บทที่ 543 คุกสวรรค์อนธการ อริยะสวรรค์เกรียงไกรเปี่ยมกุศล

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 543 คุกสวรรค์อนธการ อริยะสวรรค์เกรียงไกรเปี่ยมกุศล

หานเจวี๋ยเมินเฉยต่อสีหน้าท่าทางของอริยะ ทุ่มสมาธิต่อสู้ ป้องกันไม่ให้ร่างจำลองทั้งสองร่างของมารมรรคาสวรรค์ลอบโจมตีเขา

เมื่อถูกพลังมหามรรคของร่างจำลองเทพมารทั้งเจ็ดสิบสี่ตนสะกดข่ม มารมรรคาสวรรค์ไม่อาจต่อต้านได้อย่างสิ้นเชิง

ร่างกายของมารมรรคาสวรรค์ถูกฉีกกระจุย จากนั้นก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว วนเวียนซ้ำๆ ในกระบวนการนี้ กลิ่นอายของเขาอ่อนจางลงอย่างรวดเร็ว

ขอเพียงสะกดข่มไว้ได้ เช่นนั้นมารมรรคาสวรรค์ก็ได้แต่รอคอยความตายแล้ว!

แม้ว่าจะทราบถึงจุดนี้ดี หานเจวี๋ยก็ไม่กล้าวางใจ

ชั้นฟ้าที่สามสิบสามถูกแช่แข็ง ทอดสายตามองออกไป เห็นเป็นน้ำแข็งสีฟ้าเข้มทั้งสิ้น มารสวรรค์นับไม่ถ้วนกำลังดิ้นรน อยากทำลายน้ำแข็งออกมา แต่นอกจากมารมรรคาสวรรค์แล้ว มารสวรรค์ที่เหลือไหนเลยจะต่อต้านพลังเวทมหาศาลของหานเจวี๋ยได้

หานเจวี๋ยค่อยๆ ลอยสูงขึ้นไป จนมาถึงห้วงอวกาศเหนือร่างจำลองเทพมารทั้งหมด หลุบตามองฉากสงครามนี้ จิตศักดิ์สิทธิ์ของเขากวาดไปทั่วสารทิศ เฝ้าระวังร่างจำลองสองตนนั้นของมารมรรคาสวรรค์

พลังมหามรรคแต่ละชนิดเข้าท่วมทับร่างกายมารมรรคาสวรรค์ที่เริ่มผุกร่อน แสงเจิดจ้าหลากสีแยงนัยน์ตา ส่องกระทบทุ่งน้ำแข็งแห่งชั้นฟ้าที่สามสิบสามวูบไหวพราวระยับ ทั่วทั้งชั้นฟ้าที่สามสิบสามตกอยู่ในปรากฏการณ์แปลกประหลาดลึกลับดั่งภาพมายาฉากหนึ่ง

เหล่าอริยะไม่ได้ผ่อนคลายการเฝ้าระวังลงเลย ต่างก็ตื่นตัวเต็มกำลัง จ้องมองมารมรรคาสวรรค์เขม็ง หวาดกลัวว่าจู่ๆ มารมรรคาสวรรค์จะระบิดพลังออกมา

ความสามารถในการเยียวยาตัวเองของมารมรรคาสวรรค์เหนือกว่ามารสวรรค์ตนอื่น ร่างกายฟื้นฟูกลับมาอยู่ตลอด ความเร็วในการกัดกินของเทพมารกลืนกินตามความเร็วในการฟื้นฟูของเขาไม่ทัน

ผ่านไปราวๆ สามสิบลมหายใจแล้ว!

สถานการณ์พลันเกิดความเปลี่ยนแปลง!

หานเจวี๋ยสัมผัสได้ว่ามีเจตนาสังหารอันแกร่งกล้าสองสายพุ่งโจมตีเข้ามาจากด้านข้าง เขาเคลื่อนย้ายทันที หลบหลีกได้สบายๆ

เขาหันไปมอง เห็นมารมรรคาสวรรค์สองตนพุ่งชนกันเอง พวกเขาดูไม่ต่างไปจากมารมรรคาสวรรค์ตัวจริงเลย

เหล่าอริยชนเบิกตากว้าง มารมรรคาสวรรค์มิได้มีตนเดียวหรือ

ฉิวซีไหลตกตะลึงยิ่งกว่า ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นร่างจำลองสองตนนี้ของมารมรรคาสวรรค์เลย

หากว่าตอนนี้ร่างจำลองสองตนนี้โผล่ออกมาด้วย…

ฉิวซีไหลไม่กล้าคิดต่ออีก รู้สึกเพียงว่าขนลุกชูชัน ในใจเต็มไปด้วยความหวาดผวา

ร่างจำลองเทพมารทั้งเจ็ดสิบตนรุมทำลายมารมรรคาสวรรค์ต่อไป ส่วนหานเจวี๋ยหมุนกาย หันไปเตรียมรับมือกับร่างจำลองสองตนนั้นของมารมรรคาสวรรค์

ร่างจำลองเสรีสุญญตาเป็นเพียงหนึ่งในกลยุทธ์ของเขาเท่านั้น แต่เขามิได้หวังพึ่งเพียงร่างจำลองตนนี้อย่างเดียว

หานเจวี๋ยชูมือขวาขึ้น กระบี่พิพากษาอนธการปรากฏขึ้นในมือ

เขาโบกมือขวาคราหนึ่ง คมกระบี่สั่นไหวก่อเกิดเงา เงากระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งโจมตีสังหาร เสมือนดอกบัวสีขาวเงินยวงขนาดมหึมาบ้านแย้ม งามพิลาสตระการตา

พลังวิเศษและปราณกระบี่ช่างเลิศล้ำนัก!

ร่างจำลองมารมรรคาสวรรค์ตนหนึ่งพลันถลาเข้ามา อ้าปากกว้างแดงฉาน พ่นไอพยาบาทน่าหวาดหวั่นออกมา สีแดงก่ำน่าสยดสยอง ดั่งสายนทีที่ไหลท่วมไปถึงฟากฟ้า ข้ามผ่านกาลเวลา

ตูม!

ปราณกระบี่ทรงพลังปะทะกับสายนทีไอพยาบาท เกิดเป็นพายุโหมกระโชกรุนแรง ไหวสะเทือนไปทั่วรัศมีทุ่งน้ำแข็งร้อยล้านลี้

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว เจ้าตัวนี้มีฝีมืออยู่บ้าง

ไอพยายาทนี้มีฤทธิ์กัดกร่อนยิ่ง แม้แต่ปราณกระบี่ของเขาก็ถูกกร่อนจนสลายไปหมด

หานเจวี๋ยเรียกบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรออกมาซัดใส่ร่างจำลองมารมรรคาสวรรค์

ไอพยาบาทเข้มข้นที่มารมรรคาสวรรค์พ่นออกมาถูกบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรดูดซับเข้าไปทันที บัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรรุกคืบเข้าหาไอพยาบาทมหาศาลเข้าใกล้มารมรรคาสวรรค์อย่างรวดเร็ว

ร่างจำลองมารมรรคาสวรรค์อีกตนเลือนหายไปในทันใด ฉับพลันก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศด้านหลังหานเจวี๋ย

วินาทีนั้น หานเจวี๋ยสัมผัสได้ว่าห้วงอวกาศรอบกายหยุดชะงัก พลังกดดันอันแรงกล้าหลั่งไหลเข้ามาจากทั่วทิศ

หานเจวี๋ยสำแดงเงาเทพมหาวิวัฒน์ แยกร่างเงาเทพออกมาเก้าร่าง แต่ละร่างมุ่งเข้าสังหารร่างจำลองมารมรรคาสวรรค์ตนที่สอง

ร่างจำลองมารมรรคาสวรรค์ตนที่สองดวงตาเบิกโพลง ห้วงอวกาศอันโกลาหลไหวกระเพื่อมขึ้นมาชนิดที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ความเร็วของเงาเทพมหาวิวัฒน์เก้าสายพลันเชื่องช้าลง

‘ตัวหนึ่งสำแดงไอพยาบาทได้ ส่วนอีกตัวแช่แข็งห้วงมิติได้ ความสามารถแตกต่างกันไป น่าจะต่างกับร่างจริงด้วย’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ เขามิได้ตื่นตระหนกเลย

กลิ่นอายของมารมรรคาสวรรค์ตัวจริงอ่อนแอลงเรื่อยๆ ใกล้จะต้านร่างจำลองเสรีสุญญตาไม่อยู่แล้ว รอจนเขาตาย ร่างจำลองมารสองตนย่อมไม่ควรค่าให้กริ่งเกรงอีก

เวลานี้ เหล่าอริยชนพากันออกโรง เข้าพัวพันร่างจำลองเทพมารตนที่สองไว้

พวกเขามองออกแล้ว บัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรของหานเจวี๋ยสะกดร่างจำลองมารมรรคาสวรรค์ตนแรกไว้ ดังนั้นถึงสามารถพัวพันร่างจำลองมารมรรคาสวรรค์ตนที่สองได้

หานเจวี๋ยควบคุมบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรให้ผนึกร่างจำลองมารมรรคาสวรรค์ตนแรกแทบจะเบ็ดเสร็จสมบูรณ์แล้ว ไม่ว่าร่างจำลองมารมรรคาสวรรค์ตนแรกจะสำแดงพลังวิเศษระดับไหนออกมา บัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรก็สามารถดูดซับไว้ได้โดยสมบูรณ์

ตูม!

ร่างจริงของมารมรรคาสวรรค์แหลกละเอียด แต่วินาทีต่อมา สองขาของเขาก็ฟื้นฟูกลับมา

แต่สองขาไม่เพียงพอจะค้ำจุนให้เขาพลิกกลับมาเอาชนะได้

“เจ้าเป็นใครกันแน่…”

เสียงที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นของมารมรรคาสวรรค์แว่วดังขึ้น

หานเจวี๋ยไม่ได้ตอบกลับ

ทันใดนั้นเอง

ดวงจิตประหลาดลอยออกมาจากบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร เหล่าอริยชนล้วนมองไม่เห็นดวงจิตประหลาด แต่มารมรรคาสวรรค์มองเห็น

“ไม่…”

มารมรรคาสวรรค์กรีดร้องด้วยความหวาดผวา ดวงจิตประหลาดพุ่งเข้าไป หานเจวี๋ยควบคุมร่างจำลองเทพมารอย่างแม่นยำ ไม่เผลอทำร้ายถูกดวงจิตประหลาด

สองขาของมารมรรคาสวรรค์ถูกกัดกินอีกครั้ง กลายเป็นเถ้าธุลีปลิดปลิว เขาพลันก่อตัวเป็นดวงแสงสีดำ คิดจะหลบหนี

ดวงจิตประหลาดเหาะตามไป เขมือบกลืนกลุ่มแสงสีดำ

ร่างจำลองมารมรรคาสวรรค์สองตนที่เหลือกรีดร้องโหยหวน สลายเป็นเถ้าธุลีปลิวว่อน

มารสวรรค์ที่ถูกแช่แข็งอยู่ในทุ่งน้ำแข็งกว้างไกลร้อยล้านลี้ก็สลายกลายเป็นเถ้าธุลีเช่นกัน

ชั้นฟ้าที่สามสิบสามพลันตกอยู่ในความเงียบสงัด

หานเจวี๋ยมิได้ผ่อนคลายลงเลย อีกทั้งเคลื่อนย้ายไปทั่วชั้นฟ้าที่สามสิบสามอย่างรวดเร็ว ใช้แบบจำลองการทดสอบตรวจหาศัตรูผู้แข็งแกร่งในบริเวณรอบข้างอย่างต่อเนื่อง

เหล่าอริยชนตกตะลึง มองเขาด้วยความประหม่า ไม่ทราบว่าเขาทำอะไรอยู่

หรือว่ามารมรรคาสวรรค์จะยังไม่ตายอย่างสมบูรณ์

[ท่านได้ทำลายล้างมารสวรรค์จนหมดสิ้น ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น โอกาสเปิดใช้ความสามารถใหม่ของระบบหนึ่งครั้ง]

[ยินดีด้วยท่านได้รับสุดยอดสมบัติเสรี ใจหยกองครักษ์มารสวรรค์]

[ใจหยกองครักษ์มารสวรรค์: ยอดสมบัติเสรี พลังป้องกันแกร่งกล้าสุดขีด สามารถอัญเชิญมารสวรรค์มาปกป้องได้ สามารถป้องกันการโจมตีจากอริยะเสรีได้หนึ่งครั้ง]

[ยินดีด้วยท่านเปิดใช้ความสามารถใหม่ของระบบ…คุกสวรรค์อนธการ]

[คุกสวรรค์อนธการ: ติดตั้งไว้ในอาณาเขตเต๋าเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นตัวตนระดับไหนหากถูกจองจำไว้ ระยะเวลาในการจองจำจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับระดับตบะ จะจองจำไปจนกระทั่งตกเป็นทาสของเจ้าอาณาเขตเต๋า ความเป็นความตายขึ้นอยู่กับเจ้าอาณาเขตเต๋า คุกสวรรค์อนธการสามารถจองจำสิ่งมีชีวิตได้ครั้งละหนึ่งตัวตนเท่านั้น]

หานเจวี๋ยไม่ได้สนใจตัวอักษรแต่ละแถวที่เด้งขึ้นมาตรงหน้า เขาเคลื่อนย้ายไปมา วนทั่วชั้นฟ้าที่สามสิบสาม หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีศัตรูผู้แข็งแกร่ง ถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งออก

เขาทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่งแล้วจากไป “มหันตภัยมารสวรรค์คลี่คลายแล้ว สหายเต๋าทุกท่านวางใจได้แล้ว!”

หานเจวี๋ยเก็บดวงจิตประหลาด เคลื่อนย้ายกลับไปที่อาณาเขตเต๋าทันที

เมื่อกลับถึงอารามเต๋า หานเจวี๋ยยังคงรู้สึกประหม่าอย่างยิ่ง

ในที่สุดก็จัดการได้!

น่าตื่นเต้นมากจริงๆ!

ต้องกล่าวเลยว่า ที่ศึกครั้งนี้ผ่อนคลายถึงเพียงนี้ อริยะรายอื่นก็มีส่วนช่วยไม่น้อยเช่นกัน

ความประทับใจที่หานเจวี๋ยมีต่อเหล่าอริยชนดีขึ้นมาบ้าง แต่ก็แค่ดีขึ้นมาบ้าง ไม่ได้คลายความระแวงลง

เวลานี้เอง เสียงกึกก้องกังวานเสียงหนึ่งแว่วดังไปทั่วปวงสวรรค์หมื่นโลกา

“มหันตภัยมารสวรรค์คลี่คลายแล้ว มหันตภัยครั้งนี้โชคดีที่เจ้าสำนักซ่อนเร้นลงมือช่วยเหลือ ตัวข้าฉิวซีไหล ในนามของเจ้าสำนักเต๋าและมรรคาสวรรค์ขอประกาศเกียรติคุณให้เจ้าสำนักซ่อนเร้นเป็นอริยะสวรรค์เกรียงไกรเปี่ยมกุศล หวังว่าสรรพสิ่งจะจดจำบุญคุณของเขาไว้ นับจากนี้ไป สำนักเต๋าจะเชื่อมไมตรีกับสำนักซ่อนเร้น ละทิ้งบุญคุณความแค้นในอดีต!”

หลังจากหานเจวี๋ยได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

นี่ออกจะ…

เหนือความคาดหมายอยู่บ้าง แต่พอไตร่ตรองดู ก็นับว่าสมเหตุสมผลดี

เหล่าอริยชนไม่กล้ามาหาเรื่องหานเจวี๋ยแน่นอน มิสู้ประจบเอาใจเขาสักหน่อยดีกว่า ใช้เหตุนี้สะสางบุญคุณความแค้น ถือโอกาสแสดงน้ำใจ ทั้งยังได้อโหสิกรรม ช่างสมเป็นอริยะเสียจริงๆ

………………………………………………………………