ตอนที่ 557 บุรุษรูปงามเพิ่งอาบน้ำเสร็จภายใต้แสงเทียน

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 557 บุรุษรูปงามเพิ่งอาบน้ำเสร็จภายใต้แสงเทียน

“จำชื่อไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะนี่แสดงว่าเจ้ามีนิสัยไม่เข้ากับพวกนาง ! เรื่องนี้เหมือนกับแม่ เพราะแม่เองก็จำชื่อคนไม่เก่ง สหายสนิทมีอยู่ไม่มาก คนที่นิสัยเข้ากันได้ก็มีอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น ! ” หมินหวางเฟยยกพระหัตถ์ป้องโอษฐ์ขณะหาว

หลินเว่ยเว่ยพยักหน้าด้วยความดีใจ ขณะมองท่าทางของหมินหวางเฟย นางก็คิดว่าอีกฝ่ายดูมีเสน่ห์มาก จึงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเจียงโม่หาน แม้เขาหน้าตาไม่เหมือนหมินหวางเฟยสักเท่าไร แต่ทั้งสองคนก็มีหลายอย่างที่คล้ายกัน…สง่างาม สุขุม เยือกเย็น สมกับที่เป็นแม่ลูกกัน !

“จริงสิ ได้ยินคู่หมั้นของเจ้าบอกว่าวันเกิดเจ้าคือวันที่ยี่สิบหกนี้หรือ ? ” เมื่อเห็นหลินเว่ยเว่ยพยักหน้ารับ หมินหวางเฟยก็ตรัสด้วยรอยยิ้ม “พิธีปักปิ่นขององค์หญิงเว่ยเว่ยต้องจัดให้ยิ่งใหญ่หน่อยแล้ว ! ”

หลินเว่ยเว่ยคิดว่าก็แค่วันเกิดอายุครบ 15 ปีไม่ใช่หรือ จัดหรือไม่จัดงานก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ พอหมินหวางเฟยได้ยินเช่นนั้นก็จ้องนางเขม็ง “เจ้าเป็นบุตรีตำหนักหมินอ๋องของพวกเรา พิธีปักปิ่นถือเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิต แล้วจะไม่จัดได้อย่างไร ? เรื่องนี้ยกให้แม่เป็นคนจัดการก็แล้วกัน ! ”

หมินอ๋องดื่มสุราจนเมามาย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สร่างเมา ทรงใช้ศีรษะใหญ่ ๆ ผลักประตูเข้ามา เมื่อเห็นบุตรสาวอยู่ด้วยจึงเบียดเข้ามาประทับข้างหมินหวางเฟยแล้วเริ่มตรัสว่า “เว่ยเอ๋อร์ บุตรสาวคนดีของพ่อ ! ในที่สุดพ่อก็หาเจ้าพบ ! วันนี้พ่อมีความสุขมาก ! ”

หลินเว่ยเว่ยรีบชงชาผลไม้และเพิ่มน้ำพุวิญญาณลงไปอีกเล็กน้อยแล้วยัดใส่พระหัตถ์หมินอ๋อง จากนั้นก็เดินไปอยู่ข้างหลังแล้วเริ่มนวดขมับให้อีกฝ่าย “ฟู่หวาง เว่ยเอ๋อร์มีบิดามารดาที่รักมากเพียงนี้ ลูกก็มีความสุขมากเพคะ ! มักรู้สึกว่ากำลังฝันไปตลอด…”

ชาติก่อนหลินเว่ยเว่ยเคยทำงานอยู่ในร้านนวด ดังนั้นฝีมือนวดของนางถือว่าเป็นมืออาชีพ หมินอ๋องเพลิดเพลินกับความกตัญญูของบุตรสาว ระหว่างนั้นไม่รู้สึกปวดศีรษะอีกต่อไปและไม่รู้สึกคลื่นไส้ พระองค์ตบบ่าบุตรสาว ก่อนจะตรัสด้วยรอยยิ้ม “วางใจได้ นี่ไม่ใช่ความฝัน และแม้จะเป็นฝัน พ่อก็จะปกป้องเจ้า ปกป้องทั้งชีวิตจนเจ้าไม่อยากตื่นจากฝันหวานเลย ! ”

หลินเว่ยเว่ยเห็นหมินอ๋องดื่มชาผลไม้จนหมดแล้ว นางจึงตอบด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ทั้งสองพระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยมากแล้ว พักผ่อนเร็ว ๆ เถิดเพคะ ลูกทูลลา…”

หมินอ๋องทำพระพักตร์แข็งค้างแล้วตรัสอย่างไม่สบอารมณ์ “ทูลลาอะไรกัน บ้านเราเป็นตระกูลฝ่ายบู๊ จะใช้คำสละสลวยเหล่านี้ทำไม ? ฮึ ! เจ้าบัณฑิตอวดรู้คนนั้นสอนเจ้าจนเสียคนแล้วกระมัง ! ”

หมินหวางเฟยตีพระสวามี “พระองค์เห็นบุตรสาวเป็นเหมือนตน คือเป็นคนหยาบกระด้างหรือเพคะ ? ใครบอกว่าบุตรสาวตระกูลฝ่ายบู๊ก็อ่อนโยนและใช้สำนวนไม่ได้ ? ”

หมินอ๋องรีบเปลี่ยนจากราชสีห์เป็นสุนัขผู้จงรักภักดีทันที ทรงแย้มพระสรวลอย่างมีความสุข “เจ้าพูดอะไรก็ถูกทั้งนั้น ! ข้าฟังเจ้า ! วันนี้เจ้าลำบากมาทั้งวัน เหนื่อยหรือไม่ ? มา ประเดี๋ยวข้านวดให้เจ้าเอง…”

“ออกไป ! ” หมินหวางเฟยตีพระหัตถ์ “เว่ยเอ๋อร์ยังอยู่นะเพคะ ! ”

หมินอ๋องหันไปทอดพระเนตรหลินเว่ยเว่ย “เจ้าไม่ได้ทูลลาแล้วหรือ ? เหตุใดยังอยู่ที่นี่อีก ? ” เห็นได้ชัดว่ากำลังหงุดหงิดที่บุตรสาวไม่รู้ความ !

ภายใต้ท่าทางยกพระหัตถ์ปิดหน้าของหมินหวางเฟย หลินเว่ยเว่ยก็กลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้แล้วพูดอย่างซุกซน “ฟู่หวาง ลูกจะออกไปเดี๋ยวนี้เพคะ ! ฝันดีเพคะ ฟู่หวาง หมู่เฟย ! ”

“ไป ไป ! ดี ดี ! ” หมินอ๋องเหมือนกำลังไล่อะไรสักอย่าง โบกพระหัตถ์อย่างขอไปทีสุด ๆ เฮ้อ ! เมื่อเทียบกับคนอื่นแล้ว นางเป็นบุตรสาวสุดที่รัก แต่เมื่อเทียบกับหมินหวางเฟยแล้ว นางกลายเป็นแค่เศษขยะเท่านั้น !

ทว่าหลินเว่ยเว่ยก็ยังอิจฉาในความรักที่หมินอ๋องมีต่อหมินหวางเฟยมากอยู่ดี หมินหวางเฟยประชวรมานาน 15 ปี สติเลอะเลือนมา 15 ปีเช่นกัน แต่หมินอ๋องไม่ยอมจากไปไหน ยังคงรักนางดังเดิม…หวังว่าอีก 15 ปีต่อจากนี้ ตนกับบัณฑิตน้อยก็ยังเป็นเหมือนปัจจุบัน รักใคร่กลมเกลียวและอยู่กันไปจนแก่เฒ่า

หลังออกมาจากสวนจื่อถงแล้ว อากาศหนาวเย็นก็กระทบที่แก้มของนาง เมื่อเงยหน้ามองก็เห็นหิมะปลิวเต็มท้องฟ้า…หิมะระลอกที่สองของเมืองหลวงตกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ชุนซิ่งรีบสั่งให้นางกำนัลไปหยิบร่มกระดาษมา

จู่ ๆ หลินเว่ยเว่ยก็เร่งฝีเท้าเดินผ่านเรือนตัวเอง แต่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ชุนซิ่งเห็นนายหญิงกำลังเดินออกไปที่เรือนหน้าจึงทูลเตือนเบา ๆ “องค์หญิงจะเสด็จไปเรือนของคุณชายเจียงหรือเพคะ ? ”

หลินเว่ยเว่ยหยุดฝีเท้าพลางหันไปมอง “อย่าเรียกข้าว่า ‘องค์หญิง’ ทำเหมือนเมื่อก่อนเถิด เรียกว่าจวิ้นจู่เหมือนเดิมแล้วกัน ! เจ้ากำลังคิดว่าข้าออกไปเรือนหน้าในเวลานี้จะดูไม่ค่อยเหมาะสมใช่หรือไม่ ? ”

ชุนซิ่งตกใจทันที นางรีบพูดว่า “จวิ้นจู่ บ่าวไม่ได้หมายความแบบนั้น…บ่าวเห็นหิมะตกหนัก จึงรอให้นางกำนัลนำร่มมาส่งแล้วค่อยไปก็ยังไม่สายเจ้าค่ะ…”

ช่วงหลายวันมานี้ชุนซิ่งติดตามอยู่ข้างกายหลินเว่ยเว่ยจึงรู้ว่าภายใต้สถานการณ์ทั่วไป อีกฝ่ายเป็นนายหญิงที่รับใช้ได้ง่ายมาก แต่เมื่อมีเรื่องเกี่ยวข้องกับคุณชายเจียง ก็จะเป็นสตรีที่ยอมหักไม่ยอมงอ

ตอนอยู่รับใช้หมินหวางเฟย เมื่อเทียบกับหานลู่และหยี่ซวงที่รับใช้พระชายามาตั้งแต่เด็กแล้ว อีกทั้งเหมยหยิงกับเสวี่ยยวี่ที่เข้ามาตอนแต่งงาน ชุนซิ่งก็ยิ่งเทียบชั้นไม่ติดเข้าไปใหญ่

องค์หญิงเว่ยเว่ยเป็นนายใหม่ของตำหนัก บุตรสาวแท้ ๆ ของพระชายา เดิมทีข้างกายควรมีสาวใช้อยู่ดูแล 4 คน คนที่ถูกเลือกจะถือเป็นสาวใช้คนสนิทของจวิ้นจู่ ในบรรดาข้ารับใช้ในตำหนักก็มีระลอกคลื่นขึ้น ๆ ลง ๆ เสมอ ทุกคนต่างจับจ้องมาที่ตำแหน่งสาวใช้คนสนิทของจวิ้นจู่ ! นางโชคดีได้พระชายาส่งมารับใช้จวิ้นจู่ ไม่รู้ว่าโดนพี่น้องทั้งหลายอิจฉาตั้งเท่าไร ! ดังนั้นจะให้จวิ้นจู่รู้สึกรังเกียจขึ้นมาไม่ได้…
ขณะมองอีกฝ่าย หลินเว่ยเว่ยก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “ไม่ต้องเครียดถึงขนาดนั้น ข้าไม่กินคนหรอกน่า ! ตอนนี้ บัณฑิตน้อยน่าจะยังไม่เข้านอน ข้าจะไปคุยกับเขาสักหน่อย”

ใจที่เคยตื่นตระหนกของชุนซิ่งค่อย ๆ ผ่อนคลาย จวิ้นจู่ดูเป็นคนง่าย ๆ แต่ในบางครั้งก็ดูน่าเกรงขาม สายตาเมื่อครู่แทบไล่นางออกไปแล้วด้วยซ้ำ ! ชุนซิ่งเตือนตัวเองว่าต่อไปจะทำตัวเอื่อยเฉื่อยไม่ได้อีก และจะเข้าไปยุ่งกับความคิดของจวิ้นจู่อย่างกะทันหันไม่ได้…นี่เป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับสาวใช้ !

เมื่อมาถึงเรือนของเจียงโม่หาน หลินเว่ยเว่ยก็เห็นว่าในนั้นยังมีแสงเทียนอยู่ นางจึงเคาะประตูแล้วพูดว่า “บัณฑิตน้อย หลับหรือยัง ? ข้าเข้าไปแล้วนะ ! ”

เจียงโม่หานเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เส้นผมดำขลับถูกปล่อยสยายและยังเปียกอยู่เล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงของนางแล้วเขาก็หันไปยิ้มให้ “เจ้าเดินเข้ามาแล้วยังจะถามว่าข้าหลับหรือยัง ? ”

ได้มองบุรุษรูปงามภายใต้แสงเทียนและยังเป็นหนุ่มหล่อที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จอีกด้วย สามารถเอาชีวิตกันได้เลย ! หลินเว่ยเว่ยรีบบีบจมูกตัวเองพลางเงยหน้าขึ้น เพราะกลัวเลือดกำเดาจะไหลออกมาอย่างบ้าคลั่ง

เมื่อเจียงโม่หานเห็นแบบนั้นก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปหานางเพื่อก้มมองว่านางเป็นอะไร “เจ้าเป็นอะไร ? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ? ”

ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก หลินเว่ยเว่ยถูกห้อมล้อมด้วยลมหายใจที่สดชื่นราวดอกเหมยกลางหิมะของเขา ขอแค่นางขยับตัวไปข้างหน้าก็จะเข้าสู่อ้อมอกของเขาทันที…หยุดคิดเดี๋ยวนี้ ถ้ายังคิดต่อไป ความคิดชั่ว ๆ จะหยุดไว้ไม่ได้แน่ ชุนซิ่งก็ตามมาด้วย…เฮ้อ พาหลอดไฟมาด้วย มันช่างเป็นอุปสรรคของตัวเอง !

สุดท้ายหลินเว่ยเว่ยก็กลั้นไว้ไม่อยู่ นางเข้าไปจับเอวเจียงโม่หาน…รู้สึกดีจัง ! แล้วก็พูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ด้านนอกหิมะตก ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นขนาดนี้ ระวังจะไม่สบายเอาได้”

ขณะพูด นางก็หยิบผ้าเช็ดผมผืนเมื่อครู่ของเจียงโม่หานมาถือไว้แล้วให้เขานั่งลง ก่อนจะช่วยเช็ดผมให้เขาเบา ๆ “บัณฑิตน้อย หมู่เฟยตรัสว่าจะจัดพิธีปักปิ่นให้ข้า เรื่องนี้เจ้าเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาหรือ ? ”