บทที่ 544 สยบบรรพจารย์ซานชิง

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 544 สยบบรรพจารย์ซานชิง

หานเจวี๋ยให้ความสนใจกับยอดสมบัติที่ได้รับมาใหม่

ใจหยกองครักษ์มารสวรรค์ ยอดสมบัติเสรี แข็งแกร่งกว่าระดับมรรคาสวรรค์

เขานำออกมา เริ่มทำให้จดจำเจ้าของ

เขาทำให้สมบัติจดจำเจ้าของพลางตรวจดูความสามารถใหม่ของระบบไปด้วย

คุกสวรรค์อนธการ!

ของเล่นนี้น่าสนใจอยู่บ้าง

สามารถสยบศัตรูที่แข็งแกร่ง ทำให้กลายเป็นทาสของตนได้

หานเจวี๋ยบังเกิดความคิดอาจหาญอย่างหนึ่งขึ้น หรือควรไปหลอกล่อผู้ทรงพลังเข้ามา แสร้งทำเป็นถกมรรค ถ่วงเวลาเอาไว้ จากนั้นก็สยบอีกฝ่ายให้ศิโรราบอย่างเงียบเชียบดีหรือไม่นะ

ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง คิดว่าน่าจะใช้ไม่ได้ ถึงอย่างไรระบบก็จะปรับเปลี่ยนปณิธาน ในขั้นตอนนี้จะไม่สังเกตเห็นได้อย่างไร

[โปรดเลือกตำแหน่งสำหรับติดตั้งคุกสวรรค์อนธการ]

แผนที่เสมือนจริงของอาณาเขตเต๋าปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย ตามด้วยแผนที่ภูมิประเทศทั่วเขตเซียนร้อยคีรี แผนที่ทั้งสองแผ่นซ้อนทับกัน

หานเจวี๋ยเลือกติดตั้งคุกสวรรค์อนธการไว้ในอารามเต๋าของตน

แบบนี้ปลอดภัยที่สุด เขาจะได้จับตามองด้วยตัวเอง

[ติดตั้งคุกสวรรค์อนธการสำเร็จ]

หานเจวี๋ยมองไปรอบๆ ไม่รู้สึกว่ามีตรงไหนแปลกไปเลย

ต้องหาหนูทดลองมาสักคน

จับใครดีล่ะ

หานเจวี๋ยนึกถึงบรรพจารย์ซานชิงเป็นลำดับแรก

คนผู้นี้เป็นอมตะในอาณาเขตมรรคาสวรรค์ ใช้เป็นตัวทดลองได้ดีที่สุด!

ดูเหมือนหลี่มู่อีจะไม่อยู่ในขอบเขตมรรคาสวรรค์ ได้โอกาสพอดี!

ตูม!

จู่ๆ เขตเซียนร้อยคีรีพลันสั่นไหวอย่างรุนแรง ลำแสงเจิดจ้าแยงตาดิ่งลงมาจากฟากฟ้า ส่องทะลุอาณาเขตเต๋า ส่องลงบนร่างหานเจวี๋ย

แรงกุศลมรรคาสวรรค์!

สำหรับพลังที่มิใช่การโจมตีเช่นนี้ โดยทั่วไปแล้วอาณาเขตเต๋าจะไม่สกัดขวาง

หานเจวี๋ยเก็บแรงกุศลมรรคาสวรรค์ทั้งหมดเอาไว้ ไม่ได้ดูดซับเข้าไปทันที

เขาต้องการแรงกุศลมรรคาสวรรค์ แต่สามารถเก็บเอาไว้ในมุมหนึ่งของโลกอนธการได้

‘ช้าก่อน ข้าสามารถอาศัยแรงกุศลมรรคาสวรรค์แทรกซึมเข้าไปในแดนเซียนได้’

ดวงตาหานเจวี๋ยส่องประกาย พลันบังเกิดความคิดใจกล้าอย่างหนึ่งขึ้น

ทำให้ใจหยกองครักษ์มารสวรรค์จดจำเจ้าของก่อนแล้วค่อยว่ากัน!

….

ทางตอนใต้ของแดนเซียน กลางทิวเขาที่ทอดตัวยาวอย่างต่อเนื่อง มีอารามเต๋าหลังหนึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา หน้าประตูมีกระถางสัมฤทธิ์ใบใหญ่ตั้งอยู่ ควันธูปลอยอ้อยอิ่ง

หานเจวี๋ยปรากฏตัวขึ้นในทันใด รอบกายเขาห่อหุ้มไปด้วยแสงรุ้งพรายเจ็ดสี สิ่งนี้คือแรงกุศลมรรคาสวรรค์

มีแรงกุศลมรรคาสวรรค์ห่อหุ้มกาย หานเจวี๋ยไม่มีทางเผชิญกับการขับไล่จากมรรคาสวรรค์

เขามองไปที่อารามเต๋า ดึงตัวบรรพจารย์ซานชิงในอารามเต๋าเข้าแขนเสื้อมาตรงๆ จากนั้นก็ไหวกายคราหนึ่ง กลับไปที่เขตเซียนร้อยคีรีอีกครั้ง

ภายในอารามเต๋า

หานเจวี๋ยปล่อยบรรพจารย์ซานชิงออกมา ไม่รอให้บรรพจารย์ซานชิงอ้าปากพูด มือเขาแผ่พลังเวทอย่างรวดเร็ว สะกดมรรคผลของบรรพจารย์ซานชิง ผนึกพลังเวทเขาเอาไว้

บรรพจารย์ซานชิงขยับตัวไม่ได้ เบิกตากว้างด้วยความตกใจ

“เกิดอะไรขึ้น”

บรรพจารย์ซานชิงตระหนกอยู่ในใจ ความหวาดกลัวที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนผุดขึ้นในหัวใจ

เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้

ต่อให้เป็นอริยะ ก็ไม่สามารถเข้าไปจับตัวเขาในแดนเซียนได้

เว้นแต่อีกฝ่ายจะเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าอริยะมรรคาสวรรค์เท่านั้น!

เขาเคยได้ยินหลี่มู่อีบอกว่า มีตัวตนที่ร้ายกาจกว่าอริยะมรรคาสวรรค์อยู่จริงๆ

หานเจวี๋ยเปิดใช้งานคุกสวรรค์อนธการอย่างเงียบเชียบ

[เริ่มการจองจำ]

บรรพจารย์ซานชิงจ้องหานเจวี๋ยอย่างเอาเป็นเอาตาย

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้มสงบราบเรียบ “อยู่เป็นแขกสักระยะเถอะ ถกมรรคกัน”

บรรพจารย์ซานชิงไม่สามารถอ้าปากเอ่ยวาจาได้ ทำได้เพียงใช้กระแสจิตสอบถามว่าหานเจวี๋ยเป็นใคร

“เจ้าเคยมาที่นี่แล้ว แต่ปราชัยไปเท่านั้น”

“เขตเซียนร้อยคีรี เจ้าคือเจ้าสำนักซ่อนเร้นอย่างนั้นหรือ”

“อืม”

“เจ้าจองจำข้าด้วยเหตุใด”

“ต่อไปเจ้าจะรู้เอง”

บรรพจารย์ซานชิงเงียบไป

เขาไร้กำลังจะดิ้นให้หลุดพ้นจึงไม่อยากคุยไร้สาระอีก

เขาทำได้เพียงรอคอยให้หลี่มู่อีมาช่วยเหลือเขาอย่างเงียบๆ

แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้หลี่มู่อีออกนอกมรรคาสวรรค์ หัวใจเขาก็จมดิ่งลงสู่ก้นเหวลึก

บอกว่าถกมรรค แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดคุยกันเลย

ภายในอารามเต๋าตกอยู่ในความเงียบวังเวง เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน หานเจวี๋ยจึงให้จางเจี่ยวมาจับตาดูบรรพจารย์ซานชิง ส่วนตัวเองก็ตั้งใจฝึกบำเพ็ญ

ยามที่บรรพจารย์ซานชิงเห็นจางเจี่ยว เขาก็มองอีกฝ่ายด้วยความตะลึงงัน

หลี่มู่อี!

จะเป็นไปได้อย่างไร!

ที่หานเจวี๋ยจับตัวเขามา หรือจะเป็นคำสั่งของหลี่มู่อี

เขารีบใช้กระแสจิตซักถามจางเจี่ยว ทว่าจางเจี่ยวไม่ตอบเลยแม้แต่น้อย สีหน้าไร้อารมณ์ ราวกับไม่มีความรู้สึก

หัวใจบรรพจารย์ซานชิงจมดิ่งลงสู่ก้นเหวลึก ความเชื่อใจพังทลาย

เขานึกว่าเจ้านายที่เขาอยากปกป้องมาโดยตลอดขายเขาเสียแล้ว!

บรรพจารย์ซานชิงตกอยู่ในความสับสนงุนงงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

หานเจวี๋ยก็ไม่ได้สนใจเขาอีก ตั้งใจฝึกบำเพ็ญไป

หานเจวี๋ยได้รับประโยชน์มากมายจากการต่อสู้กับมารมรรคาสวรรค์ ต่างไปจากการใช้แบบจำลองการทดสอบ ความตื่นเต้นจากการต่อสู้ของจริงนั้นไม่สามารถจำลองออกมาได้

ในแบบจำลองการทดสอบ หานเจวี๋ยรู้ว่าตัวเองไม่มีทางตายแน่นอน ดังนั้นจึงต่อสู้อย่างไร้ความหวาดกลัว สภาพจิตใจย่อมต่างไปจากการต่อสู้ที่แท้จริง

อารามเต๋าตกอยู่ในความเงียบสงบ แต่เขตเซียนร้อยคีรีกลับครึกครื้นนัก มิใช่เพียงเขตเซียนร้อยคีรี ทว่าทั่วปวงสวรรค์หมื่นโลกา ล้วนครื้นเครงเฮฮา

นามอริยะสวรรค์เกรียงไกรเปี่ยมกุศลดังกระฉ่อนไปทั่วปวงสวรรค์หมื่นโลกา!

มหันตภัยมารสวรรค์ครานี้ถาโถมไปทั่วปวงสวรรค์หมื่นโลกา เป็นภัยพิบัติร้ายแรงอย่างที่มิเคยปรากฏมาก่อน ครั้งนี้เจ้าสำนักซ่อนเร้นมิได้ช่วยเหลือโลกเพียงใบเดียวเท่านั้น แต่ยังช่วยเหลือทั่วทั้งมรรคาสวรรค์ไว้ กุศลนี้เหนือกว่ากุศลจากการก่อตั้งเผ่าพันธุ์หรือเผยแพร่มรรคามากนัก!

ความจริงก็เป็นเช่นนี้ กุศลที่หานเจวี๋ยเก็บไว้มหาศาลอย่างยิ่ง ส่องแสงเจิดจ้าดั่งดวงตะวันอยู่ในโลกอนธการ

….

เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า

รอบเขตเซียนร้อยคีรีปรากฏสิ่งมีชีวิตเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดล้วนมาแสวงหามรรควิถี ต่อให้เขตเซียนร้อยคีรีไม่สนใจ ก็ยังมีผู้มีจิตใจมุ่งมั่นมากมายยืนกรานที่จะอยู่ต่อ

ทั่วทั้งแดนเซียน มีเทวรูปอริยะสวรรค์เกรียงไกรเปี่ยมกุศลตั้งอยู่ทุกแห่งหน แต่เนื่องจากไม่ทราบหน้าตาของหานเจวี๋ย ดังนั้นเทวรูปนี้จึงแตกต่างกันไปต่างๆ นานา มีท่วงท่าสารพัดอย่าง

สำนักซ่อนเร้นไม่เผยตัวต่อโลก หลี่เต้าคงก็ไม่ได้กลับมา ดังนั้นในไม่ช้าเหล่าศิษย์นับล้านก็กลับไปพากเพียรบำเพ็ญเช่นเดียวกับที่ผ่านมา แต่ทุกครั้งที่ได้ยินสิ่งมีชีวิตนอกอาณาเขตเต๋าเอ่ยยกย่องเทิดทูนอริยะสวรรค์เกรียงไกรเปี่ยมกุศล พวกเขาล้วนตื้นตันใจนัก ทั้งรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจ

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

พริบตาเดียว ผ่านไปแปดร้อยปีแล้ว

[คุกสวรรค์อนธการสยบทาสสำเร็จ]

[บรรพจารย์ซานชิงบังเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้เต็มขั้นดาวแล้ว]

เมื่อแจ้งเตือนนี้เด้งขึ้นมา หานเจวี๋ยก็รับรู้ได้ในทันใด

เขาสร้างสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับบรรพจารย์ซานชิง

สายสัมพันธ์นี้คล้ายคลึงกับตราประทับหกวิถียิ่งนัก หากเขาอยากให้บรรพจารย์ซานชิงตาย บรรพจารย์ซานชิงก็ต้องตาย ความรู้สึกนี้น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง ทั้งยังเป็นของจริงแน่นอน

หานเจวี๋ยรู้สึกปรีดา คุกสวรรค์อนธการช่างแข็งแกร่งจริงๆ

ว่าไปแล้ว ความประทับใจเต็มขั้นดาวเช่นนั้นหรือ หรือว่า 6 ดาวไม่ใช่จำนวนเต็มขั้น?

น่าสนใจอยู่บ้าง!

หานเจวี๋ยรู้สึกว่าตนต้องประเมินระดับค่าความประทับใจใหม่เสียแล้ว

เขาลืมตามองบรรพจารย์ซานชิง

บรรพจารย์ซานชิงยังคงนั่งสมาธิอยู่ ไม่ขยับเขยื้อน

หานเจวี๋ยเอ่ยปากเรียก “บรรพจารย์ซานชิง”

บรรพจารย์ซานชิงลืมตาขึ้น ลุกขึ้นทำความเคารพอย่างนอบน้อม เอ่ยว่า “คารวะเจ้าอาณาเขตเต๋า!”

หานเจวี๋ยมองสำรวจบรรพจารย์ซานชิง กล่าวว่า “คุกเข่า”

บรรพจารย์ซานชิงคุกเข่าลงทันที

“กลิ้งตัวหนึ่งตลบ”

บรรพจารย์ซานชิงกลิ้งตัวหนึ่งตลบทันที

“ตบหน้าตัวเองหนึ่งที”

‘เพียะ…’

คราวนี้หานเจวี๋ยเชื่อสนิทใจแล้ว ถึงอย่างไรบรรพจารย์ซานชิงก็ไม่ทราบถึงความสามารถของคุกสวรรค์อนธการ ต่อให้แสร้งทำ ก็ไม่จำเป็นต้องทุ่มเทขนาดนี้

หานเจวี๋ยประคองเขาขึ้น เอ่ยว่า “ซานชิง ข้าแค่ทดสอบดูเท่านั้น ล่วงเกินไปมาก ข้าต้องการตัวเจ้าเหลือเกิน เจ้าเป็นถึงอันดับหนึ่งแห่งแดนเซียน สำนักซ่อนเร้นของข้าต้องการคนแข็งแกร่งเช่นเจ้า…”

เขาเริ่มเอ่ยยกยอชื่นชมบรรพจารย์ซานชิงไม่ขาดปาก บรรพจารย์ซานชิงได้ฟังก็รู้สึกตื้นตันยิ่งนัก

หลังจากพูดคุยกันครู่หนึ่ง หานเจวี๋ยพบว่าบรรพจารย์ซานชิงไม่ได้สูญเสียสติปัญญาทั้งหมดไป เพียงแต่เชื่อฟังไว้วางใจหานเจวี๋ยอย่างสมบูรณ์ไปโดยปริยายเท่านั้น เขายังมีความคิดเป็นของตัวเองอยู่

หานเจวี๋ยตัดสินใจปล่อยบรรพจารย์ซานชิงออกไป บางทีอาจจะสามารถจัดวางไส้ศึกไว้ข้างกายของหลี่มู่อีได้

ในวันนั้น เขาเคลื่อนย้ายบรรพจารย์ซานชิงออกไป เรื่องนี้นอกจากจางเจี่ยวแล้ว ไม่มีผู้ใดทราบเรื่อง ส่วนหลี่มู่อี คาดว่ายังอยู่ที่โลกพันอนันต์ มิเช่นนั้นคงมาขอเข้าฝันไปนานแล้ว

“ความสามารถนี้คล้ายว่าจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย หากข้ายอมสละเวลาก็สามารถสยบทั้งแดนเซียนให้กลายเป็นทาสได้…”

………………………………………………………………