บทที่ 427-2 รอดชีวิต (2)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 427 รอดชีวิต (2)

เซียวลิ่วหลังที่โดนกดจุดตายอยู่ในสภาพทั้งขยับตัวและพูดไม่ได้

แถบผ้าที่ปิดตาของเขาถูกฉีกออก และในพริบตาต่อมา มีอะไรบางอย่างเย็นๆ แนบเข้ามาบนใบหน้าของเขา

มันคือหน้ากากหนังคนนี่เอง

หน้ากากหนังคนที่ว่าเป็นแค่ชื่อเฉยๆ ไม่ได้ทำมาจากหนังคน แต่ทำมาจากหนังปลาและผ่านกรรมวิธีต่างๆ จนมีลักษณะคล้ายกับหนังคน

ถ้ามองใกล้ๆ อาจดูออกว่าใส่หน้ากากอยู่ แต่ถ้ามองอย่างผิวเผินจากระยะไกลอย่างไรก็ไม่มีทางดูออก

ทหารองครักษ์เองคงคาดไม่ถึงว่าพวกโจรจะใช้วิธีร้ายกาจเช่นนี้ สุดท้ายก็ผ่านประตูเมืองออกไปอย่างง่ายดาย

“ท่านพี่ แย่แล้ว พวกทหารทางการออกนอกเมืองมาด้วย! พวกนั้นตามพวกเรามาด้วย!” โจรคนแรกหันไปมองเบื้องหลังไกลๆ แล้วเจอกับกลุ่มทหารที่ตามมาทางเดียวกัน

โจรคนที่สองขมวดคิ้ว หันไปทางเซียวลิ่วหลัง พลางเอ่ย “ไม่เร็วขนาดนั้นหรอกกระมัง…เอาเถอะ พวกนั้นอาจไม่ได้ตามเขามาก็ได้ พวกเราระวังไว้ก็พอ”

“แล้วพวกเราจะยังทำตามแผนเดิมหรือไม่” โจรคนแรกเอ่ยถาม

โจรคนที่สองพยายามหาทางด้วยความระมัดระวัง “ไปทางรอง!”

พวกเขาเลือกที่จะเดินเส้นทางที่ผ่านหมู่บ้านเล็กๆ รอจังหวะให้กลุ่มทหารเคลื่อนตัวออกไปถึงจะกลับไปวิ่งทางหลักเหมือนเดิม

โจรคนแรกเอ่ยขึ้น “วิ่งช้าๆ หน่อย เดี๋ยวก็ได้เจอกับพวกทหารทางการพอดี”

ไม่ว่ายังไงก็รู้สึกได้ว่าทหารกลุ่มนั้นต้องมาตามจับพวกเขาแน่นอน!

โจรคนที่สองถึงกับคิดหนัก

ไหนว่าแค่ให้ลักพาตัวข้าราชการจนๆ มาไง ไม่มีใครสนใจออยู่แล้ว ไฉนถึงได้มีทหารองครักษ์ตามมาเต็มไปหมด

“ท่านพี่ ท่านพี่! คนของทางการ!” โจรคนแรกหันไปมองหลังรถ เห็นคนและม้ากลุ่มหนึ่งกำลังตามมา

เป็นหย่าเหมินสี่คนอยู่บนม้า พร้อมกับรถเกวียนนักโทษ ซึ่งในนั้นมีนักโทษคนหนึ่ง อยู่ในชุดเครื่องแบบนักโทษ มือและเท้าถูกใส่กุญแจมือ

จู่ๆ โจรคนที่สองก็บรรเจิดความคิดขึ้น “ปล้นเกวียนนักโทษกัน!”

พวกโจรทั้งสี่คนรุมเข้าทำร้ายหย่าเหมินสี่คนและโยนร่างพวกเขาทิ้งไว้กอหญ้าริมทาง

“ไปเปิดเกวียนเร็ว” โจรคนที่สองโยนกุญแจเกวียนให้โจรคนแรก

โจรคนแรกเปิดประตูออกแล้วเอ่ยกับนักโทษที่นั่งอยู่ข้างใน “เอาละ เจ้าเป็นอิสระแล้ว”

นักโทษ ‘ขอบคุณนะ แต่ข้าไม่ได้อยากออกไป’

โจรใช้วิธีขู่เข็ญสารพัดจนนักโทษออกมา อีกทั้งขโมยเสื้อผ้าของนักโทษและกุญแจมือให้เซียวลิ่วหลังสวมใส่

ท่าทีของโจรไร้ซึ่งความเบามือใดๆ เซียวลิ่วหลังที่ตอนแรกมือเป็นแผลและเลือดได้หยุดไหลไปแล้ว พอเจอแบบนี้เข้าแผลเลยเกิดถลอกขึ้นอีกครั้งจนเลือดเริ่มไหลนอง

โจรคนที่สองเห็นเข้าก็ถึงกับดุด่าโจรคนแรก “ระวังหน่อยสิ! ทำคนเขาตายก่อนเดี๋ยวก็ไม่ได้เงินหรอก! รีบหาอะไรพันมือเขาเร็วเข้า!”

โจรคนแรกคิด แล้วจะให้เอาอะไรมาพันเล่า

จากนั้นก็ดึงเศษเสื้อของเซียวลิ่วหลังมาพันอย่างลวกๆ

พวกโจรเปลี่ยนเสื้อเป็นชุดของศาลาว่าการ ขี่ม้าของศาลาว่าการ และมุ่งหน้าไปยังที่หมาย

แผลของเซียวลิ่วหลังยังคงมีเลือดซึมออกมาเรื่อยๆ ด้วยความที่เขาถูกกดจุด เลยไม่สามารถพันแผลให้ดีได้

ขณะที่พวกเขากำลังเดินทาง ก็สวนกับใต้เท้าจ้าวที่กำลังมุ่งหน้ากลับเมืองหลวง

ใต้เท้าจ้าวเองก็เป็นคนที่ร่วมการสอบหกกรมในครั้งนี้ เซียวลิ่วหลังเป็นหนึ่งในกรรมการสอบ ดังนั้นพวกเขาเคยพบหน้ากัน

เซียวลิ่วหลังพยายามส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือกับใต้เท้าจ้าว

อาจเป็นเพราะทักษะกดจุดของโจรยังไม่ดีนัก ตอนนี้เซียวลิ่วหลังเริ่มจะขยับตัวได้เล็กน้อยแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าท่าทีของเขาจะดึงดูดความสนใจของใต้เท้าจ้าวได้มากพอหรือไม่

เกวียนสั่นสะเทือนขึ้น เขาเหวี่ยงตัวไปข้างหน้าอย่างแรง ดูราวกับว่าเขาล้มลงเพราะแรงสั่น

ไหล่และศีรษะของเขากระแทกกับเกวียนอย่างแรง เสียงนั้นทำให้ใต้เท้าจ้าวตกใจจนถึงกับเปิดม่านออก แต่เขาแค่มองผ่านแวบเดียวเท่านั้น แล้วปิดม่านลง

เห็นได้ชัดว่าใต้เท้าจ้าวไม่ได้ตั้งใจจะยุ่งกับธุระของคนอื่น

และพวกเขาก็สวนกันไปแบบนั้น

ความหวังสุดท้ายของเซียวลิ่วหลังได้มอดดับลง

นี่อาจเป็น…ความหวังสุดท้ายแล้วจริงๆ

เพราะว่าพวกเขาเริ่มเข้าใกล้ที่หมายแล้ว

“ท่านพี่ ดูสิ! พวกเราใกล้ถึงแล้ว! อยู่ข้างหน้านี้แล้ว!” โจรคนแรกดีใจเสียจนแทบจะเร่งม้าเข้าไปใกล้ๆ

“อย่าเสียงดังไป ระวังทหารจะได้ยินเข้า!” โจรคนที่สองเอ็ด

“จริงด้วย! จะให้พวกทหารรู้ไม่ได้!” โจรคนแรกหัวเราะแห้งๆ แล้วเงียบลง

และแล้วพวกเขาเดินทางมาถึงทางแยกที่เป็นทางหลัก แต่พวกเขาเลือกที่จะใช้ทางรอง

ในตอนนั้นเอง มีรถม้าอีกคันขับมาจากอีกทางหนึ่งของถนน

เซียวลิ่วหลังกวาดตามองแค่แวบเดียวเท่านั้นก็พลันนิ่งไปทั้งตัว

เขาไม่สนอีกต่อไปว่าตัวเองขยับตัวได้แล้ว เขาพยายามเบือนหน้าหนี ก้มหน้าลง พยายามไม่ให้อีกฝ่ายเห็นตัวเอง

และเขาก็ลืมไปเสียสนิทเลยว่าตัวเองกำลังใส่หน้ากากอยู่

ไม่มีทางดูออกแน่นอนว่าเขาเป็นใคร

“องค์หญิงเพคะ เบื้องหน้ามีรถนักโทษเพคะ” บนรถม้า อวี้จิ่นเอ่ยกับองค์หญิงซิ่นหยาง

“เช่นนั้นก็ขับช้าลงหน่อย ให้รถนักโทษไปก่อน” องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ย

“เพคะ” อวี้จิ่นน้อมรับ จากนั้นเปิดม่านแล้วเอ่ยกับสารถี “ขับช้าลงหน่อย”

สารถีค่อยๆ ดึงบังเหียนเพื่อให้รถม้าเคลื่อนตัวช้าลง

หลังจากรถนักโทษขับออกไป ก็กลับมาใช้ความเร็วตามปกติ

หลงอีเองก็ควบม้าประกบขบวนรถองค์หญิง

แต่ทันใดนั้น หลงอีก็เกิดหยุดกลางคัน

พอไร้ซึ่งเสียงเกือกม้าของหลงอี องค์หญิงซิ่นหยางย่นคิ้วลง เปิดม่านออก ก็พบว่าไม่เห็นเงาของหลงอีแล้ว

“หยุดรถ” องค์หญิงซิ่นหยางออกคำสั่ง

“ขอรับ”

องค์หญิงซิ่นหยางสั่งให้อวี้จิ่นเปิดหน้าต่างด้านหลังรถม้า

อวี้ติ่นเปิดหน้าต่างออก

ก็เห็นภาพหลงอีหยุดยืนอยู่ที่บริเวณทางแยก จ้องไปที่เกวียนคุมขังโดยไม่กระพริบตา

องค์หญิงมองไปที่รถคุมขัง พลางเอ่ย “ไปกันเถอะหลงอี”

แต่หลงอีไม่ขยับ

ในเกวียนนักโทษ เลือดจากบาดแผลของเซียวลิ่วหลังไหลลงมาเรื่อยๆ

จนเปื้อนพื้นถนน

หลงอีลงจากม้า

“ห้ามไปยุ่งกับรถนักโทษนะ!” องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยเสียงแข็ง

ทหารหลงอิ่งจะไม่ขัดคำสั่งเจ้านายของเขา ในเมื่อองค์หญิงห้ามไม่ให้เขาเคลื่อนย้ายรถนักโทษ ดังนั้นเขาจึงไม่ทำเช่นนั้นจริงๆ

ในวินาทีต่อมา หลงอีชักดาบ ชั่วพริบตาเดียวโจรทั้งสี่ก็ถูกสังหารทันที!

หลังจากหลงอีเก็บดาบลง ก็เดินไปและคว้ากรงที่มีร่างของเซียวลิ่วหลังอยู่ในนั้นออกมา

องค์หญิงมองหลงอีด้วยสายตาขุ่นเคือง

เขากลอกตาไปมา ด้วยความถือมือไม่ว่าง ก็เลยใช้เท้าเตะไปที่รถม้า

ราวกับกำลังจะบอกองค์หญิงว่า

นี่ไง รถก็ยังอยู่ตรงนี้ ข้าไม่ได้ขยับมันเลย

ที่ข้าแตะต้อง คือตัวกรงต่างหาก