ตอนที่ 590 บังคับบริจาค

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 590 บังคับบริจาค

หลินเพ่ยรู้สึกผิดหวังเมื่อเห็นว่าแผ่นหลังของฟางจั๋วหรานค่อย ๆ ห่างไปจากสายตา

หลังจากหล่อนได้เกิดใหม่ หล่อนก็ต้องการแก้แค้นสามีและแม่สามีของตัวเองเป็นอันดับแรก แต่โชคร้ายถูกพ่อสามีทำร้ายจนปางตาย โชคดีที่ชาวบ้านเข้ามาห้ามเขาไว้ก่อน หล่อนจึงอาศัยโอกาสหลบหนี

ระหว่างทาง หล่อนหลอกใช้ความเห็นอกเห็นใจของผู้ที่หวังดี เรียกร้องความน่าเวทนาจากคนอื่น ๆ ทำให้หล่อนได้มาอยู่ในครอบครัวใจดีเพื่อพักฟื้นบาดแผล

หลังหายจากอาการบาดเจ็บ หล่อนกลับไม่คิดจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่คิดว่าจะทำอย่างไรให้หลินม่ายต้องตายทั้งเป็น

ดังนั้น หล่อนจึงมารอเจอฟางจั๋วหราน พยายามบอกเขาว่าหลินม่ายเป็นแค่วิญญาณที่ได้กลับมาเกิดใหม่

คนที่กลับมาจากความตายน่ากลัวยิ่งกว่าอะไรดี!

เมื่อฟางจั๋วหรานรู้ความจริงแล้วก็จะรับหลินม่ายไม่ได้อีก และเลิกกับเธอแน่นอน

นังตัวแสบที่มีวงจรสมองโง่เง่าด้านความรักเหมือนในชาติก่อน รักใคร่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนมาก และยอมทำทุกอย่างเพื่อเขาอย่างไม่มีข้อแม้

แต่ตอนนี้เธอเกิดใหม่ ถ้าถูกผู้ชายที่รักมากทอดทิ้งไป เธอจะต้องเจ็บปวดมากอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงเวลานั้นก็ให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเข้าไปปลอบโยนเธออย่างเข้าอกเข้าใจ ทีนี้นังตัวแสบก็จะตกอยู่ในเงื้อมมือของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนอีกครั้ง

หลังจากนั้นหล่อนก็จะบงการนังตัวแสบผ่านอู๋เสี่ยวเจี๋ยนดังเช่นที่เคยเป็น จนเธอต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาให้

น่าเสียดายที่ฟางจั๋วหรานไม่ยอมหลงกลหล่อนง่าย ๆ

ทำไมเขาถึงไม่เชื่อหล่อนกัน! ทุกอย่างที่หล่อนพูดล้วนเป็นความจริง!

ในขณะที่หลินเพ่ยกำลังโกรธแค้น ชายฉกรรจ์สามคนก็ย่างสามขุมเข้ามาหาหล่อน พร้อมกับจ้องมองต่ำลงมาที่หล่อนด้วยความดูถูก

ผู้ชายสามคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเฉินเฟิงและสหายน้องชายทั้งสองคนของเขา

เมื่อกี้นี้ตรงประตูทางเข้าโรงพยาบาลผู่จี้ เฉินเฟิงบังเอิญเห็นว่าฟางจั๋วหรานเดินออกไปพร้อมกับหลินเพ่ย ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็มืดสนิท

เขาและสหายน้องชายสองคนที่มาด้วยกันจึงแอบสะกดรอยตามไป เพราะอยากรู้ว่าฟางจั๋วหรานจะทำอะไรกับหลินเพ่ยกันแน่

เมื่อเห็นว่าเขาเพิ่งจะทุบตีสั่งสอนหลินเพ่ยอย่างหนัก เขาก็รู้สึกโล่งใจ

ถ้าฟางจั๋วหรานโง่เขลาจนถูกหลินเพ่ยล่อลวงจริง ๆ เขานี่แหละจะทุบตีอีกฝ่ายจนแม้แต่พ่อแม่ก็จำไม่ได้

พอหลินเพ่ยเห็นเฉินเฟิง หล่อนก็ตกใจมากจนสมองขาวโพลน

หล่อนตั้งท่าจะลุกขึ้นเพื่อวิ่งหนี แต่ถูกเฉินเฟิงวาดขาเตะกระเด็นไปหลายเมตร

“ก่อนหน้านี้ฉันเคยเตือนเธอแล้วไม่ใช่หรือไง ถ้าเธอกล้ามารังควานม่ายจื่ออีกครั้ง ฉันจะทำให้เธอตายไปข้าง เธอไม่เชื่อที่ฉันพูดสินะ?”

หลินเพ่ยอดทนต่อความเจ็บปวดตามร่างกาย พูดครั้งแล้วครั้งเล่า “ไม่ มันไม่ใช่…”

หล่อนพยายามจะบอกเฉินเฟิงว่าหลินม่ายเป็นวิญญาณที่กลับมาจากความตาย

แต่เฉินเฟิงไม่ยอมฟังหล่อนสักคำ เขาสั่งให้สหายน้องชายสองคนพาตัวหล่อนไปขายให้กับตลาดมืดค้ามนุษย์เพื่อส่งให้กับซ่องขายบริการระดับล่างสุดในกว่างโจว

หล่อนจะทำเงินได้มากแค่ไหนไม่สำคัญ จุดประสงค์คือทำให้หล่อนติดโรคทางเพศสัมพันธ์ และทำให้หล่อนตายอย่างช้า ๆ ด้วยความเจ็บปวดทรมาน

หลินเพ่ยหวาดกลัวมากจนน้ำตาไหล เอาแต่ร้องขอความเมตตา แต่ถูกสหายน้องชายคนหนึ่งของเฉินเฟิงชกหน้าจนหมดสติ ทำให้ฟันหล่อนหักไปสองซี่

สหายน้องชายที่ลงมือขยับหมุนข้อมือไปมา “ในที่สุดก็เงียบปากสักที!”

หัวหน้าหลูขอให้น้องชายของเขาไปยื่นฟ้องเถาจืออวิ๋นที่ศาลในวันรุ่งขึ้น หลังจากที่หลิวหย่งเจียงและบรรดาหัวหน้าโรงงานเดินทางมาเยี่ยมเขา ทั้งยังกำชับให้น้องชายถามสหายในศาลให้ได้คำตอบแน่ชัดว่าเถาจืออวิ๋นจะจ่ายเงินชดเชยให้เขาเท่าไร

หัวหน้าหลูและน้องชายมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน งานปัจจุบันของน้องหลูก็ได้รับการฝากฝังเข้าทำงานโดยหัวหน้าหลู ซึ่งตอนนั้นเขาใช้เงินไปเป็นจำนวนมาก

ดังนั้นน้องหลูจึงกังวลเกี่ยวกับเรื่องของพี่ชายมาก

เขารีบไปขึ้นศาลเพื่อยื่นฟ้องเถาจืออวิ๋นทันที

สหายในศาลรับฟังเขาจนจบ ก่อนจะอธิบายว่า พี่ชายของเขาต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดแปดสิบเปอร์เซ็นต์

สรุปง่าย ๆ ก็คือ ถึงน้องชายของเขาจะอยากได้เงินค่ารักษาพยาบาลโรคอัมพาตส่วนล่างจำนวนสามพันหยวน แต่คู่กรณีจะจ่ายให้ได้แค่หกร้อยหยวนเท่านั้น

น้องหลูตกตะลึงไม่น้อยเมื่อได้ยินแบบนั้น ก่อนจะกลับไปที่วอร์ดด้วยฝีเท้าหนัก ๆ และถ่ายทอดสิ่งที่สหายในศาลพูดให้หัวหน้าหลูฟัง

หัวหน้าหลูเคร่งเครียดขั้นมาทันที เขาเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว มีลูกที่ต้องเลี้ยงดูถึงสี่คน เงินเดือนก็แทบชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่แล้ว แล้วเขาจะหาเงินจากไหนมารักษาตัว?

เงินแค่หกร้อยหยวนซึ่งเถาจืออวิ๋นสามารถจ่ายเป็นค่าชดเชยให้เขายังไม่เพียงพอผ่าตัด เขาจึงคิดว่าจะขอยืมเงินจากพ่อแม่และน้องหลู

โรงงานของน้องชายเขาจ่ายเงินเดือนให้มากกว่าโรงงานของเขาเสียอีก แถมเขายังมีลูกชายที่ต้องส่งเสียเลี้ยงดูแค่คนเดียว หมายความว่าเขาต้องมีเงินเก็บอยู่บ้าง

ส่วนพ่อกับแม่ ถึงพวกเขาจะปลูกผักอยู่แถวเขตชานเมืองเจียงเฉิง แต่เพราะพวกเขาลักลอบขายผักในตลาดมืด จึงมีเงินเก็บอยู่จำนวนหนึ่ง

หลังยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อบังคับให้เถาจืออวิ๋นจ่ายเงินค่าชดเชยหกร้อยหยวนแล้ว เขาก็จะรวบรวมเงินสำหรับเข้ารับการผ่าตัดจนเพียงพอ

เมื่อได้ยินแผนการของหัวหน้าหลู น้องหลูก็ตบหน้าอกเพื่อขันอาสา แสดงน้ำใจว่าเขายินดีออกเงินเก็บทั้งหมดในครอบครัวเพื่อเอามาจ่ายรักษาให้เขา ทำให้หัวหน้าหลูเกือบน้ำตาไหล

แต่ทางด้านแม่หลูแค่รับปากว่ากลับไปคุยกับพ่อของเขาอีกที จากนั้นนางก็ไม่เคยกลับมาที่วอร์ดอีกเลยหลังจากเดินทางกลับชนบทครั้งนี้

ลูกชายคนโตของหัวหน้าหลูจึงต้องมาโรงพยาบาลเพื่อดูแลเขาแทน ระหว่างที่แบกถังอุจจาระและปัสสาวะไปทิ้ง เขาก็เล่าให้ผู้เป็นพ่อฟังว่าย่าคิดว่าเขาไร้ประโยชน์ คงไม่สามารถพึ่งพาเงินบำนาญจากเขาในอนาคตได้อีกแล้ว เลยไม่เต็มใจให้ยืมเงิน

หัวหน้าหลูถามต่อ “แล้วอาของลูกล่ะ? ทำไมเขาถึงยังไม่ติดต่อมาซะที?”

ลูกชายคนโตก้มหน้างุดพลางพูดว่า “อาสะใภ้ไม่ยอมให้เรายืมเงิน หล่อนบอกว่าถ้าอากล้าเอาเงินเก็บของครอบครัวออกมาให้พ่อยืมเพื่อเข้ารับการผ่าตัด หล่อนจะหย่ากับอาเดี๋ยวนี้”

หัวหน้าหลูเหม่อมองขึ้นฟ้าพร้อมกับถอนหายใจ สั่งให้ลูกชายคนโตไปขอพบหัวหน้าโรงงาน ขอให้อีกฝ่ายช่วยระดมทุนบริจาคเพื่อให้เขารอดพ้นวิกฤตนี้ไปได้

ลูกชายคนโตจึงไปขอพบหัวหน้าโรงงาน แล้วเริ่มการระดมทุนบริจาคจากคนในเขตชุมชนของบ่ายวันนั้น

แต่หลังจากเปิดระดมทุนบริจาคแล้ว เงินที่ได้กลับไม่ถึงเจ็ดร้อยหยวนด้วยซ้ำ

ทุกวันนี้แต่ละครัวเรือนต่างก็ยากจนกันทั้งนั้น วันปีใหม่ก็ใกล้เข้ามาทุกที มีเรื่องให้ต้องใช้เงินอีกมาก

ถึงคนที่เต็มใจบริจาคเงินจะมีหลายราย แต่ส่วนใหญ่ต่างบริจาคให้คนละแค่หนึ่งหยวนหรือห้าเหมา รวมกันแล้วถึงได้ดูเยอะ

แต่เงินที่ได้จากการบริจาค บวกกับเงินหกร้อยหยวนที่ศาลมีคำสั่งให้เถาจืออวิ๋นจ่าย ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับค่าผ่าตัดอยู่ดี

หัวหน้าหลูเค้นสมองอีกครั้ง แล้วสั่งให้ลูกชายคนโตพาน้องชายน้องสาวไปคุกเข่าอยู่หน้าประตูบ้านใหม่ของเถาจืออวิ๋น เพื่อกดดันให้หล่อนบริจาคเงินค่าผ่าตัดจำนวนสองพันหยวน

ถ้าหล่อนไม่ยอมตกลง ให้พี่น้องทั้งสี่ข่มขู่ว่าจะคุกเข่าจนตายอยู่หน้าประตูบ้านของหล่อนเสีย

เถาจืออวิ๋นไม่ใช่ผู้หญิงที่ขี้เกรงใจและใจอ่อนขี้สงสารอย่างที่หล่อนเคยเป็นอีกต่อไป

หล่อนขอให้รปภ.ประจำเขตชุมชนช่วยไปแจ้งตำรวจ และติดต่อนักข่าวจากสำนักหนังสือพิมพ์มาที่นี่

จากนั้นก็ทำการบริจาคเงินจำนวนสองร้อยหยวนต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจและนักข่าว

ต่อจากนั้นจึงปีนขึ้นไปตรงหน้าต่างห้องของตัวเอง แล้วขู่ว่าถ้าลูกทั้งสี่คนของหัวหน้าหลูยังยืนกรานบีบบังคับให้หล่อนบริจาคเงินสองพันหยวนอีก หล่อนจะกระโดดลงไปเดี๋ยวนี้

ห้องชุดของหล่อนอยู่บนชั้นที่สี่ของตัวอาคาร ถ้าหล่อนกระโดดลงมาเมื่อใด ไม่คางเหลืองก็คงเสียชีวิต

ขณะที่หล่อนกำลังสงบอารมณ์อยู่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจและนักข่าวต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ลูก ๆ ทั้งสี่คนของหัวหน้าหลู

ทุกฝ่ายบอกว่านี่ไม่ใช่การขอรับบริจาค แต่เป็นการบังคับบริจาคต่างหาก

แต่เพราะพวกเขาทั้งทั้งสี่คนยังเด็ก ไม่มีความคิดอ่านที่ชั่วร้ายเหมือนผู้เป็นพ่อ จึงได้แต่ก้มหน้ายอมรับคำตำหนิเหล่านั้น

เจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้เด็กทั้งสี่พาเขาไปที่วอร์ดของหัวหน้าหลู ก่อนจะทำการวิพากษ์วิจารณ์หัวหน้าหลูอย่างรุนแรง

วันรุ่งขึ้น เรื่องที่หัวหน้าหลูสั่งให้ลูกทั้งสี่คนของตัวเองไปบังคับบริจาค ก็ถูกพาดหัวข่าวลงหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์

ทุกคนต่างเห็นใจเถาจืออวิ๋น เมื่อรู้ว่าหัวหน้าหลูทำทีเป็นอาสาช่วยยกของให้เพราะมีแรงจูงใจชั่วร้ายแอบแฝง

พอหัวหน้าหลูได้รับบาดเจ็บเพราะสะเพร่าเอง หล่อนยังต้องจ่ายค่าชดเชยให้เขาหกร้อยหยวน ซึ่งนี่ก็น่าอนาถพออยู่แล้ว แถมลูกทั้งสี่คนของเขายังมาบังคับให้หล่อนบริจาคเงินสองพันหยวนถึงหน้าบ้าน น่าสงสารเหลือเกิน

ส่วนหัวหน้าหลูถูกผู้อ่านส่วนใหญ่ก่นด่าว่าไอ้คนหน้าเลือด

พอพ่อแม่กับน้องชายไม่ยอมยื่นมือเข้าช่วย เขากลับคิดจะแบล็กเมล์เถาจืออวิ๋นด้วยการบังคับให้บริจาค

ถ้าเขาเป็นคนไปแบล็กเมล์หล่อนด้วยตัวเองยังดูสมเหตุสมผลมากกว่า อย่างน้อยต่างฝ่ายต่างก็เป็นคู่กรณีกัน

แต่เขากลับส่งลูกสี่คนให้ไปบังคับบริจาค ซึ่งมันมากเกินไป

ผู้อ่านหลายคนถึงกับบุกไปที่วอร์ดผู้ป่วยในเพื่อประจานหัวหน้าหลู

แม้แต่เพื่อนบ้านในละแวกชุมชนที่เต็มใจบริจาคเงินให้เขา เมื่อได้อ่านพาดหัวข่าวดังกล่าวแล้ว หลายคนก็วิ่งโร่ไปหาหัวหน้าโรงงานและโวยวายยกใหญ่ เรียกร้องให้คืนเงินที่พวกเขาบริจาคมาซะ

เหตุผลก็เพราะหัวหน้าหลูจิตใจเลวทรามเกินไป ถึงขั้นสั่งให้ลูกไปบังคับบริจาคเงินจากเถาจืออวิ๋นถึงสองพันหยวน

เถาจืออวิ๋นมีรายได้สูงก็จริง แต่หล่อนจะไปหาเงินมากขนาดนั้นมาจากไหน

ต่อให้มีเงินเหลือเฟือขนาดนั้น แต่หล่อนก็ไม่ได้ติดหนี้คนแซ่หลูเสียหน่อย แล้วทำไมหล่อนต้องรับผิดชอบด้วย?

ผู้ชายเลวทรามจิตใจเน่าหนอนแบบนี้ ไม่สมควรแก่การบริจาคเงินให้

เงินห้าสิบเฟินหรือหนึ่งหยวนที่พวกเขาบริจาคให้ เอาไปซื้อเนื้อหมูสักชั่งมาทำอาหารกินไม่คุ้มค่ากว่าหรือ?

หัวหน้าโรงงานพยายามระงับสถานการณ์เป็นเวลานาน ก่อนจะเกลี้ยกล่อมให้เพื่อนบ้านเหล่านั้นกลับไป

ดังนั้นวันปีใหม่ปีนี้ หัวหน้าหลูจึงต้องเผชิญชะตากรรมที่น่าสังเวช

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พี่เฉินอย่างโหด ขอให้โชคดีกับชีวิตใหม่ที่กว่างโจวแล้วกันนะยัยเพ่ย

สมน้ำหน้าหัวหน้าหลูค่ะ กะจะเอาเปรียบเขาทุกทาง ของย้อนเข้าตัวแบบเต็มคาราเบลเลย

ไหหม่า(海馬)