ตอนที่ 572 พระราชทานนาม

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

สำหรับ​พี่ชาย​ที่อยู่​ใน​หนาน​เจียง​อัน​ไกลโพ้น​ ​เจียง​ซื่อ​คิดถึง​เขา​ยิ่งนัก

“​ไม่รู้​ว่า​พี่​รอง​อยู่​ที่​หนาน​เจียง​เป็น​อย่างไรบ้าง​ ​สบายดี​หรือไม่​ ​ทั้ง​อากาศ​และ​อาหารการกิน​ที่​หนาน​เจียง​แตกต่าง​จาก​ใน​เมืองหลวง​อย่าง​สิ้นเชิง​…​”

อวี​้​จิ​่น​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​รู้สึก​โมโห​ ​จึง​กล่าว​ขึ้น​ด้วย​ความหงุดหงิด​ว่า​ ​“​ลูกผู้ชาย​มีสิ​่ง​ใด​ไม่​คุ้นชิน​กัน​ ​ยาม​กิน​กิน​ ​ยาม​นอน​นอน​ ​หากว่า​นอนไม่หลับ​หรือไม่​คุ้นชิน​ ​นั่น​ก็​เป็นเพราะว่า​ไม่ได้​เหนื่อยล้า​”

ใน​ตอนนั้น​ที่​เขา​เดินทาง​ไป​ตอน​ใต้​ ​อายุ​ได้​เพียงแค่​สิบสอง​ปี​ ​ก็​ไม่เห็น​ว่า​จะ​มี​ผู้ใด​เป็นห่วง​เป็น​ใย​เขา

แน่นอน​ว่าความ​เป็นห่วง​เป็น​ใย​จาก​ผู้อื่น​เขา​ไม่สน​ใจ​ ​แต่​ใน​ตอนนั้น​เจียง​ซื่อ​ยัง​ไม่รู้​จัก​กับ​เขา​เสียด​้วย​ซ้ำ​ ​ยิ่ง​ไม่ต้อง​กล่าวถึง​ว่า​จะ​สงสาร​เห็นใจ​เขา​หรือไม่

เมื่อ​คิดได้​ดังนี้​ ​อวี​้​จิ​่​นก​็​รู้สึก​อิจฉาริษยา​เจียง​จั้น​ยิ่งขึ้น​กว่า​เดิม

ที่​กล่าวว่า​คนบ้า​มีบุญ​ตาม​วิถี​คนบ้า​ ​คาด​ว่า​คงจะ​เป็น​เช่น​เจียง​จั้น​นั่นเอง​ ​ผู้​ที่​ฉลาด​หลักแหลม​มี​ความสามารถ​สูงส่ง​ดั่ง​เขา​ ​ก่อนที่จะ​มี​ภรรยา​คง​ทำได้​เพียง​ดูแลเอาใจใส่​ตนเอง​ก็​เท่านั้น

ใน​ใจ​ของ​ใคร​บางคน​ซึ่ง​รู้สึก​ถึง​ความ​ไม่​ยุติธรรม​หันมา​มอง​ทาง​ภรรยา​ของ​ตน​ ​ก่อน​จะ​กล่าว​ขึ้น​อย่าง​เจ้าเล่ห์​ว่า​ ​“​สตรีที​่​หนาน​เจียง​แตกต่าง​จาก​สตรีที​่​เมืองหลวง​ ​แต่ละคน​ช่าง​เร่าร้อน​และ​กล้าหาญ​ ​ไม่แน่​ว่า​บัดนี้​เจียง​จั้น​อาจมี​คู่ครอง​แล้วก็​ได้​”

เจียง​ซื่อ​เอื้อมมือ​ไป​ดึง​หู​ของ​อวี​้​จิ​่น​ ​ยิ้ม​แล้ว​เอ่ย​ถาม​ว่า​ ​“​เร่าร้อน​กล้าหาญ​หรือ​ ​ไม่ทราบ​ว่า​ท่าน​อ๋อง​เมื่อ​ครั้น​อยู่​ที่​หนาน​เจียง​ ​ได้​พบ​กับ​แม่นาง​ที่​ทั้ง​เร่าร้อน​และ​กล้าหาญ​มาก​เพียงไร​”

อวี​้​จิ​่น​แอบ​กระซิบ​ใน​ใจ​ว่า​ ​แย่​แล้ว​ ​เขา​เพียง​ต้องการ​จะ​ใส่ร้าย​เจียง​จั้น​เท่านั้น​ ​คิดไม่ถึง​ว่า​จะ​ถูก​จัดการ​เสีย​เอง​เช่นนี้

“​แค่ก​ๆ​ ​อา​ซื่อ​ ​เจ้า​ย่อม​รู้อยู่แก่ใจ​ ​ผู้ใด​ที่​ไม่​งดงาม​เท่า​ข้า​ ​ข้า​นั้น​ไม่​แม้แต่​จะ​ชายตามอง​”

“​แล้ว​ผู้​ที่​ดูดี​กว่า​เจ้า​เล่า​”

สีหน้า​ของ​อวี​้​จิ​่น​ชะงัก​ลง​เล็กน้อย​ ​“​จวบจนกระทั่ง​บัดนี้​ ​ข้า​รู้สึก​เพียง​ว่า​เจ้า​งดงาม​กว่า​ข้า​เพียง​คนเดียว​”

เจียง​ซื่อ​เหลือบตา​มอง​เขา​แล้วจึง​ยอม​เลิกรา

อวี​้​จิ​่น​แอบ​พึมพำ​ใน​ใจ​ว่า​ ​เกือบไป​แล้ว​สิ​ ​หลังจากที่​เขา​เดินทางออก​ไป​จาก​ห้อง​ของ​เจียง​ซื่อ​ก็ได้​ไป​ยัง​ห้อง​ทรงพระ​อักษร​ ​แล้ว​หยิบ​พู่กัน​ขึ้น​มา​เขียนจดหมาย​ไป​ให้​แก่​เจียง​จั้น​

หลังจากที่​เขา​เขียน​จบ​ ​ก็​พบ​ว่า​ผับ​แล้ว​ได้​กระดาษ​หนา​เป็น​ปึก

อวี​้​จิ​่น​จ้องมอง​ไป​ยัง​กระดาษ​ที่​ใช้​เขียนจดหมาย​ซึ่ง​บัดนี้​ยังคง​มี​หมึก​ซึม​ ​เขา​ลูบ​ไป​ที่​คาง​ของ​ตน​ซึ่ง​มีตอ​หนวด​ขึ้น​เล็กน้อย​แล้ว​กล่าว​ใน​ใจ​ว่า​ ​แปลก​จริง​ ​ข้ามี​ภรรยา​แล้ว​ทั้งคน​ ​ยัง​จะ​ถือสา​เจ้า​โง่​เจียง​เอ้อร​์​นั่น​อีก​เพื่อ​สิ่งใด

หนาน​เจียง​ใน​เดือน​หก​ ​เป็นช่วง​ที่​ต้นไม้ใบหญ้า​กำลัง​เบ่งบาน

เจียง​จั้น​พา​คน​กลุ่ม​หนึ่ง​ซุ่ม​โจมตี​ได้​อย่างสวยงาม​ ​หลังจาก​กลับ​ไป​ถึง​ค่ายทหาร​แล้วจึง​ได้​นำ​กวาง​ที่​ดัก​ยิง​ได้​ระหว่างทาง​ ​ขึ้นไป​ย่าง​บน​กองไฟ

กวาง​ตัว​เบ้อเร่อ​ถูก​ท่อนไม้​เสียบ​เข้าไป​ ​มัน​หยด​เยิ้ม​ลงมา​ไม่​ขาด​ ​ส่งกลิ่น​หอม​ยั่วยวน​ชวน​ให้​ทหาร​ทั้งหลาย​อด​ไม่ได้​จะ​น้ำลายสอ

“​ท่าน​แม่ทัพ​ ​กวาง​ย่าง​ได้ที่​แล้ว​ขอรับ​”​ ​ทหาร​คน​หนึ่ง​นำ​เนื้อ​กวาง​ชิ้น​หนึ่ง​ที่​ย่าง​จน​เกรียม​ยื่น​ให้​แก่​เจียง​จั้น

“​ขอบใจ​”​ ​เจียง​จั้น​เพิ่งจะ​ยื่นมือ​ไปรั​บมา​ ​จากนั้น​เขา​ก็​จาม​ออกมา​ติดต่อกัน​สาม​หน

ผู้ใด​คิดถึง​ข้า​กัน

เจียง​จั้น​ทำท่า​ทาง​ครุ่นคิด​ ​ก่อน​จะ​สะดุ้ง​เล็กน้อย​อยู่​ใน​ใจ​ ​คง​ไม่ใช่​ว่า​เขา​จะ​ได้​เป็น​ลุง​แล้ว​หรือ

เขา​กัด​เนื้อ​กวาง​เข้าไป​คำ​หนึ่ง​แล้ว​เอ่ย​ถาม​ทหาร​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​ว่า​ ​“​เจ้า​แต่งงาน​แล้ว​หรือไม่​”

ทหาร​ผู้​นั้น​ตอบ​ด้วย​ความ​กระตือรือร้น​ว่า​ ​“​ท่าน​แม่ทัพ​ ​จะ​หาคู่​ครอง​ให้​แก่​ข้า​น้อย​หรือ​”

เจียง​จั้น​หัวเราะ​ออกมา​ด้วย​ความเยือกเย็น​ ​“​เจ้า​ฝัน​สิ่งใด​อยู่​กัน​ ​ข้า​เอง​ก็​ยัง​ไม่มี​ภรรยา​!​”

“​อ้อ​”​ ​ทหาร​ผู้​นั้น​จึง​รีบ​ทำท่า​ทาง​สงบเสงี่ยม

ในขณะนี้​เจียง​จั้น​หันไป​มอง​ทหาร​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​ดู​อายุ​ไม่น้อย​แล้ว​ ​จากนั้น​จึง​เอ่ย​ถาม​ขึ้น

ทหาร​ผู้​นั้น​ยิ้ม​ตอบ​ด้วย​ท่าทาง​เคอะเขิน​ว่า​ ​“​ท่าน​แม่ทัพ​ ​ข้า​เพียงแค่​อาจจะ​ดู​แก่​เกิน​วัย​เล็กน้อย​ ​แต่​ข้า​ก็​ยัง​ไม่ได้​มี​ภรรยา​เช่นกัน​”

เจียง​จั้น​กระตุก​ริมฝีปาก​เล็กน้อย​ ​เขา​กล่าว​ใน​ใจ​ว่า​ ​หน้าตา​เช่น​เจ้า​เรียกว่า​แก่​เกิน​วัย​เล็กน้อย​หรือ​ ​ริ้วรอย​บน​ใบหน้า​ช่าง​รีบร้อน​ขึ้น​มากัน​เสีย​จริง

ในที่สุด​ก็​มีนาย​ทหาร​คน​หนึ่ง​ทน​ดูไม่ได้​อีกต่อไป​ ​เขา​จึง​กล่าว​ขึ้น​ด้วย​ตนเอง​อย่างกล้าหาญ​ว่า​ ​“​ท่าน​แม่ทัพ​ ​ข้า​น้อย​แต่งงาน​มา​หลาย​ปี​แล้ว​ขอรับ​”

“​เจ้า​มีลูก​แล้ว​หรือไม่​”

“​มี​แล้ว​ขอรับ​ ​ชาย​หนึ่ง​หญิง​หนึ่ง​”​ ​เมื่อ​กล่าวถึง​ภรรยา​และ​ลูก​ๆ​ ​ที่อยู่​แดน​ไกล​ ​ทหาร​ผู้​นั้น​ก็​รู้สึก​กระตือรือร้น​ขึ้น​มา

“​เจ้า​ว่า​ ​สตรี​ตั้งครรภ์​ต้อง​ใช้เวลา​เท่าใด​จึง​จะ​คลอด​”

เขา​จำได้​ว่า​ตอนที่​น้อง​สี่​เขียนจดหมาย​มาก​ล่าว​ถึง​เรื่อง​อัน​น่ายินดี​นี้​เป็นเวลา​ใด​ ​แต่​เขา​ไม่รู้​ว่า​คนเรา​ตั้งครรภ์​เป็นเวลา​กี่​เดือน​จึง​จะ​คลอด​บุตร​ ​หาก​เขา​รู้​จะ​ได้​คำนวณ​เวลา​ว่า​ใช่​หรือไม่

ทหาร​ผู้​นั้น​กระอัก​กระ​อ่วม​เล็กน้อย​ ​ก่อน​จะ​ยกนิ้ว​ขึ้น​มาทำ​การคำนวณ​แล้ว​กล่าว​ด้วย​ความลังเล​ว่า​ ​“​ประมาณ​เก้า​เดือน​เห็นจะ​ได้​…​”

“​ไม่ใช่​ ​กล่าว​กัน​ว่า​ตั้งครรภ์​สิบ​เดือน​จึง​คลอด​ไม่ใช่​หรือ​ ​อย่างน้อย​ควรจะ​ตั้งครรภ์​เป็นเวลา​สิบ​เดือน​สิ​”

บรรดา​ชายหนุ่ม​ร่างกาย​กำยำ​ทั้งหลาย​เข้ามา​ล้อมรอบ​กวาง​ย่าง​ที่​ใกล้​จะ​ไหม้​เกรียม​ ​ในไม่ช้า​พวกเขา​ก็​แย่ง​กัน​เสีย​จน​หน้าแดง​เรื่อ​ไป​ถึง​ลำคอ

เจียง​จั้น​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​รู้สึก​ปวดศีรษะ​ ​เขา​กัด​เนื้อ​กวาง​เข้าไป​คำ​หนึ่ง​แล้ว​หวน​ถึง​เมืองหลวง​ซึ่ง​อยู่​อัน​ไกลโพ้น​ ​คาด​ว่า​เขา​คงจะ​มี​ญาติ​เพิ่มขึ้น​อีก​คน​หนึ่ง​แล้ว​ ​แววตา​ของ​เขา​สื่อ​ถึง​ความอิ่ม​เอม​เปรมใจ​ออกมา

หลังจากที่​กลับ​ไป​ถึง​เมืองหลวง​ ​คาด​ว่า​ลูก​ของ​น้อง​สี่​คงจะ​เรียก​เขา​ว่า​ลุง​เป็น​แล้ว​กระมัง

หลังจากที่​ธิดา​น้อย​แห่ง​จวน​เยี​่​ยน​อ๋อง​ถือกำเนิด​มา​ได้​เป็นเวลา​สาม​วัน​ ​ก็ได้​จัด​พิธี​ทำขวัญ​ขึ้น

พิธี​ทำขวัญ​เป็น​พิธี​ที่​มีสิ​ริม​งคล​ยิ่งนัก​ ​จะ​ละเลย​ไป​ไม่ได้​อย่างเด็ดขาด​ ​ทว่า​ไม่จำเป็น​ต้อง​เชิญชวน​ญาติมิตร​มากมาย​ ​เพียงแค่​เชิญ​ญาติสนิท​มาร​่วม​พิธี​เป็น​พอ

แม้​จะ​รู้​ว่า​เป็น​เช่นนั้น​ ​แต่​ใน​วัน​พิธี​ทำขวัญ​ที่​จวน​เยี​่​ยน​อ๋อง​ก็​ครึกครื้น​ผิดปกติ

หลังจาก​ช่วง​บ่าย​ ​ห้องโถง​ด้านนอก​ห้อง​คลอด​ได้​ทำการ​จุด​ธูปเทียน​ขึ้น​ ​และ​ทำพิธี​โดย​หมอ​ผดุงครรภ์

หลังจากที่​หมอ​ผดุงครรภ์​ใช้​น้ำ​ใน​อ่าง​ใบ​เล็ก​ทำการ​เช็ด​ไป​ที่​บน​ตัว​ของ​อา​ฮวน​เรียบร้อย​แล้ว​ ​อา​ฮวน​ก็ได้​ร้องไห้​ขึ้น

ทุกคน​ได้​พากั​นก​ล่าว​ถึง​ความ​เป็น​สิริมงคล​ต่างๆ​ ​นานา​ ​ทว่า​ใน​ใจ​กลับ​ไม่​คิด​เช่นนั้น

เพราะ​ถึงอย่างไร​ก็​เป็น​เพียงแค่​ธิดา​องค์​หนึ่ง​ ​ต่อให้​เป็น​บุตร​คน​แรก​ของ​จวน​เยี​่​ยน​อ๋อง​ ​แต่​ก็​คง​ไม่ใช่​ผู้​ที่​สำคัญ​และ​ควรค่า​ต่อ​การ​ยกย่อง

พิธี​ใน​วันนี้​เพียงแค่​ทำตาม​เป็น​ประเพณี​เท่านั้น

หลังจากที่​หมอ​ผดุงครรภ์​ได้​เอ่ย​คำ​ว่า​ ​“​ข้า​แต่​ปวง​เทพ​เทวา​ ​ขอ​ฝาก​ให้ท่าน​ดูแล​ทั้ง​แม่​ลูก​ ​โปรด​ส่ง​บุตรชาย​มา​ให้​เต็ม​บ้านเรือน​ ​โปรด​ช่วย​ส่ง​บุตรสาว​มา​ไม่ต้อง​มาก​…​”​ ​ทำให้​แววตา​ของ​พระ​ชายา​ฉี​อ๋อง​เผย​ถึง​รอยยิ้ม​เยาะเย้ย​ขึ้น

สิ่ง​ที่​หมอ​ผดุงครรภ์​กล่าว​ออกมา​นั้น​เป็น​คำ​ที่​ถูก​กำหนด​เอาไว้​แล้ว​ ​ตอนนั้น​นาง​เอง​ก็​เคย​ได้ยิน​คำ​เช่นนี้​ด้วย

‘​โปรด​ประทาน​บุตรชาย​ให้​เต็ม​บ้านเรือน​ ​ช่วย​ส่ง​บุตรสาว​มา​ไม่ต้อง​มาก​’​ ​ใน​ตอนนั้น​ที่นาง​ได้ยิน​ไม่ต้อง​กล่าวถึง​ว่า​รู้สึก​ปวดใจ​เพียงใด

เหตุใด​จึง​ไม่ได้​บุตรชาย​เล่า

พระ​ชายา​ฉี​อ๋อง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​หันไป​มอง​ทาง​เจียง​ซื่อ

นาง​เพิ่งจะ​ให้กำเนิด​บุตร​ได้​ไม่​ถึง​สาม​วัน​ ​แต่​สตรีที​่​อยู่​ตรงหน้า​นี้​กลับ​ไม่มี​วี่แวว​ถึง​ความ​อ่อนล้า​แต่อย่างใด​ ​ดู​อิ่มเอม​กว่า​ตอนที่​จะ​ตั้งครรภ์​เสียอีก​ ​ความอิ่ม​เอม​เหล่านี้​ทำให้​มอง​ไป​นาง​ดู​โดดเด่น​งดงาม​กว่า​เดิม

ใน​ใจ​ของ​พระ​ชายา​ฉี​อ๋อง​รู้สึก​ขมขื่น​ยิ่งนัก

ใน​โลก​ใบ​นี้​มักจะ​มี​คน​บาง​กลุ่ม​ที่​ได้รับ​ความเมตตา​จาก​สวรรค์​มากกว่า​ผู้ใด​ ​ทำให้​ผู้คน​พบเห็น​ล้วน​อิจฉา

นาง​สายตา​ไป​มอง​ทาง​เจียง​ซื่อ​ด้วย​แววตา​แฝง​ความ​ยิ้มเยาะ​ ​พระ​ชายา​ฉี​อ๋อง​แอบ​คิด​อยู่​ใน​ใจ​ว่า​ ​นาง​ให้กำเนิด​พระ​ธิดา​ ​พระ​ชายา​เยี​่​ยน​อ๋อง​ไม่​เป็นกังวล​ใจ​กับ​เรื่อง​นี้​เลย​หรือ

เหอะ​ๆ​ ​ก็​คงจะ​เสแสร้ง​ทำเป็น​เข้มแข็ง​เท่านั้น

“​พระ​ชายา​อ๋อง​เพ​คะ​ ​มี​ผู้เดินทาง​มาจาก​พระราชวัง​เจ้าค่ะ​”​ ​บ่าว​รับใช้​นาง​หนึ่ง​วิ่ง​ตรง​เข้ามา​พร้อม​รายงาน

ผู้คน​ทั้งหลาย​ที่นั่ง​อยู่​ใน​ห้องโถง​ต่าง​พากั​นนิ​่ง​เงียบ​และ​หันไป​มองหน้า​กัน​ไปมา

พิธี​ทำขวัญ​เหตุใด​จึง​มี​คน​จาก​พระราชวัง​เดินทาง​มา

การ​ที่​เชื้อพระวงศ์​ให้กำเนิด​สมาชิก​ใหม่​ ​เรื่อง​นี้​จะ​ว่า​ใหญ่​ก็​ไม่​ใหญ่​ ​จะ​ว่า​เล็ก​ก็​ไม่​เล็ก​ ​เรื่อง​เพิ่ม​รายชื่อ​ลง​ไป​ยัง​ฝ่าย​ข้าราชการพลเรือน​และ​บันทึก​ไว้​ใน​แผนภูมิ​หยก​ประจำ​ราชวงศ์​ ​ส่วน​จะ​ได้รับ​ของกำนัล​จาก​พระราชวัง​หรือไม่​นั้น​ ​ก็​ต้อง​ดู​ว่า​ ​เป็น​จวน​ใด​ผู้ให้กำเนิด​ ​หากว่า​เป็น​เชื้อพระวงศ์​ที่​ไม่ได้​ถูก​ให้ความสำคัญ​เท่าไร​นัก​ ​อย่างมาก​สุด​ก็​เพียงแค่​มอบ​ของ​บำรุง​ร่างกาย​มา​ให้​ก็​เท่านั้น​ตามธรรม​เนียม

ใน​พิธี​ทำขวัญ​ ​กลับ​ตั้งใจ​ส่ง​คน​มาร​่ว​มงา​นนับ​ว่าน​้อย​ยิ่งนัก​ ​พิจารณา​ดู​อย่างละเอียดถี่ถ้วน​แล้ว​ดูเหมือนว่า​จะ​มี​เพียง​ตอนที่​ ​ท่าน​อ๋อง​ไม่​กี่​คน​ซึ่ง​ให้กำเนิด​ซื่อ​จื่อ​ ​จึง​มี​คน​จาก​พระราชวัง​เดินทาง​มา​…

เล่อ​กง​กง​เป็น​ศิษย์​ของ​พาน​ไห่​ ​และ​พาน​ไห่​เป็น​ขันที​คนสนิท​ซึ่ง​ฝ่า​บาท​ไว้ใจ​มาก​ที่สุด​ ​ข้าหลวง​จาก​ใน​พระราชวัง​เป็น​คนที​่​ฮ่องเต้​ส่ง​มา​ ​แต่​ไม่ใช่​ฮองเฮา​และ​ไท​เฮา

ทุกคน​ยิ่ง​คิด​ยิ่ง​ประหลาดใจ​ถึง​จุดประสงค์​การ​เดินทาง​มา​ของ​ข้าหลวง​ผู้​นี้​ ​จนกระทั่ง​เสี่ยว​เล่อ​จื่อ​หยิบ​พระราช​โองการ​สีเหลือง​ทอง​ออกมา​ ​แววตา​ของ​พวกเขา​ทุกคน​จึง​ได้​ตกตะลึง

เหตุใด​จึง​มีพ​ระ​ราชโองการ​มาด​้วย

เสี่ยว​เล่อ​จื่อ​มอง​ไป​ยัง​สายตา​ของ​ทุกคน​ ​ก่อน​จะ​เปิด​พระราช​โองการ​ออก​ด้วย​ความระมัดระวัง​แล้ว​อ่าน​ขึ้น​ว่า​ ​“​ด้วย​โองการ​แห่ง​ฟ้า​ ​ฮ่องเต้​จึง​ทรง​มีพ​ระ​บัญชา​ ​พระ​ชายา​เยี​่​ยน​อ๋อง​อ่อนช้อย​เฉลียวฉลาด​ ​สง่างาม​และ​มีคุณ​ธรรม​ ​บัดนี้​พระ​ชายา​เยี​่​ยน​อ๋อง​ได้​ให้กำเนิด​พระ​ธิดา​คนโต​ของ​นาง​ขึ้น​ ​ซึ่ง​จะ​โดดเด่น​เช่นเดียวกับ​พระมารดา​…​พระ​ธิดา​ของ​พระ​ชายา​เยี​่​ยน​อ๋อง​ช่าง​งดงาม​คล้าย​กับ​มารดา​ ​จึง​เป็นที่ชื่นชอบ​ของ​ข้า​ยิ่งนัก​ ​ด้วยเหตุนี้​จึง​ได้​แต่งตั้ง​ยศ​ให้​นาง​เป็น​เหอ​ซูจ​วิ​้น​จู่​ ​จบ​พระราช​โองการ​”​

ภายใน​ห้องโถง​ไร้​สิ้น​เสียง​ใด​แม้กระทั่ง​เสียง​ลม​ ​บรรยากาศ​ ณ​ ​ที่​นั้น​เงียบสงัด​เสีย​จน​น่าประหลาด​ใจ