ตอนที่ 555 ทั่วหล้าปรารถนาให้ทั้งสองเลิกรากัน

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 555 ทั่วหล้าปรารถนาให้ทั้งสองเลิกรากัน

“ความจริงแล้วง่ายมาก ไม่ว่าอย่างไรหยดเลือดของคนที่ยังมีชีวิตทั้งสองคนก็จะรวมเข้ากันได้อยู่ดี แม้จะเอาเลือดสุนัขหรือเลือดไก่มาทดลองกับมนุษย์ ท้ายที่สุดมันก็จะรวมเข้าด้วยกัน ถ้าใช้น้ำอุ่นแล้วเลือดทั้งสองก็จะรวมตัวกันเร็วกว่าเดิม…เข้าใจหรือยัง ? ”

ระหว่างพูด หลินเว่ยเว่ยไม่ทันระวังจึงเผลอทำปากไปสัมผัสกับใบหูของเจียงโม่หาน ทันใดนั้นนางก็ได้เห็นความแปลกใหม่ ใบหูของบัณฑิตน้อยเริ่มแดงขึ้นเร็วกว่าที่นางเคยเห็นเสียอีก…คิคิคิ บัณฑิตน้อยเขินแล้ว !

หลังได้คำตอบที่ต้องการแล้ว เจียงโม่หานก็ถอยออกไปภายใต้การถลึงดวงเนตรใส่ของหมินอ๋อง แต่เหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างได้ จึงเข้าไปเตือนหลินเว่ยเว่ยอีกรอบ “ต่อไปเจ้าอยู่ให้ห่างองค์ชายเจ็ดหน่อย…”

องค์ชายเจ็ดในชาติก่อนมีอุปนิสัยเจ้าอารมณ์ อาฆาตพยาบาทและใจแคบกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เทียบกับโฉวฝู่ที่มีเลือดอาบมืออย่างเขาแล้ว ความอื้อฉาวยังมากกว่าอีก เด็กน้อยชอบทำอะไรไม่คิด เขาจึงกังวลว่านางจะเผลอไปทำให้องค์ชายเจ็ดขุ่นเคืองแล้วโดนตามจองเวร

แต่ในสมองของหลินเว่ยเว่ยกลับมีฉากชิงบัลลังก์ปรากฏขึ้น ‘รู้แล้วว่าเหตุใดองค์ชายเจ็ดจึงสนิทสนมกับหมินอ๋องซื่อจื่อขนาดนี้ ที่แท้องค์ชายเจ็ดผู้มีดวงพักตร์งดงามราวปิศาจก็มีใจทะเยอทะยานนี่เอง ทว่าความทะเยอทะยานขององค์ชายเจ็ดต้องล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะตำหนักหมินอ๋องเป็นผู้พิทักษ์แห่งราชวงศ์อย่างแท้จริง ไม่ยืนอยู่ข้างคนอื่น ! ’

“มีราชโองการ…” ขุนนางทุกคนตกตะลึงในทันที บุตรสาวที่เพิ่งหาตัวพบคนนี้ของหมินอ๋อง ไม่ได้ถูกแต่งตั้งเป็นจวิ้นจู่แล้วหรือ ? ของขวัญพระราชทานก็ไม่น้อยด้วย แล้วจะมีราชโองการอะไรอีก ?

ผู้คนในเรือนหน้ารีบคุกเข่าลงโดยพร้อมเพรียง ผู้ที่มาประกาศราชโองการคือรองหัวหน้าขันที เขาหันไปมองเต๋อฉวนที่อยู่ในฝูงชนแวบหนึ่ง…หัวหน้าขันทีออกจากวังมาทำงานให้ฮ่องเต้ ตัวเขาถึงได้มาประกาศราชโองการที่ตำหนักหมินอ๋องแทนอีกฝ่าย

“ตามลิขิตฟ้า ฮ่องเต้มีราชโองการ…” รองหัวหน้าขันทีอ่านราชโองการเสร็จอย่างรวดเร็ว เนื้อความในราชโองการคือ เว่ยเว่ยจวิ้นจู่มีความดีความชอบในการช่วยชีวิตฮ่องเต้ เปี่ยมด้วยคุณธรรม ฉลาดเฉลียวและปราดเปรื่อง จึงแต่งตั้งให้เป็น ‘องค์หญิงเว่ยเว่ย’ และยังพระราชทานที่ดินศักดินาที่หนิงอ๋องเพิ่งคืนมาให้แก่องค์หญิงเว่ยเว่ยอีกด้วย…

พวกขุนนางใหญ่ที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงต่างเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันทันที หมินอ๋องยังขมวดพระขนงจนเป็นปม ‘ฮ่องเต้หมายความว่าอย่างไร ? จะแย่งบุตรสาวกับเขาหรือ ? บุตรสาวหายตัวไปถึง 15 ปี เพิ่งกลับมาได้ไม่นาน ยังไม่ทันจับมือให้อุ่นเลย เหตุใดจึงมาแย่งไปจากเขาแล้ว ? ฝ่าบาท พระองค์ก็มีองค์หญิงเจียวเจียวแล้วไม่ใช่หรือ ? ยังไม่พออีกหรือไร ? ’

องค์หญิงเจียวเจียววิ่งเข้ามาหาหลินเว่ยเว่ยด้วยความดีใจแล้วคว้าแขนนางไว้ “พี่เว่ยเว่ย ท่านเป็นองค์หญิงเว่ยเว่ย ข้าเป็นองค์หญิงเจียวเจียว ฟังแล้วเหมือนเราสองคนเป็นพี่น้องจริง ๆ กันเลย ? วิเศษมาก ! ต่อไปข้าก็ไม่ต้องอิจฉาที่คนอื่นมีพี่สาวแล้ว ! ”

หลินเว่ยเว่ยยังมึนงงอยู่ ‘ถูกแต่งตั้งเป็นจวิ้นจู่ก็ถือว่าเกินเอื้อมสำหรับนางแล้ว ! แต่ตอนนี้มีแป้งทอดแผ่นใหญ่กว่าเดิมหล่นลงมากระแทกศีรษะนางอีกรอบ องค์หญิง ? ไม่ควรเป็นพวกเชื้อพระวงศ์หรอกหรือ ? ฮ่องเต้ทรงคิดอะไรอยู่ ! หรือคิดจะรับนางเป็นธิดาบุญธรรม ?

แล้วยังมีที่ดินศักดินา…นางหันไปมององค์หญิงเจียวเจียวที่กำลังดีใจ…นี่เป็นบุตรสาวแท้ ๆ ของฮ่องเต้ ยังไม่มีที่ดินศักดินาสักผืน ! ที่ดินศักดินาที่หนิงอ๋องเพิ่งคืนไปกลับตกมาอยู่ในมือนาง ? หลินเว่ยเว่ยรู้สึกว่ามันลวกมือจนไม่กล้ารับไว้ !

มีขุนนางจำนวนไม่น้อยที่เคยเห็นความสามารถขององค์หญิง…เว่ยเว่ย แค่เสื้อคลุมตัวเดียวก็ช่วยฝ่าบาทจากห่าฝนธนูได้ นางช่วยฮ่องเต้และองค์รัชทายาทเอาไว้ การแต่งตั้งให้เป็นองค์หญิงก็คงไม่เสียหายหรอก ? แต่ที่ดินศักดินานี้…เอาเถิด ที่ดินศักดินาทางตะวันตกเฉียงเหนือของหนิงอ๋องเหมือนจะไม่มีอะไร พูดกันว่าแม้แต่ภาษีที่ดินขั้นต่ำก็ยังเรียกเก็บได้ยาก…

หลินเว่ยเว่ยโดนองค์หญิงเจียวเจียวลากกลับมาที่เรือนหลังด้วยอาการมึนงง เมื่อเข้าประตูชั้นรองมาแล้วข้างหูของนางก็เต็มไปด้วยน้ำเสียงแสดงความยินดี สตรีชั้นสูงเหล่านั้นอิจฉากันจนตาจะแดงเหมือนกระต่าย…องค์หญิงที่มีเพียงสองพระองค์ในราชวงศ์ ! แท้จริงไม่ใช่คนในราชวงศ์ก็สามารถถูกแต่งตั้งให้เป็นได้เหมือนกัน !

เฮ้อ ! เหตุใดพวกตนถึงไม่มีวาสนาแบบนี้บ้าง ? เมื่อลองไตร่ตรองดูแล้วพวกสตรีชั้นสูงก็คิดว่าเพราะตนไม่มีความสามารถที่จะช่วยฮ่องเต้และองค์รัชทายาทจากห่าฝนธนูของพวกกบฏราชวงศ์ก่อนได้…เมื่อคิดได้แบบนี้แล้ว ใจก็เริ่มกลับมาสงบอีกครั้ง

ฝูเหรินจากครอบครัวที่มีบุตรชายวัยเดียวกับองค์หญิงเว่ยเว่ย ต่างเผยความประสงค์อยากจะสู่ขอองค์หญิงเว่ยเว่ยกับหมินหวางเฟยขึ้นมาทันที สตรีจากเรือนหลังของตำหนักหมินอ๋องก็มีจุดแข็งมากพออยู่แล้ว แต่ใครจะคิดว่าตัวองค์หญิงเว่ยเว่ยจะมีจุดแข็งยิ่งกว่าเพราะช่วยชีวิตฮ่องเต้ไว้ถึงสองครั้ง ขอแค่เด็กคนนี้ไม่คิดก่อกบฏ ชั่วชีวิตนี้ก็คงเต็มไปด้วยเกียรติยศและความเจริญรุ่งเรือง !

หลังได้ยินฝูเหรินท่านอื่นแสดงความอยากรู้อยากเห็นเรื่องคู่ครองของบุตรสาว หมินหวางเฟยก็ตอบด้วยรอยยิ้ม “แม่เลี้ยงของเว่ยเอ๋อร์ได้หมั้นหมายให้นางไว้แล้ว”

ฮองเฮาขมวดพระขนง “ถ้าจำไม่ผิด แม่เลี้ยงของเว่ยเอ๋อร์เป็นหญิงสามัญชนคนหนึ่ง ? เว่ยเอ๋อร์ยังเด็ก เรื่องการหมั้นหมายของนางไม่ต้องรีบร้อนหรอก ! ”

ความหมายแฝงคือหญิงสามัญชนคนหนึ่งจะจัดงานหมั้นหมายที่ดีอะไรให้องค์หญิงเว่ยเว่ยได้ ? แม้ไม่ใช่บุรุษยากไร้ที่หากินกับดิน แต่อย่างมากสุดก็เป็นแค่เศรษฐีชนบทหรือเจ้าของที่ดินอะไรทำนองนั้น เทียบกับฐานะองค์หญิงเว่ยเว่ยในเวลานี้แล้วยังห่างชั้นกันอีกไกล ฐานะไม่เหมาะสมกันเลย

ฝูเหรินคนอื่นก็คิดแบบนี้เหมือนกัน หรือหมินหวางเฟยจะยอมให้บุตรสาวแต่งกับชาวป่าชาวเขา ? เรื่องการแต่งงานเป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็วต้องเกิดขึ้น แม้องค์หญิงเว่ยเว่ยจะถอนหมั้นแล้วสูญเสียชื่อเสียง แต่ด้วยฐานะของตำหนักหมินอ๋องและเบื้องหลังขององค์หญิงเว่ยเว่ยยังมีฝ่าบาทคอยหนุนหลังอีก คนที่มาสู่ขอจะต้องมีจำนวนนับไม่ถ้วนแน่นอน ไม่แน่ว่าฮ่องเต้อาจพระราชทานงานอภิเษกให้นางด้วยซ้ำ !

หมินหวางเฟยเห็นท่าทีของทุกคนจึงหันไปตรัสกับฮองเฮาว่า “คู่หมั้นของเว่ยเอ๋อร์คือเจี้ยหยวนของเมืองจงโจวและเหอโจว เรื่องสร้างกังหันน้ำกระดูกมังกรพลังลมก็เป็นเขาคิดค้นขึ้นมา ! แล้วยังมีวิธีกรองน้ำซึ่งกลายเป็นที่นิยมในกองทัพซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากแม่ทัพนายอื่น ! ”

บัณฑิตเจียงผู้ปรับปรุงกังหันน้ำกระดูกมังกร…อ้อ ตอนนี้ได้เป็นเจี้ยหยวนแล้ว…ฮองเฮาทราบเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ตอนที่เขายังเป็นเพียงบัณฑิตถงเซิง ฮ่องเต้ก็ให้ความสำคัญกับเขาแล้ว ตรัสว่าราชสำนักต้องการคนทำงานเป็นและยังตรัสว่าหากเขาสอบไม่ผ่านก็จะแหกกฎให้เข้าทำงานในกรมโยธาธิการ โดยใช้จุดแข็งของเขาให้เป็นประโยชน์! ตอนนี้ราชสำนักกำลังขาดแคลนคนทำงานอยู่จริง ๆ !

ผู้ที่ทำให้ฮ่องเต้มอบความสำคัญได้ถึงเพียงนี้ หากพยายามอีกหน่อย แม้จะเป็นเมล็ดพันธุ์ใหม่ที่มาจากสนามสอบขุนนาง อนาคตต้องไม่เลวร้ายแน่นอน ฮองเฮาตรัสด้วยรอยยิ้ม “หากชายผู้นี้ได้เป็นจิ้นซื่อก็ยังพอคู่ควรกับเว่ยเอ๋อร์ได้บ้าง ไม่ทราบว่านิสัยของคนผู้นี้เป็นอย่างไร ? ในบ้านมีภาระอะไรหรือเปล่า ? ”

ยากนักที่ครอบครัวยากจนจะบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ที่ดีออกมาได้ สาเหตุหนึ่งในนั้นก็คือหลังสอบจิ้นซื่อได้และได้เป็นขุนนาง ฐานะชาติตระกูลจะถูกยกระดับอย่างกะทันหันแล้วทำให้คนในครอบครัวหลงใหลอำนาจจนขาดความชอบธรรมในตนเองไป ส่งผลให้กลายเป็นภาระของบุตรต้องมาตามแก้ไข

ในราชวงศ์ก่อนก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่ทั่วไป ผู้อาวุโสอุทิศทุกอย่างในครอบครัวเพื่อเลี้ยงดูจิ้นซื่อมาได้คนหนึ่ง ตอนเข้ารับตำแหน่ง ทุกคนในวงศ์ตระกูลล้วนอยากได้ผลประโยชน์ไปด้วย จึงลากคนทั้งครอบครัวตามจิ้นซื่อไปรับตำแหน่งยังสถานที่หนึ่ง คนพวกนั้นเป็นผู้อาวุโสของจิ้นซื่อ ระหว่างที่เขาอยู่ในช่วงสอบก็เคยให้ความช่วยเหลือมาทั้งนั้น เขาจึงต้องสำนึกบุญคุณเสมอ บิดามารดาก็มีทัศนคติไม่กว้างไกล ระหว่างอยู่ในตำแหน่งแล้วเห็นชาวบ้านได้ครอบครองที่ดินอันอุดมสมบูรณ์จึงหันไปบีบบังคับอีกฝ่ายถึงตาย จิ้นซื่อคนนี้ถูกขับออกจากเส้นทางขุนนางและยังมีจุดจบด้วยการโดนเนรเทศ !

ในราชวงศ์นี้ยังมีตัวอย่างที่หญิงสูงศักดิ์ไปแต่งงานกับบัณฑิตยากจนเช่นกัน แม่สามีและพี่สะใภ้กลายเป็นมารร้ายในชีวิต เงินที่ใช้กินใช้ดื่มล้วนมาจากสินเดิมของนางทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังเลียนแบบชาวบ้านทั่วไปโดยใช้กฎเดิมคือยึดผู้อาวุโสเป็นหลัก ตอนนางตั้งครรภ์ก็โดนพี่สะใภ้ผลักจนล้ม หลังสูญเสียสิทธิ์การเป็นมารดาไปแล้ว นางก็โมโหจนขอหย่ากับสามี…