บทที่ 536 อาหารค่ำส่งท้ายปีเก่า

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 536 อาหารค่ำส่งท้ายปีเก่า

บทที่ 536 อาหารค่ำส่งท้ายปีเก่า

หลายปีที่ผ่านมา เราได้แต่แอบมาเยี่ยมหลุมศพแต่ปีนี้พวกนโยบายเปิดกว้างขึ้นแล้ว หลาย ๆ ครอบครัวเลยมาเคารพหลุมศพได้

คุณปู่ซูก็พาลูกหลานมาด้วย

เฉินจื่ออันไม่เต็มใจโดนทิ้งไว้ แม้เขาจะไม่จำเป็นต้องไปแต่ก็ยังอุ้มลูกตามมาด้วย วันเวลาดี ๆ แบบนี้ต้องให้บรรพบุรุษได้เห็นเฉินซิ่วหย่วน!

กระดาษเงินกระดาษทองพวกนั้นถูกเผาภายใต้แสงระเรื่อยามอาทิตย์อัสดง ประกายไฟอันงดงามที่พวยพุ่งออกมา ทำให้ใบหน้าของคุณปู่ซูแดงเหมือนกับฉากด้านหลัง

ชายชราเอ่ยด้วยอารมณ์ความรู้หลากหลาย “หลายปีที่ผ่านบรรพบุรุษต้องอยู่ในนั้นด้วยความคับแค้นใจ”

“ไม่เป็นไรนะพ่อ หลังจากนี้ชีวิตเราจะง่ายขึ้นแล้ว!”

เหล่าต้า แค่ไม่รู้ว่าประโยคที่เขาพูดออกไปนั้นหมายถึงชีวิตของคนเป็น หรือคนตายกันแน่!

หลังจากที่เยี่ยมหลุมศพบรรพบุรุษทีละคนเสร็จ จู่ ๆ คุณปู่ซูยอบกายลงแล้ววาดวงกลมเล็ก ๆ ข้างพื้นที่ฝังศพของตระกูลเรา

เหล่าเอ้อร์กำลังจะถามแต่พี่ชายห้ามไว้

“เพื่อน้องเล็ก!”

ชายชราไม่พูดอะไรเลย ได้แต่จุดเผากองกระดาษ ก่อนผุดลุกขึ้นและเดินกลับบ้าน คนอื่น ๆ ต่างนิ่งงับเงียบไปเพราะไม่รู้ควรเอ่ยสิ่งใดดี

พวกเราเดินลงเขาตามชายชรามาเงียบ ๆ แต่พี่ชายทั้งสามของบ้านซูมองไปที่วงเล็ก ๆ วงนั้นอยู่บ่อยครั้ง เรากลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ขาดก็แต่น้องเล็กแค่คนเดียว

ถ้าจะบอกไม่เสียใจก็คงโกหก…

เธอจากเราไปแล้ว ไม่ว่าตอนนั้นจะทำเรื่องแย่แค่ไหน แค่เราจะค่อย ๆ ลืมเลือนไปตามกาลเวลา มีเพียงความคิดที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ วัน ไม่รู้ชีวิตน้องเล็กในหลุมจะดีหรือเปล่า! นิสัยเปลี่ยนไปบ้างหรือยังนะ?

ครอบครัวเราดีขนาดนี้ ทำไมสุดท้ายถึงลงเอยแบบนั้นนะ? ถ้าเราเกลี้ยกล่อมน้องได้ตั้งแต่คราวแรก คงไม่เดินมาถึงจุดนี้สินะ?

พอเห็นสภาพจิตใจคุณปู่ไม่ค่อยดี เด็ก ๆ ก็หาทางทำให้แกหัวเราะ แต่ชายชราเข้าใจความคิดพวกเขาดี จึงเอ่ยตอบว่า “ปู่ไม่เป็นไร กลับบ้านไปปลอบย่าแกเถอะ!”

จิตใจยายแก่นั่นต้องแย่กว่านี้อีกใช่ไหมล่ะ? ดูเผิน ๆ เหมือนจะบอกว่าไปบูชาราชามังกร แต่จริง ๆ แอบไปเผากระดาษให้ลูกด้วย

ตอนทุกคนมาถึงคุณย่าซูกลับมาก่อนแล้ว เห็นได้ชัดว่าดวงตาคู่นั้นแดงก่ำเล็กน้อย

เสี่ยวเถียนไปกับย่า เธอเพิ่งรู้ว่าย่าไม่ได้ไปแค่บูชาราชามังกรเท่านั้น แต่ยังแอบเผากระดาษให้อาเล็กด้วย แล้วก็ร้องไห้อยู่พักหนึ่ง

สุดท้ายเสี่ยวเถียนก็กล่อมให้แกกลับบ้าน

โชคดีที่ย่ารู้ว่าเวลาแบบนี้ไม่ควรพูดเรื่องเศร้า ๆ พอเห็นสามีและลูกหลานกลับมา ใบหน้าก็มีรอยยิ้มประดับ

“ย่า ปีนี้บ้านเราของกินส่งท้ายปีเก่าเยอะเลยนะคะ?” เสี่ยวเถียนเอ่ยเบา ๆ

หญิงชรามองของอร่อยบนโต๊ะ รอยยิ้มบนใบหน้าจริงจังขึ้นมา

หลายปีมาแล้วนะ โอ๊ะ ไม่สิ บ้านเราไม่เคยมีปีที่เฟื่องฟูไปด้วยของกินขนาดนี้มาก่อน

“รู้นะว่าจะพูดไร้สาระน่ะ รีบไปเตรียมกินข้าวดีกว่าไหม?”

คุณย่าซูดีดหน้าผากหลานสาว

เสี่ยวเถียนทำท่าจะล้มไปข้างหลัง จากนั้นก็รีบไปหยิบตะเกียบ

รอบนี้เรากลับมาหงซินช้า แถมยังต้องกลับไปเมืองหลวงไวอีกด้วย เพราะงั้นแม้จะเตรียมอาหารไว้หลายอย่าง แต่อาหารหลักมีน้อยมาก โชคดีที่บางคนที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันรู้เรื่องนี้ดี จึงเอาซาลาเปานึ่งและแป้งทอดมาให้บางส่วน

คุณย่าซูจัดจานใบใหญ่ก่อนเอามาที่โต๊ะ

มีโต๊ะใหญ่สองตัว บนเตียงเตาหนึ่งและบนพื้นอีกหนึ่ง เหมือนกับปีก่อน ๆ บนเตียงเตามีผู้อาวุโส

ตำแหน่งหัวโต๊ะคุณปู่และคุณย่าซู ถัดจากชายชราคือเสี่ยวเถียน ส่วนเฉินซิ่วหย่วนอยู่ถัดจากหญิงชรา

หม่านซิ่วนั่งต่อจากนั้นเพราะต้องคอยดูแลลูกชายอยู่แล้ว แล้วก็มีลูกสะใภ้ทั้งสามที่นั่งสลับ ๆ กัน

ทางฝั่งเสี่ยวเถียนคือเฉินจื่ออันและพี่ชายทั้งสามของบ้านซู ส่วนเด็กคนอื่น ๆ นั่งโต๊ะอีกตัว ไม่มีกฎเกณฑ์อะไร เพราะฉะนั้นจะนั่งตรงไหนก็ได้

พวกเรานั่งล้อมโต๊ะ บนนั้นมีอาหารสิบอย่างของเสี่ยวเถียน สมบูรณ์แบบมาก

ที่น่าสนใจคือกลางโต๊ะคือหัวหมูตุ๋น หัวหมูทั้งหัว แบ่งครึ่งกันโต๊ะและซีก

ฝีมือการใช้มีดของคุณย่าประณีตมาก หัวหมูนั้นถึงจะถูกหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แต่ไม่เละเลย เสี่ยวเถียนโรยพริกแดงฝอยใส่เป็นพิเศษ โดยบอกว่าเป็นสัญลักษณ์ของโชคลาภเป็นหนึ่ง

อันที่จริงคุณย่าซูไม่ชอบหัวหมูมาก แต่พอได้ยินคำว่าโชคลาภเป็นหนึ่งสี่คำนี้ แกก็ไม่พูดอะไรอีก

นอกจากนี้เรายังยังมีปลานึ่ง แกะตุ๋นน้ำใส เนื้อผัดน้ำแดง หมูก้อนผัดเปรี้ยวหวาน ไส้ใหญ่ผัดแห้ง ผัดตับ เคาหยกหน้าหนาว ไก่ป่าตุ๋นน้ำใส กระต่ายผัดถั่วลิสง และเนื้อกวางหมักเครื่องเทศทั้งสาม

อาหารทั้งสิบจานเป็นอาหารจานเนื้อทั้งหมด แค่เห็นก็เลี่ยนแล้ว

เสี่ยวเถียนวานให้ย่าทำอาหารจานเย็นเมนูผักมาอีก ก่อนจะบอกว่าแต่ละจานเป็นตัวแทนของแต่ละเดือน ทั้งสิบสองเมนูกำลังพอดี

ตลกแล้ว ถ้าให้กินหมดนี้ ต่อให้มันอร่อยแค่ไหนก็ตามจะไปกินไหวหรือ?

คุณย่าซูที่รักหลานสาวมากทำมาเพิ่มอีกสองจาน และทั้งหมดก็จบลงเท่านี้

แต่หญิงชรากลับบ่นพร่ำ “ลูกเอ๋ย เรื่องดีไม่ดีก็พูดไปแล้ว เรื่องอาหารอุดมสมบูรณ์ก็ด้วย อาหารแต่ละจานแทนแต่ละเดือนก็ด้วย หรือว่าปีหน้าจะมีสองเดือนที่เราจะเป็นกระต่ายหรือ กินแต่ผักน่ะ?”

พอฟังคำบ่นทุกคนก็หัวเราะ

“ย่าคะ ต่อให้ย่าทำมาสิบสาม สิบสี่ สิบห้า สิบหก สิบเจ็ด สิบแปดจาน หนูหาคำมงคลมาให้ได้ค่ะ”

ใบหน้าเสี่ยวเถียนมีรอยยิ้มสดใส

“เอาเถอะ งั้นปีหน้าบ้านเราทำสิบหกจานเลยแล้วกัน!” คุณย่าซูมีความสุขมาก รอยยิ้มแย้มสดใสขึ้นเรื่อย ๆ

เด็กสาวรู้ว่าต่อให้ทำปีนี้ก็เป็นไปไม่ได้

เราทำอาหารมาตั้งเยอะตั้งแต่ แต่ของทะเลที่สองสามีภรรยาเฉินเอามายังไม่ได้เอามาร่วมวงด้วยเลย

ส่วนคุณปู่ซูก็เจอสุราล้ำค่าของตัวเองเสียที ก่อนเขาจะรินใส่แก้วให้ทุก ๆ คน

“พ่อครับ พูดสักหน่อยก่อนดื่มไหม?” เฉินจื่ออันแนะนำ

“ฉันก็ไม่มีอะไรให้พูดะเยอะหรอก ปีนี้บ้านเราสุขสบายแค่นี้ก็วางใจแล้ว และก็หวังว่าปีหน้าจะดีแบบนี้ต่อไป ดีแบบนี้ไปทุก ๆ ปีเลย” ประโยคที่เขากล่าวนั้นแสนเรียบง่ายแต่แสดงความในใจออกมาทั้งหมด

ทุกคนยิ้มก่อนจะเอ่ยบ้าง ระหว่างนั้นพวกเด็ก ๆ ก็ทะเลาะเรื่องที่ว่ากินข้าวเสร็จแล้วจะขอเงินนำโชคอะไรทำนองนั้น

บรรยากาศภายในห้องอบอุ่นกันมาก

ซูซานที่สวมเสื้อบุนวมเดินมาถึงประตูบ้านผู้เฒ่าซู เขาสวมหมวกและยืนฟังอยู่พักหนึ่ง

ความตื่นเต้นพวกนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา

ความสัมพันธ์ที่เคยแน่นเเฟ้นของสองพี่น้องแปรเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรนะ?

เขาถอดถอนหายใจ แล้วเดินกลับบ้านช้า ๆ ด้วยก้าวอันหนักอึ้ง

ฝั่งคนในบ้าน ความจอแจยังคงดำเนินต่อไป

“เนื้อกวางในเมืองหลวงหายากมากเลยนะ” ชายชรากัดเนื้อกวางหนึ่งคำ แล้วเอ่ยออกด้วยความซาบซึ้ง

“จริงครับ เนื้อกวางในเมืองจะเลี้ยงในฟาร์มทั้งนั้น ไม่มีรสชาติแบบนี้หรอกครับ” จื่ออันตอบ

เสี่ยวเถียนกำลังคิดว่าอีกหลายปีข้างหน้า เราคงไม่สามารถกินแบบนี้ได้อีกแล้ว เพราะสัตว์บนเขาจะกลายเป็นสัตว์คุ้มครอง ไม่สามารถกินได้อีก

“รอบนี้เรารีบร้อนกลับมาหน่อย เลยไม่ได้บอกปู่ต่งเลย เขาน่าจะเคืองเราพอตัว!”

ตอนที่คุณปู่ซูหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูด ทุกคนก็ได้แต่ตกใจ

กินข้าวดี ๆ อยู่แท้ ๆ ทำไมพูดเรื่องนี้ล่ะ?