บทที่ 538 ลุงหลี่ปกป้องอย่างดี

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 538 ลุงหลี่ปกป้องอย่างดี

บทที่ 538 ลุงหลี่ปกป้องอย่างดี

เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงได้ยินเสี่ยวเซิ่งจื่อบอกว่ากลัว เขาจึงรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย “เช่นนั้นเจ้าก็หลีกทางไปเสีย!”

ครั้นได้ยินคำพูดของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียง เสี่ยวเซิ่งจื่อก็หัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน “ล้อเล่นน่ะ! ประตูห้องเถ้าแก่ร้านของข้า แม้แต่เจ้าเมืองของเมืองรุ่ยเสียนก็มิอาจเข้าออกได้ตามใจชอบโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของร้าน! ท่าน… เป็นเพียงหัวหน้าหมู่บ้าน ยังยิ่งใหญ่กว่าเจ้าเมืองอีกหรือ?”

เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงได้ยินเช่นนี้ เขาก็เบิกตากว้าง ใบหน้าซีดเผือด แม้ว่าในใจของเขาจะมีไฟลุกโชนและต้องการตบเสี่ยวเฉิงจื่อ แต่เมื่อนึกถึงตัวตนของหลี่ฝาน เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสะกดไฟโทสะในใจลง และยืนรออยู่ข้าง ๆ อย่างโมโห!

หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานเข้ามาก็เห็นหลี่ฝานกำลังรอนางอยู่!

โดยไม่ได้พูดไร้สาระ ทั้งสองพูดเรื่องนี้อย่างไม่อ้อมค้อมทันที “เสี่ยวหวาน เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือ?”

เมื่อครู่ หลี่ฝานได้ยินเสี่ยวเซิ่งจื่อบอกว่ากู้เสี่ยวหวานกล่าวว่า หากคนตระกูลกุ้ยทำเกินไป พวกเขาจะเปิดเผยความจริงทุกอย่าง และรอดูว่าเวลานั้น กุ้ยชุนเจียวจะทำอย่างไร! หากแต่หลี่ฝานไม่ต้องการเช่นนี้!

เพราะอะไรน่ะหรือ?

ย่อมเป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้กู้เสี่ยวหวานสร้างศัตรู!

ลำพังตระกูลกุ้ย หลี่ฝานไม่ได้เกรงกลัวหรือนึกแยแส

แม้หลี่ฝานจะไม่หวาดกลัวกุ้ยซื่อ แต่เขาเกรงว่ากู้เสี่ยวหวานจะถูกลากไปเกี่ยวข้องจนบาดเจ็บไปด้วย!

เมื่อครู่ ในใจหลี่ฝานเต็มไปด้วยความคิดมากมาย แต่เขามีความตั้งใจเดียวคือเขาสามารถทนทุกข์ได้ แต่เขาต้องไม่ปล่อยให้ครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานเกิดเรื่องใด ๆ

“ท่านลุงหลี่ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะข้า ถ้าข้าไม่ใจดีไปช่วยกุ้ยชุนเจียว ข้าย่อมไม่ลากท่านมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตอนนี้ข้ามีเพียงความคิดเดียวเท่านั้นคือ ถ้าคนจากตระกูลกุ้ยกล้าที่จะข่มขู่ท่าน ข้าจะจัดการพวกเขาอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นข้าจะบอกความจริงให้หมดว่าอะไรเป็นอะไร!” ในใจกู้เสี่ยวหวานนึกเกลียดชังยิ่งนัก นางพูดลอดไรฟัน

หลี่ฝานส่ายหัว เขามองไปที่กู้เสี่ยวหวานและพูดด้วยความลำบากใจว่า “เสี่ยวหวาน เรื่องนี้เดิมทีไม่ควรโทษเจ้า หากการทำดีเป็นบาป เกรงว่าโลกนี้คงไม่มีคนกล้าทำดีอีก!”

หลี่ฝานรู้จักนิสัยของกู้เสี่ยวหวาน เด็กคนนี้มักจะมีความดื้อรั้นที่จะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้หรือยอมจำนนต่อโชคชะตา นอกจากนี้ยังมีความไร้เดียงสาและความเมตตา สิ่งเหล่านี้ล้วนได้รับการชื่นชมและให้คุณค่าจากหลี่ฝาน

ดังนั้นเมื่อหลี่ฝานถูกกู้เสี่ยวหวานขอร้องให้ช่วยรักษาชื่อเสียงของเด็กสาวผู้นั้น หลี่ฝานจึงตกลงโดยไม่ลังเล และเขาก็พยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่!

กู้เสี่ยวหวานฟังคำพูดของหลี่ฝานโดยไม่พูดจา นางก้มศีรษะลงอย่างครุ่นคิด

นี่อาจเป็นสิ่งที่คนยุคใหม่พูดกันว่า เมื่อเห็นยายเฒ่าล้มลง ปัญหาคือจะช่วยหรือไม่ช่วย!

เดิมทีมันเป็นเพียงแค่คำถามธรรมดา ๆ แต่ดันมีคนจินตนาการสูงส่งได้ให้คำตอบที่ชวนโลกแตกออกมา

การช่วยยายเฒ่าเคยเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ตอนนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้ว

ถ้าช่วยเหลือคนดี ทุกคนก็จะมีความสุข ถ้าช่วยคนไม่ดี โลกจะเปลี่ยนสี

ดังเรื่องราวของชาวนากับงูเห่า!

เจ้าปกป้องมันไว้ มันกลับตอบแทนโดยการกัดเจ้า และทิ้งให้เจ้าพูดไม่ออก

วันนี้กู้เสี่ยวหวานและหลี่ฝานต่างอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ

ความใจดีของกู้เสี่ยวหวานไม่ได้รับสิ่งดีตอบแทน หากทำความดีแต่กลับถูกข่มขู่ นางคงเลือกไม่ทำความดี แทนที่จะมีเป็นคนที่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้! นางคงปกป้องแค่คนของนางที่สมควรได้รับการปกป้อง!

หลี่ฝานมองไปที่การแสดงออกที่มืดมนของกู้เสี่ยวหวาน และพูดต่ออย่างนุ่มนวลว่า “เสี่ยวหวาน อย่าเข้าไปยุ่งในเรื่องนี้เลย! ผู้คนในตระกูลกุ้ยไม่กล้าปฏิบัติกับข้าเช่นนี้!”

“ทว่าเรื่องนี้เกิดจากข้า ถ้าไม่ใช่เพราะข้า…” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าหลี่ฝานบอกให้นางไม่ต้องเข้าไปยุ่ง นางพลันเอ่ยค้าน

“ข้าไม่โทษเจ้าสำหรับเรื่องนี้ ถ้าผู้อื่นมาหาข้าเพื่อขอความช่วยเหลือ ข้าก็จะช่วยเช่นกัน!” หลี่ฝานไม่ต้องการให้กู้เสี่ยวหวานกดดันมากเกินไป จึงกล่าวว่า “ไม่มีใครคิดว่าพวกคนตระกูลกุ้ยจะเป็นคนพรรค์นี้!”

“ไม่ ข้ารู้!” กู้เสี่ยวหวานพูดอีกครั้ง “ข้ามาจากหมู่บ้านเดียวกันกับพวกเขา ข้าเคยติดต่อกับพวกเขา และได้ยินมาบ้างว่าพวกเขาเป็นคนแบบไหน ดังนั้นข้าต้องโทษตัวเอง!” ไม่ต้องพูดถึงว่ากู้เสี่ยวหวานรู้สึกผิดเพียงใด นางได้แต่โทษตัวเองเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น

“เสี่ยวหวาน ข้าขอยืนยันว่า ข้าไม่โทษเจ้าในเรื่องนี้!” เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานเช่นนี้ หลี่ฝานก็พูดอย่างเคร่งขรึม “ไม่ต้องกังวล กุ้ยซื่อคิดจะใช้ชื่อเสียงของข้าเพื่อข่มขู่ให้ข้าแต่งกับกุ้ยตงเหมย แต่เสี่ยวหวาน ข้าเป็นคนแบบไหนกัน? เจ้ายังกลัวว่าผู้หญิงในหมู่บ้านบนภูเขาจะสามารถสร้างความลำบากให้ได้หรือ? ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ นางจะสามารถยัดเยียดให้ข้าหลี่ฝานซ่อนตัวกุ้ยตงเหมยไว้อย่างลับ ๆ แล้วอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืนได้อย่างไร? ไม่ต้องพูดถึงว่ากุ้ยตงเหมยไม่ได้อยู่ที่นี่ แม้ว่านางจะอยู่ที่นี่ ข้าก็จะไม่ปล่อยให้กุ้ยซื่อใส่ร้ายข้าเช่นนั้น!”

หลี่ฝานพูดอย่างแข็งกร้าว แต่ต่อหน้ากู้เสี่ยวหวาน เขาทำเสียงให้อ่อนลงและกล่าวว่า “ข้าไม่กลัวกุ้ยซื่อ และข้าไม่กลัวว่าครอบครัวกุ้ยจะทำอะไรกับข้า! แต่ข้ากลัวว่าตระกูลกุ้ยจะใช้ลูกไม้สกปรกกับพวกเจ้า! พวกเจ้าต่างไม่มีบิดามารดาให้พึ่งพา หากคนในตระกูลกุ้ยมีเจตนาร้ายจริง ๆ เจ้าคงไม่รู้กระทั่งวิธีรับมือ!”

เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินหลี่ฝานพูดเช่นนี้ นางก็พลันตกใจ “ท่านลุงหลี่…”

“เพียงเพราะเจ้าเรียกข้าว่าลุง ข้าจะปกป้องพวกเจ้าทุกคน! เจ้าอยู่ในหมู่บ้านอู๋ซี แม้ว่าข้าจะต้องการปกป้องเจ้า แต่มันก็อยู่ไกลเกินเอื้อม ดังนั้นข้าจึงรอไม่ไหวและอยากให้พวกเจ้าทั้งหมดย้ายมาในเมือง ทางกุ้ยซื่อนั่นอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่านางพูดหรือทำอะไรกับเจ้ามาก่อนนะ!” ใบหน้าของหลี่ฝานเปลี่ยนเป็นดุดันเล็กน้อย

หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานฟังแล้ว นางรู้ว่าหลี่ฝานทราบแล้วว่า ในเวลานั้นกุ้ยซื่อนำเรื่องของหลี่ฝานกับเสี่ยวเซิ่งจื่อมาใส่ร้ายกู้เสี่ยวหวานว่านัดพบคนรักของนาง

การใส่ร้ายเช่นนี้ หลี่ฝานจะไม่โกรธเคืองได้อย่างไร!

จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่หลี่ฝานต้องการให้พวกนางย้ายไปที่เมืองโดยเร็วที่สุด พวกนางถูกติดตามโดยครอบครัวกุ้ยมาตลอด ใครจะรู้ว่าครอบครัวกุ้ยจะทำเรื่องอะไรอีกบ้าง

เดิมทีคิดว่าหลังจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ทัศนคติของกุ้ยซื่อที่มีต่อกู้เสี่ยวหวานน่าจะให้ความเคารพมากขึ้น

แต่ใครจะรู้ว่าความเคารพนี้อยู่ได้แค่สองวัน ความเมตตาของกู้เสี่ยวหวานก็ถูกหลงลืมไปโดยสิ้นเชิง อีกทั้งนางยังพลิกขาวเป็นดำเพื่อบีบบังคับกู้เสี่ยวหวาน!

หลี่ฝานจะไม่โมโหได้อย่างไร!