บทที่ 593 เพื่อนเก่า

ไม่กี่วันต่อมา

คณะราชทูตจากซยงหนูมาถึงเมืองหลวงได้อาศัยพักอยู่ที่หอฮุ่ยต่ง องค์ชายรองฮ่าวตุ้นปะปนมากับคณะทูตในครั้งนี้ แต่เขาไม่ใช่ทูตหลักจึงไม่มีใครให้ความสนใจกับเขามากนัก

หลังจากที่เข้าพักในโรงเตี๊ยมได้ไม่นานเขาก็ออกจากที่นั่นพร้อมกับบ่าวรับใช้ที่ชื่อเฮยหลาง จากนั้นจึงได้เดินเตร็ดเตร่ไปรอบเมืองหลวง

เขามีรูปร่างสูงมากดูเหมือนคนต่างถิ่น แต่ในเมืองหลวงแห่งนี้ มีราชทูตทูตจากแคว้นต่างๆ มาเยี่ยมเยือนบ่อยครั้ง ผู้คนในเมืองจึงเห็นเป็นเรื่องชินตา ทำให้เขาไม่เป็นที่สนใจมากนัก

เขากำลังเดินอยู่บนถนนในเมืองหลวง ดูเหมือนว่ากำลังหลงทิศทาง แต่ที่จริงแล้วเขากลับคอยสังเกตทุกอย่างรอบตัว เมื่อเทียบกับหกปีก่อน เมืองหลวงในตอนนี้มีความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นกว่าเดิม

ใช่แล้ว เมื่อหกปีก่อนเขาเคยมาที่นี่ในฐานะราชทูต ไม่นานนักหลังจากที่เขามาถึงเมืองหลวง ต้าโจวและซยงหนูก็รบกัน ทำให้สถานะของเขาในเมืองหลวงถึงขั้นลำบาก แต่อย่างน้อยย่อมดีกว่าองค์ชายแปด เพราะเขาอยู่ในสถานะทูต จึงไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเขาคือองค์ชายรองของเผ่าฮั่น ในขณะที่น้องแปดของเขาเป็นองค์ชายตัวประกัน

หากยังสู้รบกันต่อไป เขาคงได้เสียหัวไปแล้วจริงๆ

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังถูกกักบริเวณอยู่ในหอฮุ่ยต่งในฐานะตัวประกันอยู่ดี ถ้าสถานะของเขาถูกเปิดเผยเมื่อไหร่ย่อมเป็นอันตราย เขาจึงลักลอบออกจากต้าโจวไปด้วยการช่วยเหลือของเด็กสาวคนหนึ่ง นางมีนามว่ากู้อิ๋น

นางไม่เพียงแค่ช่วยเขาเท่านั้นแต่ยังบอกว่าเขาเหมือนกับนกอินทรีที่รอวันสยายปีกบินขึ้นไปยังท้องฟ้า

ฮ่าวตุ้นรู้สึกว่าวาทะศิลป์ของชาวต้าโจวอ้อมค้อมเกินไป เขาไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่นัก แต่ก็เข้าใจได้ว่าหญิงสาวผู้นั้นหมายถึงอะไร วันหนึ่งเขาจะได้ขึ้นครองตำแหน่งข่านของเผ่า

แน่นอนว่าความทะเยอทะยานของเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เขาต้องการครอบครองแผ่นดินต้าโจวแห่งนี้อีกด้วย

ในเวลานั้น เขาคิดแต่เพียงว่า สักวันหนึ่งเขาจะยาตราเข้ามาในแคว้นนี้ พร้อมกับกองทัพที่เกรียงไกรของตน เขาจะกลายเป็นผู้ครอบครองแผ่นดินนี้ แต่งตั้งให้หญิงสาวผู้นั้นเป็นฮองเฮาของตนเอง !

ฮ่าวตุ้นมีความทะเยอทะยาน แต่น่าเสียดายผ่านไปหลายปีแล้ว เขายังไม่ได้ตำแหน่งข่านมาครอบครองเลย

อย่างไรก็ดีเมื่อมาถึงเมืองหลวงแล้วเขายังอยากพบสตรีผู้นั้นอยู่

กู้อิ๋น… คุณหนูสกุลกู้ หลังจากที่เขาเดินไปมาที่ถนนสักพัก เฮยหลางลูกน้องของเขาก็เดินเข้ามาหา เขาเป็นชาวซยงหนูที่พูดภาษาของชาวต้าโจวได้ดีมาก ทำให้องค์ชายรองพูดภาษาต้าโจวได้เช่นกัน

“ได้ความว่าอย่างไรบ้าง”

“แม่นางกู้อิ๋นตายแล้ว”

เขาชงักไปชั่วขณะ ใบหน้าที่สดใสฉายวาบขึ้นมาในหัวใจของเขา

“ตายได้อย่างไร?”

เฮยหลางเล่าถึงสิ่งที่เขาได้ยินมาเกี่ยวกับการเสียชีวิตของกู้อิ๋น และชื่อของ “ถังหลี่” แม้จะบอกว่ากู้อิ๋นสมควรตายแล้ว แต่ฮ่าวตุ้นไม่เคยมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เขาจึงไร้ซึ่งมโนธรรม เขารับรู้แต่ว่า กู้อิ๋นเป็นผู้มีพระคุณของเขา คนที่ทำให้ผู้มีพระคุณของเขาตาย คนผู้นั้นย่อมเป็นศัตรูของเขาเช่นกัน

เขาเกลียดถังหลี่มาก!

ในภายหน้าเมื่อเขายึดต้าโจวได้เขาจะคว้าถังหลี่มาฉีกเป็นชิ้นๆ แน่นอนเพื่อล้างแค้นให้กับกู้อิ๋น

องค์ชายรองซยงหนูอารมณ์ไม่ดีหลังจากได้ยินข่าวของกู้อิ๋น เขาเดินไปตามถนนด้วยใบหน้าที่มิดมน เฮยหลางตัวสั่น สิ่งที่น่ากลัวที่สุดขององค์ชายรองก็คือ ยามที่เขาอารมณ์ไม่ดีเขาพร้อมที่จะฆ่าคนได้ทุกเมื่อ

“องค์ชายรอง ที่นี่คือต้าโจว คนพวกนี้ก็เป็นชาวต้าโจว” เฮยหลางกระซิบ เตือนเขาว่าเขาไม่สมควรลงมือฆ่าคนในแคว้นต้าโจว

“ข้ารู้แล้ว” ฮ่าวตุ้นระงับรังสีสังหารของตัวเอง

บังเอิญในตอนนั้น เขาเดินชนเข้ากับคนผู้หนึ่งเข้า อารมณ์ร้ายของเขาพุ่งขึ้นทันใด

“ให้ตายเถอะ เจ้าไม่มีตาหรืออย่างไร!!”

ฮ่าวตุ้นยื่นมือออกไปคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายขึ้นมายกเขาขึ้น ความเกลียดชังส่องประกายจ้าในดวงตาของเขา ชายคนนั้นหวาดกลัวมาก เขาพยายามที่จะหลุดให้ออกจากการจับกุม แต่ไม่ว่าทำอย่างไรเขาก็ไม่มีทางหลุดพ้น

ใบหน้าของเฮยหลางซีดลง ตอนนี้เจ้านายของเขากำลังโมโห หากเขาเข้าไปห้ามปรามองค์ชายรองคงจะฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆ

แต่จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“พวกท่านทั้งสองอย่าได้ทะเลาะกันเลย มีอะไรค่อยๆ พูด ค่อยๆ คุยกันเถอะ”

เมื่อเฮยหลางหันไปดู คนที่พูดคือหญิงสาวหน้าตางดงามผู้หนึ่ง นางนั่งอยู่ในรถม้าเลิกผ้าม่านขึ้น เมื่อนางพูดจบประโยค ท่าทีโมโหร้ายของฮ่าวตุ้นก็สงบลง เขาปล่อยคอเสื้อของชายผู้นั้น หลังจากเป็นอิสระแล้วเขารีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

ฮ่าวตุ้นจ้องมองไปที่สตรีนางนั้น นางส่งยิ้มให้เขาจากนั้นจึงได้ปิดม่านและจากไป

เขามองตามรถม้าคันไปอย่างไม่ละสายตา ในใจมีความรู้สึกคุ้นเคยที่อธิบายไม่ได้บางอย่างกับสตรีผู้นั้น..

จินเซ่อนั่งอยู่ในรถม้า ตอนนี้ใบหน้าของนางเปลี่ยนไปแล้วทำให้ฮ่าวตุ้นจำนางไม่ได้ แต่นางกลับจำเขาได้ทันที นางเคยเจอองค์ชายรองเมื่อหกปีที่แล้ว แม้อีกฝ่ายจะเปลี่ยนไป ดูแข็งแกร่งสมชายชาตรีมากขึ้น

นางจำได้ว่าในชาติที่แล้วฮ่าวตุ้นเป็นข่านของเผ่าฮั่น นางจึงช่วยฮ่าวตุ้นไว้ จินเซ่อต้องการให้เขาติดหนี้บุญคุณของตนเอง นางจะได้ใช้ประโยชน์ในอนาคต แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดกลับเป็นองค์ชายแปดของซยงหนูที่ยังไม่สิ้นพระชนม์ เขากลับไปที่แผ่นดินฮั่นเพื่อแย่งชิงตำแหน่งข่านกับองค์ชายรอง

จนถึงตอนนี้ฮ่าวตุ้นก็ยังไม่ได้ขึ้นเป็นข่าน ทำให้จินเซ่อรู้สึกผิดหวังจนลืมเขาไปแล้ว

นางได้ยินว่าวันนี้จะมีทูตของฮั่นมาที่เมืองหลวง แต่ไม่ได้คาดคิดว่าจะเป็นเขา ดูเหมือนเขาจะมีแผนการบางอย่าง …จินเซ่อคิดว่าตนจะใช้ประโยชน์จากองค์ชายรองผู้นี้อย่างไร

หลังจากครุ่นคิดแล้ว นางได้กลับไปวังรุ่ยอ๋องเขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่งแนบปิ่นประดับผมส่งไปยังหอฮุ่ยต่ง

เมื่อฮ่าวตุ้นเห็นจดหมายพร้อมกับปิ่นประดับผม องค์ชายรองตกตะลึง เขาจำได้อย่างแม่นยำว่าในตอนที่เขาเจอกับแม่นางกู้อิ๋นครั้งแรก นางปักปิ่นชิ้นนี้

หัวใจของเขาเต้นแรง

เขาเปิดจดหมายอ่านทันที ทว่าเขาไม่รู้ตัวหนังสือของต้าโจว จึงส่งให้เฮยหลางเป็นคนอ่านแทน เนื้อหาในจดหมายเรียบง่าย มีการระบุให้เขาไปพบที่หอหยานชุนเพื่อระลึกถึงวันเก่าๆ

ระลึกถึงความหลัง…

มีแต่ต้องพิสูจน์เท่านั้นจึงจะรู้ได้…

ที่หอหยานชุนแห่งนี้คือสถานที่ที่กู้อิ๋นให้เขาหลบซ่อนตัวในครั้งนั้น เขาพิจารณาดูปิ่นประดับผมอีกครั้ง อีกฝ่ายจะต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับกู้อิ๋นเป็นแน่

ฮ่าวตุ้นรอจนกระทั่งมืดลง

เมื่อเข้าไปถึงหอหยานชุนมีคนมาทักทายเขา ถามว่าเขาชอบสตรีแบบไหน ? ฮ่าวตุ้นตอบอย่างขอไปที เขาถูกพาตัวไปยังห้องหนึ่ง

เมื่อผลักประตูเข้าไป เขาเห็นหญิงสาวที่เขาพบเมื่อตอนกลางวันนั่งอยู่ในห้อง หน้าตาและรูปร่างไม่เป็นที่คุ้นเคย แต่ฮ่าวตุ้นกลับรู้สึกสัมผัสได้ถึงบางอย่าง เหมือนในยามบ่ายที่คำพูดของนางทำให้เขาสงบสติอารมณ์ลงได้

“แม่นาง..”

“ข้าเป็นสหายของกู้อิ๋น” จินเซ่อเอ่ยขึ้น

“นางบอกว่าท่านเป็นเพื่อนที่ดีของนาง นางเคยวาดภาพเหมือนของท่านให้ข้าดู ข้าจึงจำท่านได้”

ดวงตาของฮ่าวตุ้นเป็นประกาย เขาไม่คิดว่ากู้อิ๋นจะสนใจเขามากเช่นนี้

“กู้อิ๋นถูกถังหลี่ฆ่าหรือ?” เขาพูดด้วยความโกรธ

จินเซ่อไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป นางรีบส่งต่อความคับแค้นนี้ในทันที

หญิงสาวพยักหน้ารับ

“ตอนนี้ถังหลี่เป็นคุณหนูจวนแม่ทัพ นางแต่งงานกับเจ้ากรมอาญา นางจึงได้รับการสนับสนุนจากสกุลกู้และกรมอาญาทำให้ข้าหมดปัญญาที่จะล้างแค้นให้กู้อิ๋นได้”

“ข้าจะล้างแค้นให้แม่นางกู้!” ฮ่าวตุ้นพูดด้วยความโกรธเกรี้ยว

“คุณชายเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรักและความยุติธรรม แม่นางกู้ได้กล่าวไว้ถูกต้องแล้ว!”

จินเซ่อกล่าว ทั้งสองคนมีความเกลียดชังร่วมกัน เมื่อพูดถึงวันเก่าๆ ยิ่งทำให้พวกเขาสนิทกันมากขึ้น หลังจากนั้นจินเซ่อก็ออกจากหอหยานชุนเงียบๆ

เมื่อนางกลับไปที่จวนรุ่ยอ๋อง ก็พบว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นั่น

หลังจากถามบ่าวรับใช้ก็พบว่าองค์ชายสามอยู่ในห้องหนังสือนางจึงตรงไปหาเขา นางตั้งใจจะเคาะประตู กลับได้ยินเสียงสตรีดังออกมาจากในห้อง จินเซ่อชะงักมือไป

“องค์ชายวาดภาพได้งดงามมากเพคะ”

นางได้ยินแว่วๆ ว่าเขาพูดบางอย่าง หากจับความไม่ได้ชัด

จินเซ่อหน้าเปลี่ยนสี ประตูถูกแง้มอยู่ก่อนแล้ว นางจึงได้ผลักออกเบาๆ พบว่าองค์ชายสามกำลังจับมือสตรีผู้หนึ่ง เขียนอะไรบางอย่างด้วยท่าทีที่สนิทสนม

จินเซ่อไม่สบายใจ นางผลักประตูเปิดกว้างอย่างไม่รู้ตัว คนทั้งสองหันมามอง จ้าวชูมองนางนิ่งๆ เขาเพียงแต่ดึงมือออกจากสาวใช้เท่านั้น

ดวงตาเย็นชาของนางมองไปที่หน้าของสาวใช้ เมื่อเห็นใบหน้าของสาวใช้ถนัดชัดเจน สีหน้าของจินเซ่อเปลี่ยนไปทันที เพียงมองแวบแรกก็รู้สึกคุ้นเคยกับใบหน้านั้น เมื่อพินิจดูอีกครั้งจึงพบว่านางมีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับถังหลี่!

เมื่อคิดขึ้นได้ นางก็รู้สึกหดหู่ไปชั่วขณะ

เป็นไปไม่ได้ เป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น องค์ชายสามรักนาง เป็นเรื่องปกติที่บุรุษจะมีภรรยาสามอนุฯสี่

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา องค์ชายมีเรื่องข้องแวะกับสตรีบ้าง แต่ไม่ได้จริงจังเท่าไหร่นัก สุดท้ายแล้วเขามีนางเพียงผู้เดียวเท่านั้น

สาวใช้เห็นว่าตนเองมีองค์ชายสามหนุนหลัง เมื่อเห็นจินเซ่อจ้องมองนางเขม็งจึงได้จงใจพูดขึ้นว่า

“องค์ชาย..บ่าวทำอะไรผิดไปหรือไม่? เหตุใดพระชายาจึงได้มองบ่าวเช่นนั้นเพคะ” จ้าวชูโอบที่ไหล่ของนางอย่างปลอบโยน

นางยิ่งได้ใจขึ้นมองจินเซ่ออย่างผยอง จินเซ่อแอบเยาะเย้ยอยู่ในใจ

นังคนนี้ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียแล้ว! จินเซ่อเดินไปที่เบื้องหน้าของจ้าวชูจับแขนของเขาไว้

“องค์ชาย ราชทูตที่มาจากซยงหนูคราวนี้ไม่ง่ายนัก”

เมื่อจ้าวชูได้ยินว่าจินเซ่อกำลังจะพูดเรื่องสำคัญ เขาหันไปมองสาวใช้

“เจ้าออกไปก่อน”

“องค์ชาย…”

สาวใช้ไม่เต็มใจ แต่สายตาของจ้าวชูมองนางอย่างเย็นชา นางจึงออกไปจากห้องหนังสืออย่างเชื่อฟัง

“องค์ชาย..หนึ่งในคณะราชทูตครั้งนี้มีคนผู้ซึ่งมีตัวตนไม่ธรรมดา เขาเป็นองค์ชายรองของซยงหนูนามว่าฮ่าวตุ้น” จินเซ่อกล่าว

“ฮ่าวตุ้น? เขามาด้วยตัวเองหรือ?” ดวงตาของจ้าวชูเป็นประกายด้วยความสนใจ เขาคือผู้ท้าชิงตำแหน่งข่านของฮั่น ที่แข็งแกร่งที่สุด

“ข้าเคยช่วยเขาไว้เมื่อหกปีก่อน ดังนั้นข้าจึงรู้ตัวตนของเขา” จินเซ่อกล่าว

“วันนี้ข้าพบและพูดคุยกับเขาในฐานะของสหายกู้อิ๋น”

จ้าวชูครุ่นคิด

ต้าโจวและต้าฉีกำลังอยู่ในสงคราม หากซยงหนูเข้ามาร่วมด้วย ต้าโจวจะต้องเจอศึกที่ลำบาก เสด็จพ่อจึงให้ความสำคัญกับการมาเยือนของราชทูตซยงหนู ตอนนี้ฮ่าวตุ้นอยู่ที่นี่ เขาเป็นบุคคลที่มีความสำคัญตอชาวซยงหนู หากเขาได้ขึ้นเป็นข่านในภายหน้า เขาอาจจะช่วยผลักดันตนขึ้นครองบัลลังก์ก็เป็นได้ การเป็นมิตรกับฮ่าวตุ้นถือได้ว่าเป็นประโยชน์

“พระชายา..องค์ชายรองเสด็จมาไกล หากมีโอกาสเจ้าต้องต่อปฏิบัติเขาให้ดีล่ะ” จ้าวชูกล่าว จินเซ่อพยักหน้ารับ

“เพคะ หม่อมฉันทราบแล้ว… องค์ชาย หม่อมฉันขาดสาวใช้ ที่มีอยู่ก็ใช้งานได้ไม่ดีนัก สาวใช้คนนี้ถูกชะตาหม่อมฉัน ท่านมอบนางให้หม่อมฉันได้ไหมเพคะ?”

เสียงของจินเซ่อดังขึ้นอย่างจงใจให้สาวใช้ที่รออยู่ด้านนอกได้ยิน

สาวใช้ตื่นตระหนก หากนางตกไปอยู่ในเงื้อมมือของพระชายา นางคงไม่รอดชีวิตเป็นแน่!

นางรีบคุกเข่าลงที่หน้าประตูพูดขึ้นว่า

“บ่าวเป็นคนซุ่มซ่ามเพคะ อาจจะรับใช้พระชายาได้ไม่ดีนัก”

“เจ้าซุ่มซ่ามเช่นนี้ คงต้องรบกวนให้พระชายาสั่งสอนเห็นจะดี” จ้าวชูกล่าว

ทันทีที่ได้ยิน ใบหน้าของสาวใช้ซีดเผือดไร้สีเลือด จินเซ่อแย้มยิ้มออกมาอย่างพอใจก่อนจะเลือนหายไป

———————————–