บทที่ 542 ความกังวลในการกลับบ้าน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 542 ความกังวลในการกลับบ้าน

บทที่ 542 ความกังวลในการกลับบ้าน

หม่านซิ่วและคนอื่น ๆ มองไปยังคุณย่าซู ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงตกใจขนาดนั้น

“เสี่ยวจิ่ว ไปชวนบ้านป้าเถาฮวากับบ้านลุงจู้จื่อมากินข้าวกัน ส่วนพวกเธอมาดูฉันนวดแป้งมา ต้องรีบจำเอาไว้เดี๋ยวจะลืมเอาได้!”

เมื่อเย็นวานเรามาร่วมสังสรรค์กันในฐานะที่เป็นญาติที่สนิทที่สุด เช้าวันต่อมาก็เชิญมากินบะหมี่เส้นยาวที่บ้านเพื่อเป็นการขอบคุณที่เราไปมาหาสู่กัน

แต่ฉีเหลียงอิงกลับติดใจ และคิดว่ายอมไม่ค่อยได้ที่เราต้องเชิญคนอื่นมากินอาหารดี ๆ แบบนี้ ทว่าพอคิดดูอีกที บ้านเราเดินทางไปจนถึงเมืองหลวงแถมชีวิตยังเจริญก้าวหน้าจึงไม่รู้สึกเช่นนั้นอีก

มีเงินแล้วไง ทำไมยังขี้เหนียวอยู่อีก

หลายปีที่ผ่านมาพวกเราลำบากมากพอแล้ว เสี่ยวจิ่วไปพร้อมกับห่อขนมและกระป๋องของขวัญปีใหม่

ระหว่างที่รอพวกเขามา ก็นำบะหมี่เส้นยาวใส่ตะกร้าหวาย ปริมาณวันนี้มีมากพอสมควร

“ป้าคะ ทำไมไม่รอสักหน่อย พวกเราจะได้มาช่วยกัน” เถาฮวารีบหาอ่างล้างมือเตรียมช่วยทำงาน

หม่านซิ่วยิ้มตอบ “เรื่องเล็กน้อยเองค่ะพี่ ที่บ้านมีผู้หญิงตั้งสี่คน ไยต้องรอพี่อีกล่ะ?”

ขณะนั้นเธอกำลังสับผักดองอย่างระมัดระวัง ฝีมือการทำอาหารคุณย่าถือว่าสุดยอดแล้ว แต่หม่านซิ่วเองก็ไม่น้อยหน้า โดยเฉพาะทักษะการใช้มีด เรียกได้ว่าดีทีเดียว

หญิงชราเตรียมน้ำซุป

เส้นบะหมี่ไม่มีรสชาติ สิ่งที่เราจะกินเข้าไปคือน้ำซุป

หมูสามชั้นที่มีมันแทรกตรงกลางหั่นออกเป็นชิ้นบางแล้วสับให้ละเอียด เพื่อเอามาใส่น้ำซุป จากนั้นใส่ไข่สับ เต้าหู้หั่นเต๋าและดอกเก๊กฮวย

สำหรับเครื่องปรุงรสนั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก คนที่มีความสามารถด้านนี้จะต้องปรุงมากกว่าสิบอย่างลงไป

บะหมี่เส้นยาวไม่เพียงแต่ใส่ใจในความเหนียวนุ่ม แต่ยังใส่ใจกับรสชาติน้ำซุปที่หอมอร่อยและเข้มข้นด้วย

บะหมี่จะอร่อยได้ก็ต่อเมื่อน้ำซุปมีรสชาติที่ดี

หลังจากราดน้ำลงไป เราก็โรยด้วยต้นหอมเป็นอันเสร็จ

ทั้งไข่สีเหลืองและต้นหอมซอยที่โปรยบนบะหมี่เส้นยาวสีขาวดูงดงามมาก และถ้าชอบกินรสเผ็ด ให้เติมน้ำมันพริกลงไปหนึ่งช้อน รสชาติจะกลมกล่อมยิ่งขึ้น

“สมกับที่เป็นฝีมือป้าเลยค่ะ ฉันอยากจะเรียนมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ไม่เคยทำได้เลย”

แม้จะเป็นทักษะที่ดูง่าย แต่รสชาติน้ำซุปที่แต่ละคนปรุงจะออกมาไม่เหมือนกันเลย เถาฮวาคิดว่ารสชาติที่คุณย่าซูทำมันอร่อยที่สุด

“ไม่ต้องลำบากหรอก มีที่ไหนให้แขกมาช่วยงานในครัวกัน?” หญิงชราห้ามเอาไว้

ภรรยาจู้จื่อส่งลูกให้สามีอุ้ม แล้วช่วยหญิงชราอีกแรง

ในขณะที่ฝั่งผู้หญิงกำลังพูดคุยหัวเราะสนุกสนาน ถ้วยบะหมี่เส้นยาวก็ถูกนำมาเสิร์ฟที่ห้องหลัก

เสิ่นจื่อเจินอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว อีกทั้งยังเคยกินบะหมี่เส้นยาวด้วย หลังจากได้กลิ่นอันเข้มข้นก็อดถอนใจไม่ได้

“ด้วยฝีมือแบบท่าน ต่อให้เปิดอีกสักร้านก็ทำเงินได้มหาศาลครับ”

คนผู้พูดไม่ได้มีเจตนาเท่าคนฟัง ฉีเหลียงอิงกำลังคิดว่าถ้าตนไปลองดูจะสำเร็จหรือเปล่า?

ถ้าเสียงานที่ทำอยู่ในตอนนี้ไปคงทนไม่ไหวแน่ ไม่งั้นจะให้ทำยังไงล่ะ? และตอนนั้นเองที่เสี่ยวเถียนได้เอ่ยขึ้น

“ถึงมันจะขายได้เงินแต่เราทำไม่ได้หรอกค่ะ มันใช้แรงมากเกินไป ถ้าเปิดร้านจริง ๆ คงทำได้แค่ลาเมี่ยน*[1]ค่ะ”

ฉีเหลียงอิงดับไฟในใจ ถ้าเป็นลาเมี่ยนเธอไม่เอาด้วยหรอก! แต่ก็อย่างที่หลานว่า บะหมี่เส้นยาวใช้แรงเยอะไป ถ้วยนึงราคาก็ต่ำขายไม่ได้เงินดี แต่ถ้าราคาสูงเกินก็ไม่มีคนกินอีก!

นอกจากงานเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วก็ไม่มีอย่างอื่นอีก

ระหว่างกินข้าวร่วมกันทั้งสามครอบครัว บรรยากาศมีชีวิตชีวามาก

พอทุกคนในชุมชนรู้ว่าบ้านเถาฮวาและบ้านจู้จื่อไปบ้านซูกัน ก็ได้แต่อิจฉาตาร้อน!

ถึงคนบ้านนี้จะไม่ได้พูดเรื่องไปเมืองหลวงมากเท่าไรนัก แต่หลังจากที่กลับมาพวกเขามาแจกของขวัญให้ทุกบ้านเลย แม้จะเป็นของไม่กี่ชิ้นแต่ทำให้รู้ว่าชีวิตของพวกเขาดีขึ้นไม่น้อย

ดังนั้นเราจึงอดอิจฉาไม่ได้ เพราะสองบ้านนั้นมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับบ้านซู

คนอื่นเป็นยังไงไม่รู้แต่สำหรับหลิวซิ่วอิงแล้ว เจ้าตัวอึดอัดมาก

“น่าสงสารแกจริง ๆ ที่เอาแต่นึกถึงพี่ชายพี่สะใภ้ แกดูซิ คนบ้านนั้นเขาชวนคนไม่ใช่ญาติไปกินข้าวด้วยซ้ำ ไม่เห็นจะชวนแกสักนิด!”

ซูซานหมดความอดทนทันทีที่ได้ฟัง แล้วหันไปตวาดใส่ ทำไมความสัมพันธ์บ้านเรามันเป็นแบบนี้กันน่ะหรือ? ก็เพราะยัยผู้หญิงจุ้นจ้านนั่นไม่ใช่หรือไง?

ซูซานไม่ได้สบายใจเลยสักนิด อันที่จริงตนยังคิดว่าเรื่องที่พี่ใหญ่พี่สะใภ้ทำมันเกินไปหน่อย บ้านเรากับเขาควรจะสนิทกันที่สุดสิ แล้วทำไมถึงกลายเป็นเถาฮวากับหลี่จู้จื่อที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแทนล่ะ?

ใจนึงก็คิดว่าบ้านใหญ่ไม่แบ่งแยกให้ชัดเจน ใจนึงก็คิดว่าสองบ้านนั้นกำลังประจบประแจงบ้านใหญ่

หลิวซิ่วอิงไม่อยากโดนด่าจึงตัดสินใจออกมาเดินเล่น

ตอนนั้นเองที่ได้ยินว่าหม่านซิ่วกลับบ้านมาฉลองปีใหม่

หญิงชราเอ่ยกับตัวเอง “ฉลองปีใหม่ที่บ้านเกิด คนบ้านนี้ได้จนไปอีกปีแน่ ฉันคอยดูดีกว่าว่าปีนี้จะยังโชคดีได้อยู่อีกหรือเปล่า!”

น้ำเสียงเธอตื่นเต้นพิกล เหตุผลไม่มีอะไรมากแค่เพราะตัวเองโดนสะใภ้กับหลานสาวไล่ออกจากบ้านเพียงเพราะจะกลับไปช่วงปีใหม่เหมือนกัน

แล้วทำไมหม่านซิ่วถึงกลับได้ทั้ง ๆ ที่ตัวนางก็เป็นสะใภ้แต่งออกไปเหมือนกัน?

เรื่องนี้คนในชุมชนก็พูดกัน ไม่ว่าจะโชคดีหรือไม่ดี มันก็เป็นเรื่องของบ้านซู ไม่ได้เกี่ยวกับเราเสียหน่อย

เขายินดีจะให้ลูกสาวอยู่บ้านงั้นก็อยู่ไปสิ ชีวิตจะดีหรือไม่เหมือนจะไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ

ผ่านช่วงเที่ยงไป ผู้คนต่างมาที่บ้านซูเพื่ออวยพรปีใหม่ให้คุณปู่คุณย่า

ช่วงเวลาแห่งการอวยพรปีใหม่มีความพิเศษเฉพาะพื้นที่ ในช่วงวันแรกของปีใหม่เราจะอวยพรกันอยู่ที่บ้าน เช้าวันที่สองเป็นต้นไปเครือญาติจะไปมาหาสู่กันได้

คุณปู่คุณย่าซูยังส่งเด็ก ๆ ไปอวยพรปีใหม่ให้กับผู้อาวุโสของตระกูลซู

ในวันแรกของปีใหม่คนบ้านซูจะใช้เวลาไปกับการอวยพรและไปเยี่ยมคนอื่น ๆ และเช้าวันที่สองจะเป็นวันที่สะใภ้ต้องกลับบ้าน

เหลียงซิ่วไม่อยากไปเลย เพราะรู้ว่าถ้าไปจะต้องโมโหอีกแน่นอน

เพราะรู้ว่าพ่อแม่เป็นคนแบบไหน แถมตนยังขายงานตัวเองเพื่อไปเมืองหลวงอยู่ครึ่งปีด้วย ได้ยินพี่สะใภ้รองบอกว่าพวกพี่ชายน้องชายก็ไปหาเธอที่โรงงานเหมือนกัน

ตอนนี้ก็คงอดทนรอเธอกลับไปสินะ

แต่ถ้าไม่กลับไปตอนนี้ ก็กลัวว่าฝั่งบ้านเหลียงจะซุบซิบเอา

เหล่าซานมองออกว่าภรรยาคิดอะไร เขาตบไหล่ปลอบ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปด้วย แต่ไม่ต้องเอาเด็ก ๆ ไปนะ!”

เราสองสามีภรรยาจะไปด้วยกัน ถ้าได้นั่งก็อยู่เพียงสักครู่ หรือถ้าไม่ได้นั่งก็กลับแต่จ้อแล้วกัน!

เพราะเคยไปมาแล้ว คนอื่น ๆ ก็ชอบพูดจาไม่น่าฟังด้วย

เสี่ยวเถียนได้ยินพอดี แต่กลับเอ่ยว่า “หนูไปด้วยค่ะ!”

ถึงพ่อแม่จะไม่ใช่คนหัวอ่อน แต่มีนิสัยกตัญญูมาก

คนเป็นพ่อเป็นแม่พูดมากอะไรไม่ได้ แต่เธอเป็นเด็กไม่ได้มียางอายขนาดนั้น

ส่วนสะใภ้ใหญ่กับสะใภ้รองก็กำลังจะกลับบ้านเกิดเหมือนกัน แม่สามีเตรียมของให้ไว้เพียบเลย แถมยังมีของจากเมืองหลวงอีก เป็นหน้าเป็นตามาก

พวกเธอสองคนมีความสุขมากจริง ๆ!

*[1] ลาเมี่ยน คือ บะหมี่ดึงมือหรือราเมง