ “สมควรแล้วพ่ะย่ะค่ะ…”
จ้าวซื่อหลางแอบมองอวี้จิ่นอยู่เงียบๆ
เยี่ยนอ๋องที่ยืนรวมอยู่กับองค์ชายหลายท่านยังคงโดดเด่นสะดุดตาแตกต่างเด่นกว่าเพื่อน
ฝ่าบาทมีเจตจำจำนงที่ดี ใช้เหตุผลเรื่องที่เอ้อร์หนิวได้เลื่อนตำแหน่งมากลบเยี่ยนอ๋อง
ดูเหมือนว่า ฝ่าบาทจะรักและปกป้องเยี่ยนอ๋องมากขึ้น
จ้าวซื่อหลางดึงสายตากลับมา ในใจคิด หากเขามีลูกชายที่ยอดเยี่ยเฉกเช่นเยี่ยนอ๋อง เขาก็จะรักและปกป้องยิ่งกว่าเดิม
ส่วนไท่จื่อนั้น?
อะแฮ่มอะแฮ่ม ลูกอย่างไท่จื่อนั้นไม่มีตัวตนหรอก คลอดออกมาดูไม่เข้าท่าก็คงเอาจุ่มน้ำให้จมน้ำตายไปแล้ว…
สุดท้าย เอ้อร์หนิวก็ยังคงรักษาตำแหน่งแม่ทัพเซี่ยวเทียนไว้ได้คงเดิม และได้เลื่อนขั้นจากขุนนางขั้นห้าเป็นขุนนางขั้นสี่
เหล่าขุนนางทอดถอนหายใจออกมายกใหญ่
มีคนจำนวนไม่น้อยที่ผ่านมาครึ่งค่อนชีวิตแล้วก็ยังได้โลดโผนอยู่ใต้ตำแหน่งขุนนางขั้นสี่ ถ้าหากลูกหลานคนใดคนหนึ่งของพวกเขาได้ตำแหน่งขุนนางขั้นสี่ ทั่วทั้งวงศ์ตระกูลก็นับได้ว่ามีผู้สืบทอด แต่คาดไม่ถึงเลยว่าผลลัพธ์จะเป็นเพียงสุนัขตัวหนึ่งที่ได้กลายเป็นแม่ทัพขั้นสี่แล้ว
คิดดูช่างน่าสิ้นหวังจริงๆ
ต่อมาจิ่งหมิงฮ่องเต้ก็ได้ชื่มชมและให้รางวัลจ้าวซื่อหลางและคณะ แต่ยังไม่เลื่อนตำแหน่งให้กับจ้าวซื่อหลาง ทว่าผู้ที่มีสายตาเฉียบแหลมล้วนดูออก รอเพียงแค่เสนาบดีประจำกรมพระคลังปลดเกษียณ เดาว่าจ้าวซื่อหลางก็น่าจะเปลี่ยนเป็นเสนาบดีจ้าวแล้ว
ซื่อหลางฝ่ายซ้ายฝืนยิ้มออกมา เกลียดแค้นที่หลังจากเมืองเฉียนเหอเกิดแผ่นดินไหวขึ้นร่างกายเขาก็ไม่ค่อยสบายพอดี จึงได้พลาดโอกาสที่จะมีคุณงามความดี
อันที่จริงในใจเขาเข้าใจว่าจ้าวซื่อหลางโชคดีเป็นส่วนใหญ่
ตามธรรมเนียมปฏิบัติในการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยนั้นไม่นับว่าเป็นคุณงามความดีที่ใหญ่โตอะไร ใครใช้ให้เมืองจิ๋นหลี่เกิดแผ่นดินไหวกัน
เมืองจิ๋นหลี่เกิดแผ่นดินไหวก็ไม่นับว่าเป็นอะไร ทว่าการที่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเพียงหลักสิบ มันจึงกลายเป็นคุณงานความดีที่ยิ่งใหญ่เหนือหล้า ซึ่งอาจจะมีการบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ด้วย
โชคดีจริงๆ เลย!
ซื่อหลางฝ่ายซ้ายประจำกรมพระคลังเหลือบมองจ้าวซื่อหลางแวบหนึ่ง แล้วชำเลืองมองอวี้จิ่นต่อ ถอนหายใจออกมายาวโดยพลัน
เมื่อจิ่งหมิงฮ่องเต้ชื่มชมและให้รางวัลคนนอกเสร็จ ก็ตรัสชมอวี้จิ่นอีกสองสามประโยค และฝืนยกไท่จื่อออกมาพูดครู่หนึ่ง จากนั้นถึงได้แยกย้ายกัน
พอฉีอ๋องกลับไปถึงจวนฉีอ๋อง สีหน้าก็ขรึมลงทันที
เจ้าเจ็ดช่างโชคดีเสียจริงที่มีสุนัขฉลาดเป็นกรด
ถึงแม้เสด็จพ่อจะอธิบายแล้วว่าเรื่องที่เทพเข้าฝันเตือนเจ้าเจ็ดเป็นเรื่องที่ไม่มีมูลความจริง แต่ว่าชื่อเสียงของเจ้าเจ็ดได้เลื่องลือออกไปแล้ว แล้วจะอธิบายกับประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่พวกนั้นได้อย่างไร
ชื่อเสียงและความนิยมเช่นนี้เป็นสิ่งที่เขาใฝ่ฝันหามานานหลายปี ทว่าเจ้าเจ็ดกลับได้มาครองอย่างง่ายดาย
ฉีอ๋องอิจฉาตาร้อนจนกัดฟันกรอด ใครจะรู้ว่าผ่านไปอีกไม่กี่วัน ทางด้านอำเภอเฉียนเหอจะส่งร่มพสกนิกรมาให้สองคัน อันหนึ่งใหเจ้าวซื่อหลาง อีกอันให้เยี่ยนอ๋อง
ไม่ใช่เรื่องแปลกหากขุนนางที่มีคุณธรรมจะได้รับร่มพสกนิกรจากราษฎร แต่เป็นเรื่องแปลกที่ลูกหลานของราชวงศ์จะได้รับร่มพสกนิกร
อวี้จิ่นกลายเป็นบุคคลที่ถูกจับจ้องจากเบื้องบนและล่างของราชวงศ์ทันที เหล่าขุนนางทั้งหลายพยักหน้าเห็นด้วยเงียบๆ
ใช่ ขุนนางขั้นห้าก็แล้วไป คาดไม่ถึงเลยว่ายังจะให้เลื่อนขั้นอีก!
เมื่อตรัสออกมาแล้ว ถ้าหากว่าหลังจากนี้เจ้าสุนัขตัวนี้ได้เลื่อนขั้นอีกจะทำอย่างไร เลื่อนไปเลื่อนมาได้ขึ้นเป็นขุนนางชั้นสูงกว่าพวกเขา จะไม่กลายเป็นเรื่องตลกหรือ
ไม่ได้ ต้องหยุดไม่ให้ฝ่าบาทก่อเรื่อง!
“ฝ่าบาท เลื่อนขั้นให้สุนัขหนึ่งตัวกับให้ตำแหน่งขุนนางนั้นที่จริงมันไม่เหมาะสม ขอฝ่าบาททรงพิจารณาอีกครั้งด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ!”
“ขอฝ่าบาททรงพิจารณาอีกครั้งด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ก้มพระพักตร์รับฟังเหล่าขุนนางที่คัดค้านอย่างเอาเป็นเอาตาย พลางหัวเราะเยาะอยู่ในใจ
หึ ยังไงวันนี้ก็จะเลื่อนขั้นให้เอ้อร์หนิว
เมื่อเห็นว่าจิ่งหมิงฮ่องเต้ไม่แสดงอาการใดๆ ออกมาหลังจากที่รับฟังคำทัดทานของเหล่าขุนนาง ขุนนางท่านหนึ่งก็เดินออกมา “ฝ่าบาท กระหม่อมได้ยินมาว่าแม่ทัพเอ้อร์หนิวค้นพบเด็กผู้หญิงคนหนึ่งในเมืองจิ๋นหลี่ที่เกิดแผ่นดินไหวขึ้น แม่ทัพเอ้อร์หนิวช่วยชีวิตไว้ได้หนึ่งคน ซึ่งเป็นคุณงามความดีตามจริง แต่หากจะบอกว่าเพราะคุณงามความดีถึงได้เลื่อนตำแหน่ง มันก็เกินไปจริงๆ…หากท่านยังยึดมั่นเช่นนี้ แล้วจ้าวซื่อหลางกับคณะที่ลำบากมาหลายวันจะจัดการอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
คำพูดของขุนนางท่านนี้ดึงให้ขุนนางท่านอื่นพูดเสริมออกมาทันที
จิ่งหมิงฮ่องเต้มองเหล่าขุนนางอย่างได้เปรียบเหนือกว่า จู่ๆ ก็ยิ้มออกมา “ถ้าหากพูดเรื่องคุณงามความดี เชื่อได้เลยว่าจ้าวซื่อหลางและคณะต่างไม่มีผู้ใดคัดค้านแน่ว่าเอ้อร์หนิวนั้นมีคุณงามความดีมากที่สุด”
เหล่าขุนนางหันขวับไปมองทางจ้าวซื่อหลาง
จ้าวซื่อหลางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ฝ่าบาทตรัสเช่นนี้ หรือว่าจะเล่าเรื่องคุณงามความดีที่แท้จริงของเอ้อร์หนิวออกมา
“ใต้เท้าจ้าว เจ้าพูดออกมาสิ…” ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้เอ่ยกระซิบขึ้น
“พูดอะไร…” จ้าวซื่อหลางกำลังตั้งสติ
ขุนนางชั้นผู้ใหญ่เบะปาก เอ่ยย้ำเตือน “ฝ่าบาทตรัสว่าคุณงามความดีของแม่ทัพเอ้อร์หนิวนั้นยิ่งใหญ่กว่าพวกเจ้า…”
จ้าวซื่อหลางพยักหน้า “ฝ่าบาทตรัสถูกแล้ว”
ขุนนางชั้นผู้ใหญ่แทบหายใจเสียงดังออกมา มองจ้าวซื่อหลางด้วยสายตาตกตะลึงและดูถูกเหยียดหยาม
ไม่นึกเลยว่าจ้าวซื่อหลางจะเป็นคนเช่นนี้!
จิ่งหมิงฮ่องเต้ขี้เกียจจะฟังเหล่าขุนนางก่อความวุ่นวายต่อ จึงตรัสออกไปเสียงเรียบ “อ้ายชิงทุกท่านอาจจะยังไม่รู้ ที่ชาวบ้านเมืองจิ๋นหลี่สามารถหนีออกมาก่อน หลบเลี่ยงเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้ มันไม่ใช่เพราะมีเทพเข้าฝันเตือนเยี่ยนอ๋อง แต่เป็นเพราะว่าเอ้อร์หนิวรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้น!”
เขาพูดไปพลางกวาดสายตามองไปที่อวี้จิ่น
อวี้จิ่นรู้สึกตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็อมยิ้มออกมา
รอยยิ้มนี้มาจากใจจริงครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งคือยิ้มให้จิ่งหมิงฮ่องเต้ดู
ในมุมมองของอวี้จิ่น เขาคิดว่าการยกเรื่องมีเทพมาเข้าฝันเตือนนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก
เขาไม่ได้วางแผนมาว่าจะได้อยู่ในตำแหน่งนั้น ก่อนหน้านี้ที่ดึงเรื่องนี้มาใส่ตัวก็เพราะไท่จื่อไม่ยอมทำ แต่เพื่อเหล่าประชาชนหนึ่งพันกว่าคนจึงทำได้เพียงออกโรงเอง
ใครจะคิดว่าจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมาจริงๆ ถ้าหากเรื่องตกไปอยู่กับคนที่ต้องการจะแย่งชิงตำแหน่งนั้น นี่คงเป็นความผิดมหันต์เลยก็ว่าได้
เขาไม่ได้กลัวว่าจะสร้างศัตรู แต่หากเลี่ยงได้ก็ไม่ควรสร้างศัตรูสักคน การได้อยู่กับอาซื่ออย่างสบายใจและอิสระต่างหากเป็นสิ่งที่เขาอยากได้
จิ่งหมิงฮ่องเต้ลงมือแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยตนเอง จึงทำให้ภาระของอวี้จิ่นน้อยลง แน่นอนว่าเขาดีใจ แต่อันที่จริงจะไม่แสดงความดีใจนี้ออกมาก็ได้ ใบหน้ายิ้มยิมแย้มดีใจนี้ก็เพื่อให้ฝ่าบาทสบายใจเท่านั้น
อวี้จิ่นก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันรบกวนแต่อย่างใด เพียงแต่ทอดถอนใจออกมาเล็กน้อย นั่งอยู่ที่ตำแหน่งนั้นช่างเหนื่อยเหลือเกิน…
เมื่อเห็นอวี้จิ่นยิ้มออกมาดูท่าทางพ้นทุกข์ จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็สบายใจจริงๆ นอกเหนือจากสบายใจก็รู้สึกซาบซึ้งใจเล็กน้อย
ที่เขาไม่ยอมให้เจ้าเจ็ดมีเรื่องเทพเข้ามายุ่งเกี่ยว เพราะพิจารณาขึ้นมาได้สองข้อ
หนึ่งคือจะต้องไม่คุกคามตำแหน่งองค์รัชทายาทของไท่จื่อ สองคือเพื่อผลประโยชน์ของเจ้าเจ็ด
วันหนึ่งไท่จื่อจะต้องมานั่งที่ตำแหน่งของเขา เกรงว่าความอดทนที่มีต่อพี่น้องที่มีเรื่องเทพเข้ามายุ่งเกี่ยวจะมีไม่มาก…
ไม่ว่าจะคิดอย่างไร จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็รู้สึกว่ามันมีอันตรายแฝงอยู่ เช่นนั้นแก้ไขให้กระจ่างแต่แรกเลยจะดีกว่า
ทว่าปฏิกิริยาโต้ตอบของอวี้จิ่นทำเขาปลื้มใจมากอย่างไร้ข้อสงสัย
อีกทั้งเขายังกังวลเรื่องชื่อเสียงอันจอมปลอมของเจ้าเจ็ด หากรู้สึกว่าเขาลำเอียง…อะแฮ่มอะแฮ่ม จะว่าลำเอียงก็ลำเอียงเล็กน้อย เขายอมรับ ใครใช้ให้ไท่จื่อเป็นลูกคนโตคนเดียวของเขา
แต่เขาก็หวังว่าในอนาคตเจ้าเจ็ดจะมั่นคงร่ำรวยมีเกียรติ
คำพูดของจิ่งหมิงฮ่องเต้ทำเอาเหล่าขุนทางทั้งหลายได้แต่อึ้ง
“ถ้าหากอ้ายชิงทุกท่านไม่เชื่อ สามารถถามจ้าวซื่อหลางและคณะได้”
“ใต้เท้าจ้าว มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” เหล่าขุนนางยืนล้อมจ้าวซื่อหลางพร้อมกับทยอยถาม
จ้าวซื่อหลางลุกขึ้น เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นอย่างละเอียด ละเอียดขนาดท่าทางเตือนของเอ้อร์หนิวก็บรรยายออกมาได้ละเอียดทุกเม็ด ทำเอาเหล่าขุนนางเลิกสงสัย
จิ่งหมิงฮ่องเต้รู้สึกพอใจกับคำอธิบายของจ้าวซื่อหลางมาก เขากวาดตามองเหล่าขุนนางช้าแล้วตรัสออกไป “เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เมืองจิ๋นหลี่ครานี้ อันที่จริงคุณงามความดีของจ้าวซื่อหลางและคณะนั้นก็ไม่น้อยหน้า แต่ว่าผู้ที่ได้คุณงามความดีอันดับแรกก็คือเอ้อร์หนิว ข้าไม่ได้พูดแค่เพียงครั้งเดียว มีคุณงามความดีก็ต้องปูนบำเหน็จ มีความผิดก็ต้องโดนลงทัณฑ์ เอ้อร์หนิวช่วยชีวิตชาวบ้านเมืองจิ๋นหลี่ได้นับพันกว่าคน อ้ายชิงทุกท่านดูสิว่าควรไม่ควรเลื่อนขั้นให้เอ้อร์หนิว”
เหล่าขุนนางไม่มีอะไรจะพูด ทำได้เพียงตอบออกไปอย่างจริงใจ “สมควรแล้วพ่ะย่ะค่ะ…”
จ้าวซื่อหลางแอบมองอวี้จิ่นอยู่เงียบๆ
เยี่ยนอ๋องที่ยืนรวมอยู่กับองค์ชายหลายท่านยังคงโดดเด่นสะดุดตาแตกต่างเด่นกว่าเพื่อน
ฝ่าบาทมีเจตจำจำนงที่ดี ใช้เหตุผลเรื่องที่เอ้อร์หนิวได้เลื่อนตำแหน่งมากลบเยี่ยนอ๋อง
ดูเหมือนว่า ฝ่าบาทจะรักและปกป้องเยี่ยนอ๋องมากขึ้น
จ้าวซื่อหลางดึงสายตากลับมา ในใจคิด หากเขามีลูกชายที่ยอดเยี่ยเฉกเช่นเยี่ยนอ๋อง เขาก็จะรักและปกป้องยิ่งกว่าเดิม
ส่วนไท่จื่อนั้น?
อะแฮ่มอะแฮ่ม ลูกอย่างไท่จื่อนั้นไม่มีตัวตนหรอก คลอดออกมาดูไม่เข้าท่าก็คงเอาจุ่มน้ำให้จมน้ำตายไปแล้ว…
สุดท้าย เอ้อร์หนิวก็ยังคงรักษาตำแหน่งแม่ทัพเซี่ยวเทียนไว้ได้คงเดิม และได้เลื่อนขั้นจากขุนนางขั้นห้าเป็นขุนนางขั้นสี่
เหล่าขุนนางทอดถอนหายใจออกมายกใหญ่
มีคนจำนวนไม่น้อยที่ผ่านมาครึ่งค่อนชีวิตแล้วก็ยังได้โลดโผนอยู่ใต้ตำแหน่งขุนนางขั้นสี่ ถ้าหากลูกหลานคนใดคนหนึ่งของพวกเขาได้ตำแหน่งขุนนางขั้นสี่ ทั่วทั้งวงศ์ตระกูลก็นับได้ว่ามีผู้สืบทอด แต่คาดไม่ถึงเลยว่าผลลัพธ์จะเป็นเพียงสุนัขตัวหนึ่งที่ได้กลายเป็นแม่ทัพขั้นสี่แล้ว
คิดดูช่างน่าสิ้นหวังจริงๆ
ต่อมาจิ่งหมิงฮ่องเต้ก็ได้ชื่มชมและให้รางวัลจ้าวซื่อหลางและคณะ แต่ยังไม่เลื่อนตำแหน่งให้กับจ้าวซื่อหลาง ทว่าผู้ที่มีสายตาเฉียบแหลมล้วนดูออก รอเพียงแค่เสนาบดีประจำกรมพระคลังปลดเกษียณ เดาว่าจ้าวซื่อหลางก็น่าจะเปลี่ยนเป็นเสนาบดีจ้าวแล้ว
ซื่อหลางฝ่ายซ้ายฝืนยิ้มออกมา เกลียดแค้นที่หลังจากเมืองเฉียนเหอเกิดแผ่นดินไหวขึ้นร่างกายเขาก็ไม่ค่อยสบายพอดี จึงได้พลาดโอกาสที่จะมีคุณงามความดี
อันที่จริงในใจเขาเข้าใจว่าจ้าวซื่อหลางโชคดีเป็นส่วนใหญ่
ตามธรรมเนียมปฏิบัติในการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยนั้นไม่นับว่าเป็นคุณงามความดีที่ใหญ่โตอะไร ใครใช้ให้เมืองจิ๋นหลี่เกิดแผ่นดินไหวกัน
เมืองจิ๋นหลี่เกิดแผ่นดินไหวก็ไม่นับว่าเป็นอะไร ทว่าการที่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเพียงหลักสิบ มันจึงกลายเป็นคุณงานความดีที่ยิ่งใหญ่เหนือหล้า ซึ่งอาจจะมีการบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ด้วย
โชคดีจริงๆ เลย!
ซื่อหลางฝ่ายซ้ายประจำกรมพระคลังเหลือบมองจ้าวซื่อหลางแวบหนึ่ง แล้วชำเลืองมองอวี้จิ่นต่อ ถอนหายใจออกมายาวโดยพลัน
เมื่อจิ่งหมิงฮ่องเต้ชื่มชมและให้รางวัลคนนอกเสร็จ ก็ตรัสชมอวี้จิ่นอีกสองสามประโยค และฝืนยกไท่จื่อออกมาพูดครู่หนึ่ง จากนั้นถึงได้แยกย้ายกัน
พอฉีอ๋องกลับไปถึงจวนฉีอ๋อง สีหน้าก็ขรึมลงทันที
เจ้าเจ็ดช่างโชคดีเสียจริงที่มีสุนัขฉลาดเป็นกรด
ถึงแม้เสด็จพ่อจะอธิบายแล้วว่าเรื่องที่เทพเข้าฝันเตือนเจ้าเจ็ดเป็นเรื่องที่ไม่มีมูลความจริง แต่ว่าชื่อเสียงของเจ้าเจ็ดได้เลื่องลือออกไปแล้ว แล้วจะอธิบายกับประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่พวกนั้นได้อย่างไร
ชื่อเสียงและความนิยมเช่นนี้เป็นสิ่งที่เขาใฝ่ฝันหามานานหลายปี ทว่าเจ้าเจ็ดกลับได้มาครองอย่างง่ายดาย
ฉีอ๋องอิจฉาตาร้อนจนกัดฟันกรอด ใครจะรู้ว่าผ่านไปอีกไม่กี่วัน ทางด้านอำเภอเฉียนเหอจะส่งร่มพสกนิกรมาให้สองคัน อันหนึ่งใหเจ้าวซื่อหลาง อีกอันให้เยี่ยนอ๋อง
ไม่ใช่เรื่องแปลกหากขุนนางที่มีคุณธรรมจะได้รับร่มพสกนิกรจากราษฎร แต่เป็นเรื่องแปลกที่ลูกหลานของราชวงศ์จะได้รับร่มพสกนิกร
อวี้จิ่นกลายเป็นบุคคลที่ถูกจับจ้องจากเบื้องบนและล่างของราชวงศ์ทันที