ตอนที่ 591 หลินเพ่ยในวันส่งท้ายปี

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 591 หลินเพ่ยในวันส่งท้ายปี

ในที่สุดก็ถึงวันส่งท้ายปีเก่า

บรรยากาศในเมืองอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของเทศกาล ถนนและตรอกซอกซอยต่างประดับประดาด้วยไฟหลากสี โคมไฟสีแดงถูกแขวนไว้ทุกที่

ตอนเช้า บรรดาเด็ก ๆ ที่ซนหน่อยก็ออกจากบ้านมาจุดประทัด

ประเดี๋ยวก็มีเสียงประทัดดังตรงโน้น ประเดี๋ยวก็มีเสียงประทัดดังขึ้นตรงนี้ ปลุกให้ทุกคนตื่นขึ้นจากการหลับไหล

โชคที่ที่วิลล่าของฟางจั๋วหรานมีสนามหญ้ากว้างใหญ่อยู่ข้างหน้า ทำให้บรรเทาเสียงดังของประทัดด้านนอกไปได้บ้าง หลินม่ายจึงยังนอนหลับสนิท

คนที่ตื่นเต้นกับเทศกาลปีใหม่ที่สุดคงไม่พ้นเด็ก ๆ

โต้วโต้วตื่นนอนแต่เช้าพร้อมคุณปู่ฟางและคุณย่าฟาง และวันนี้ฟางจั๋วหรานก็ตื่นนอนแต่เช้าเช่นเดียวกัน

ตั้งแต่วันที่ 30 ถึงวันที่ 6 ของช่วงวันปีใหม่ตามปฏิทินทางจันทรคติ น้าหวงลาหยุดพักผ่อน คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางจึงเริ่มเตรียมอาหารต้อนรับวันส่งท้ายปีเก่าตั้งแต่พวกเขาตื่นนอน

อาหารในวันส่งท้ายปีเก่าของมณฑลหูเป่ยจะต้องมีต้มกระดูกหมูรากบัวเป็นเมนูบังคับ

แน่นอนว่าการล้างรากบัวในช่วงฤดูหนาวเป็นงานที่ยากลำบาก

คุณย่าฟางจึงตัดสินใจมอบงานนี้ให้กับฟางจั๋วเยวี่ยซึ่งเป็นชายหนุ่มผิวหยาบและเนื้อหนาไม่กลัวความหนาวเย็น

จากนั้นนางก็ตบก้นน้อย ๆ ของโต้วโต้ว “ไปปลุกอาเล็กของหนูให้ตื่นมาล้างรากบัวเร็ว”

โต้วโต้วตอบรับอย่างแข็งขัน เดินเข้าห้องน้ำไปหยิบกะละมังอะลูมิเนียมใบใหญ่ จากนั้นก็เคาะก้นกะละมังระหว่างเดินขึ้นไปชั้นบน “ตื่นได้แล้ว อาเล็กตื่นได้แล้ว!”

หล่อนตั้งใจจะปลุกฟางจั๋วเยวี่ยแค่คนเดียว แต่เสียงดังสนั่นนี้พลอยทำให้หลินม่ายตกใจตื่นตามไปด้วย พอได้ยินเสียงเคาะก้นกะละมังดังสนั่น ก็นึกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นในบ้าน

พอเงี่ยหูฟังอีกครั้ง ก็พบว่าที่แท้เด็กหญิงตัวน้อยแค่จะปลุกฟางจั๋วเยวี่ย แต่หล่อนใช้วิธีรุนแรงเกินไปหรือเปล่าเนี่ย?

ฟางจั๋วหรานกำลังสับกระดูกหมูอยู่ในครัว เมื่อได้ยินว่าโต้วโต้วเอามือเคาะก้นกะละมังเสียงดัง ก็รีบวางมีดทำครัวแล้ววิ่งขึ้นบันไดไปทันที

พอถึงมุมบันได เขาคว้ากะละมังอะลูมิเนียมมาจากมือโต้วโต้ว “ส่งเสียงดังขนาดนี้ไม่กลัวแม่ตื่นด้วยหรือไง”

โต้วโต้วแลบลิ้นใส่ ก่อนจะวิ่งไปที่ห้องของฟางจั๋วเยวี่ยแล้วใช้สองมือเปล่าตบมือเรียกเขาแทน

ฟางจั๋วหรานกังวลว่าหลินม่ายอาจตกใจตื่นจริง ๆ จึงวางกะละมังลง แล้วไปที่ห้องนอนของหลินม่ายเพื่อดูว่าเธอตื่นหรือยัง

เขาย่องเบา ๆ ไปที่เตียงนอน พอเห็นว่าหลินม่ายยังนอนหลับสนิทอยู่ก็โล่งใจ

ท่าทางการนอนหลับของหลินม่ายจิ้มลิ้มมาก จนเขาอดไม่ได้ที่จะก้มลงจูบเธอ

หลินม่ายยังนอนไม่หลับเลยตั้งแต่ถูกโต้วโต้วปลุก

เธอแค่ยกผ้าห่มอุ่น ๆ ขึ้นมาคลุมตัวไว้ แล้วนอนนิ่งอยู่บนเตียงพร้อมกับหลับตาเพื่อพักผ่อนสักครู่

แต่พอเธอลืมตาขึ้น ก็เห็นว่าใบหน้าหล่อเหลาของฟางจั๋วหรานอยู่ห่างจากตัวเองแค่เอื้อม

เธอเกี่ยวกระหวัดคอของเขาให้โน้มลงมาอย่างซุกซน จากนั้นก็จูบริมฝีปากของเขาแนบแน่น แต่เพราะมันเป็นการจูบที่กะทันหันเกินไป ทำให้ริมฝีปากของเธอเจ็บ

เธออ้าปากค้างทันที ปล่อยมือจากรอบคอฟางจั๋วหราน แล้วใช้มือแตะริมฝีปากที่บาดเจ็บ

ฟางจั๋วหรานวางมือทั้งสองข้างไว้เหนือศีรษะเธอ ก่อนจะมองด้วยรอยยิ้มแฝงเลศนัยในแววตา “ผมช่วยรักษาอาการบาดเจ็บที่ปากคุณให้หายไว ๆ ได้นะ”

หลินม่ายทำตาโตและถามว่า “รักษาด้วยวิธีไหนคะ?”

จากนั้นฟางจั๋วหรานก็พรมจูบเธอครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมกับกระซิบข้างหูเธอไปด้วย “นี่ไงวิธีรักษา”

ดูเหมือนว่าวิธีรักษานี้จะช่วยลดความเจ็บปวดได้จริง ๆ ด้วย

ในขณะที่ทั้งสองหลงลืมสถานการณ์รอบตัวไปชั่วขณะ ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาอย่างฉับพลัน

โต้วโต้วพุ่งตามเข้ามาราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ ตะโกนเสียงดังลั่น “แม่จ๋า แม่จ๋า ตื่นได้แล้วค่ะ อาหารเช้าพร้อมแล้ว!”

สองหนุ่มสาวที่กำลังจูบกันรีบผละออกห่างราวกับโดนไฟฟ้าช็อต

ช่างน่าขายหน้าอะไรอย่างนี้!

โชคดีที่โต้วโต้วแค่เข้ามารายงานเหตุการณ์ จากนั้นก็หันหลังกลับและวิ่งออกไปโดยไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า

หลินม่ายลุกขึ้นจากเตียง แปรงฟัน ล้างหน้า หวีผม และลงไปรับประทานอาหารเช้าที่ชั้นล่าง

อาหารเช้าวันนี้หรูหราเป็นพิเศษ เป็นบะหมี่เนื้อใส่มะเขือเทศ ทั้งครอบครัวร่วมวงกินอย่างเอร็ดอร่อย

หลังมื้ออาหารเช้าผ่านไป ก็ถึงเวลาแล้วที่หลินม่ายจะได้แสดงฝีมือ ลูกชิ้นหมูทอด ลูกชิ้นปลาทอด รากบัวทอด… งานครัวหลากหลายมาก ฟางจั๋วหรานจึงเข้าไปช่วยเธออีกแรง

อาหารทอดหลายอย่างมีรสชาติดีที่สุดเมื่อกินทันทีที่ยกขึ้นจากกระทะ

เมื่อใดก็ตามที่มีเมนูของทอด ทั้งครอบครัวก็จะเรียงแถวกันมายืนจ่อหน้ากระทะ รอให้หลินม่ายเสิร์ฟของทอดให้เป็นรายคน

เพราะหลังจากหลินม่ายยกลูกชิ้นหมูและลูกชิ้นปลาทอดออกจากกระทะแล้ว คนนี้หยิบหนึ่งชิ้น อีกคนหยิบหนึ่งชิ้น ได้กินกันทั่วถึงหมดทุกคน

ยังไม่ทันถึงเวลาอาหารค่ำของวันส่งท้ายปีเก่า ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างก็อิ่มหนำสำราญถ้วนหน้า

อาหารมื้อใหญ่ยังไม่เริ่ม แต่ทุกคนกลับอิ่มท้องกันแล้ว เป็นสิ่งที่รับไม่ได้นิดหน่อย

หลินม่ายให้ฟางจั๋วหรานพาทุกคนออกไปเดินเล่นข้างนอกเพื่อย่อยอาหาร ยืดเส้นยืดสายนิดหน่อย ก่อนจะกลับเข้ามารับประทานอาหารเย็นตอนหกโมง

หลินม่ายคิดว่าการไปเดินย่อยอาหารเป็นทางออกที่ดี แต่ฟางจั๋วหรานที่เป็นหมอกลับนึกถึงยาเม็ดแก้อาการท้องอืดเป็นอันดับแรก

นอกจากโต้วโต้วที่กินยาแบบแบ่งครึ่งแล้ว ทุกคนต่างก็กินยาช่วยย่อยกันคนละสองเม็ด หลังจากกินยาและออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย การย่อยอาหารก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว

คนกลุ่มหนึ่งเดินไปตามถนนที่เงียบสงบเป็นเวลากว่าสองชั่วโมง จากนั้นก็กลับมาถึงวิลล่าก่อนบ่ายสามโมง

วันส่งท้ายปีเก่าแบบนี้ เด็ก ๆ แทบไม่ออกจากบ้านเลยหลังได้กินมื้อเที่ยง

พวกเขาไปยืนจ่ออยู่หน้าเตาไฟ ในขณะที่ผู้เป็นแม่กำลังเตรียมอาหารมื้อเย็นในวันส่งท้ายปี ก็อาศัยช่วงที่ผู้ใหญ่ไม่ทันสนใจแอบหยิบอาหารกินชิ้นหนึ่ง

ถนนหนทางที่เคยจอแจไม่ค่อยมีผู้คนสัญจรพลุกพล่านเช่นปกติ ไม่ว่าคนจนหรือคนรวย ทุกครัวเรือนต่างเตรียมอาหารเย็นสำหรับวันส่งท้ายปีเก่า

บางครอบครัวเริ่มกินเลี้ยงวันส่งท้ายปีกันตั้งแต่มื้อเช้าหรือมื้อเที่ยง เสียงประทัดจึงดังขึ้นตามข้างทางเป็นระยะ ๆ เนื่องจากคนกลุ่มดังกล่าวเริ่มจุดประทัดกันตั้งแต่หัววัน

เมื่อครอบครัวกลับมาจากการเดินเล่น หลินม่ายอนุญาตให้พวกเขากินได้แค่ผลไม้อย่างเดียว ห้ามกินของหนักท้องอย่างอื่น

ไม่อย่างนั้นทุกคนคงไม่ให้ความสนใจจะกินอาหารมื้อใหญ่ที่เธอกำลังทำในภายหลัง การแสดงฝีมือของเธอคงสูญเปล่า

คุณย่าฟางและคนอื่น ๆ ล้อมวงกันดูโทรทัศน์ขณะจิบชาและกินผลไม้

ทันใดนั้นฟางเว่ยกั๋วก็มาเยี่ยมเยียนพวกเขา

รอบนี้เขานำสิ่งของมามากมายติดมือมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ ไวน์ชั้นดี เครื่องดื่มอื่น ๆ ผลไม้ อาหารแห้ง… และสิ่งของอื่น ๆ

ทุกคนออกไปช่วยเขาขนของเข้าบ้าน

ฟางเว่ยกั๋วส่งยิ้มให้ทุกคนด้วยความเขินอาย “ผมมาที่นี่เพราะนี่เป็นปีใหม่ปีแรกที่ผมต้องอยู่คนเดียว หวังว่าพ่อกับแม่จะไม่ไล่ผมไปไหน”

บุพการีจะเจ้าคิดเจ้าแค้นกับลูกแท้ ๆ ได้อย่างไร?

ตราบใดที่ฟางเว่ยกั๋วกลับตัวกลับใจ คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางก็ไม่แสดงอคติกับเขาอีกต่อไป นับประสาอะไรกับการผลักไสออกไปจากบ้าน?

คุณย่าฟางบอกว่า “วันหลังถ้าอยากกินอะไรอร่อย ๆ ก็แวะมาได้ทุกเมื่อ ม่ายจื่อทำกับข้าวแต่ละมื้อไว้หลายอย่าง ต่อให้แกไม่มา ของพวกนั้นก็ตกเป็นของอาหวงอยู่ดี มีคนมาร่วมโต๊ะอาหารเพิ่มอีกสักคนไม่เป็นไรหรอก”

ทำไมฟังดูแล้วรู้สึกทะแม่งพิลึกกันนะ?

ฟางเว่ยกั๋วได้แต่คลี่ยิ้มอย่างเชื่องช้า

หลินม่ายใช้จ่ายเงินไปเป็นจำนวนมากสำหรับซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารในวันส่งท้ายปี นอกจากหม้อไฟเนื้อแกะแล้ว ยังมีแกะย่าง เนื้อวัวต้มน้ำมันพริก ปลาหมึกยัดไส้ข้าวเหนียวราดซอส และหมูตุ๋นหม้อดิน…

ทั้งหมดล้วนเป็นอาหารจานใหญ่ที่เธอไม่เคยทำมาก่อน

ดอกเหมยแดงส่งกลิ่นหอมโชยจากนอกหน้าต่าง ในบ้านอบอวลไปด้วยความสุข ทุกคนกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย บรรยากาศสงบและอบอุ่นมาก

ขณะเดียวกัน หลินเพ่ยก็ต้องเผชิญกับชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตายอยู่ในซ่องชั้นเลวแห่งหนึ่งที่กว่างโจว

ถึงหล่อนจะไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ที่ไม่เคยผ่านมือชาย แต่ซ่องแห่งนี้ก็มีสภาพแวดล้อมสกปรกเกินไป แขกที่มาใช้บริการล้วนเป็นแค่กรรมกรชั้นต่ำ ซึ่งหล่อนต้องขายเรือนร่างแลกเงินทุกวัน ทำให้ร่างกายเกือบแหลกสลาย

ก่อนที่หล่อนจะมากว่างโจว หล่อนเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับย่านโคมแดงของที่นี่มาบ้าง

สาวสวยคนหนึ่งบนภูเขาได้ไปทำงานอยู่ในย่านโคมแดงของกว่างโจวเป็นเวลาครึ่งปี พอกลับมาบ้านก็ใส่เครื่องประดับทองหอบเงินจำนวนมากกลับมาทุกครั้ง ทำให้หล่อนอิจฉาแทบตาย

ครั้งหนึ่งหล่อนเคยไปรบเร้าให้พี่สาวคนนั้นพาหล่อนทำงานไปที่ย่านโคมแดงด้วย แต่อีกฝ่ายคิดว่าหล่อนไม่ได้หน้าตาดีขนาดนั้น จึงปฏิเสธไป

เท่าที่หลินเพ่ยรู้มา การทำงานในซ่องนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการอ้าขาให้แขก จบงานก็ได้เงินจากพวกเขา สามารถใช้ชีวิตอย่างหรูหราและมีเงินใช้ไม่ขาดมือ

หล่อนไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองต้องมานอนอยู่บนเตียงไม้โง่ ๆ ในห้องที่มีขนาดไม่ถึงหกตารางเมตรซึ่งกั้นด้วยกระดานไม้อีกทีหนึ่ง และถูกผู้ชายหื่นกามระดับล่างมาย่ำยีเรือนร่างตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน

มีผู้ชายบางคนเป็นโรคสังคังขั้นรุนแรง ทำให้หนังศีรษะของหลินเพ่ยชาวาบด้วยความขยะแขยง แต่หล่อนก็ไม่กล้าขัดขืนเขา ไม่อย่างนั้นจะถูกนักเลงคุมซ่องทุบตี

ถึงจะอยู่แต่ในห้องใต้ดินที่แสงแดดส่องผ่านลงมาไม่ถึงนานเป็นชาติ คอยรองรับผู้ชายมากหน้าหลายตาให้มาตักตวงความสุขจากตัวเอง แต่หลินเพ่ยก็ยังได้ยินเสียงประทัดจากข้างนอก

ในขณะที่ทุกคนกำลังกินอาหารค่ำในวันส่งท้ายปีเก่า หล่อนยังต้องขายเรือนร่างปรนเปรอแลกเงินต่อไป

เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะนังหลินม่าย!

ถ้าหลินม่ายไม่ได้พยายามแก้แค้นหล่อนอย่างจัดหนักในชาตินี้ เธอจะเกลียดชังน้ำหน้าหล่อนเข้ากระดูกดำ จนสั่งให้ฟางจั๋วหรานมาจัดการทำร้ายร่างกายหล่อนได้อย่างไร?

ถ้าหล่อนไม่ไปดักรอฟางจั๋วหรานแต่แรก หล่อนจะตกอยู่ในสภาพแบบนี้ไหม?

หล่อนไม่คิดว่าการขายตัวเป็นอะไรที่เสื่อมเกียรติ ตราบใดที่แขกพอมีฐานะ อย่างน้อยก็ไม่ใช่พวกกรรมาชีพไร้หัวนอนปลายเท้า หล่อนจะได้กอบโกยเงินจากพวกเขาให้มาก

แต่หล่อนมาขายบริการโดยที่ไม่ได้ค่าตอบแทนเลยสักนิด จะให้ทนยอมรับชะตากรรมได้อย่างไร

หล่อนต้องหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้ อุตส่าห์ได้เกิดใหม่ทั้งที จะมาตกอยู่ในสภาพน่าสังเวชแบบนี้ไม่ได้!

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

น้องโต้วโต้วมาได้จังหวะเหมาะตอนคุณอาหมอกับแม่จ๋าหวานใส่กันอีกแล้ว

ขนาดไม่ใช่นังเพ่ยยังขมคอเลยค่ะยามได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของนาง จะติดไปกี่โรครับปีใหม่เนี่ย ลูกค้าพวกนั้นเชื่อได้เลยว่ามันไม่มีทางใส่ถุงแน่

ไหหม่า(海馬)