บทที่ 550 ห้ามไปไหนทั้งนั้น

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 550 ห้ามไปไหนทั้งนั้น

บทที่ 550 ห้ามไปไหนทั้งนั้น

หลินซือคว้ามือข้างหนึ่งของเจี่ยงเถิง และพูดอย่างอ่อนแรง “พี่อาเถิง ข้ากลัว ข้าไม่เคยเจอคนเหล่านี้มาก่อน ถ้าพวกเขาลักพาตัวเราขึ้นมาจะทำอย่างไร? ท่านแม่ต้องเป็นห่วงข้าแน่ ไม่เช่นนั้นเรากลับกันดีกว่า? ข้าเดินได้ ตอนนี้เท้าของข้าไม่เจ็บแล้ว”

เจี่ยงเถิงลูบศีรษะนางอย่างเบามือ พลางเอ่ยปลอบโยน “ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่ข้างเจ้า เจ้าคิดว่าพี่อาเถิงของเจ้าผู้มีทักษะการต่อสู้เก่งกาจจะกลัวโจรภูเขาเหล่านี้หรือ? เอาอย่างนี้ เจ้าจับมือข้าไว้ตลอด ข้าจะเดินอยู่ข้างเจ้า จะได้ไม่กลัวตกลงไหม?”

เท้าของหลินซือยังคงมีอาการเจ็บ และคิดว่าฝีมือการต่อสู้ของเจี่ยงเถิงก็ไม่เลว จึงพยักหน้าพลางพูดว่า “เช่นนั้นก็ได้ เช่นนั้นท่านเดินอยู่ข้างกายข้า ห้ามไปไหนเด็ดขาด”

เจี่ยงเถิงยิ้ม จากนั้นก็เรียกขานกู้อันผิง “สหายกู้ ฮูหยินข้าบาดเจ็บ จึงตื่นตระหนกตลอดเวลา ข้าจะเดินอยู่ข้างกายนาง หวังว่าสหายกู้จะไม่ถือสา”

กู้อันผิงหัวเราะออกมา “ดูไม่ออกเลยว่าสหายเจี่ยงจะเอาใจใส่ฮูหยินของตัวเองถึงเพียงนี้ คนเปล่าเปลี่ยวใจอย่างเราก็ชักอิจฉาขึ้นมาแล้วสิ! ฮ่า ๆๆ เช่นนั้นไปกันเถอะ!”

หลังจากเดินไปได้ครึ่งชั่วยาม เจี่ยงเถิงก็เห็นถิ่นฐานบนภูเขาแห่งหนึ่ง บ้านเรือนไม่เยอะนัก บางหลังมองเห็นรูโหว่มากมาย บางหลังก็มีบุรุษจำนวนหนึ่งกำลังสร้างสรรค์ผลงานไม้

เจี่ยงเถิงรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็เอ่ยปากถาม “ขอถามหน่อยเถิด สหายกู้ คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นลูกน้องของเจ้าหรือ? ทำไมถึงต้องมาเป็นช่างไม้เช่นนี้?”

กู้อันผิงหยุดชะงักลง และพูดว่า “คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นพี่น้องของข้า พวกเขามีฐานะยากจน ไม่มีเงินไปสู่ขอภรรยา จึงมาอยู่กับข้าที่นี่ ข้าเองก็ไม่ได้เลี้ยงดูอะไรพวกเขามากมายนัก แค่สอนงานฝีมือด้านไม้เหล่านี้ นำไปขายสู่ท้องตลาดเพื่อหาเงิน อย่างน้อยก็พอประทังไปได้บ้าง”

“แต่โจรภูเขาโดยทั่วไปต้องปล้นชิงทรัพย์พวกชาวบ้านไม่ใช่หรือ?” หลินซืออดถามออกไปไม่ได้

กู้อันผิงชะงักไปทันที จากนั้นก็กลั้วหัวเราะ “นั่นคือข้อแตกต่างของพวกเขา เราถูกเรียกว่าโจรป่า แต่ความจริงแล้วเป็นแค่กลุ่มพี่น้องที่ไร้บ้านมารวมตัวกันเท่านั้น บางคนก็ไปช่วยชาวบ้านทำนา พวกเขาไม่ทำการค้า เจ้าของที่เบื้องบนมักจะทารุณและขูดรีดกันอยู่เสมอ พวกชาวบ้านน่าเวทนากันมาก ปกติเราต้องช่วยสนับสนุน โชคดีที่เจ้าของที่เหล่านั้นไม่เหิมเกริมเกินไป”

ทั้งสามคนพูดคุยกันจนถึงหมู่บ้าน เจี่ยงเถิงวางหลินซือลงบนเบาะรอง จากนั้นก็เอ่ยปากพูดว่า “สหายกู้ ข้ามีเรื่องอยากจะรบกวนเจ้า คนที่มาท่องเที่ยวกับเราด้วยยังมีอีกส่วนหนึ่ง พวกเขารอเราอยู่ ณ ตีนเขา ครั้นเห็นเราออกมานานและยังไม่กลับไปคงเป็นห่วงเราแย่ รบกวนเจ้าส่งพี่น้องสักสองคนลงไปแจ้งข่าวกับพวกเขาหน่อยได้หรือไม่?”

กู้อันผิงพยักหน้า จากนั้นก็เรียกลูกน้องสองคนเข้ามา เอ่ยกับพวกเขาสองสามประโยค ทั้งสองคนจึงรีบลงเขาไปทันที

กู้อันผิงให้คนชงน้ำชาและยกขนมเข้ามาให้ จากนั้นก็พูดว่า “หมู่บ้านเล็ก ๆ ของเราไม่มีการต้อนรับอะไรเป็นพิเศษ หวังว่าสหายเจี่ยงจะไม่ถือสา ข้าก็ไม่ใช่คนมีอุดมการณ์อะไร พี่น้องของข้ายกย่องข้า ยอมรับข้าเป็นพี่ใหญ่ ข้าจึงต้องใช้อำนาจเพียงน้อยนิดนั้นให้ดีที่สุด”

เจี่ยงเถิงมองกู้อันผิง เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่มีการเย็บปะหลายจุด เครื่องใช้ภายในหมู่บ้านก็เก่าผุพังจนสุดจะทน ดูไปแล้วโจรป่าอย่างเขาน่าจะแตกต่างจากผู้อื่นโดยแท้จริง

เจี่ยงเถิงสังเกตเห็นลูกน้องของกู้อันผิงแต่ละคนมีรูปร่างกำยำแข็งแรงทั้งนั้น ดูไปแล้วเหมือนผู้ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี จึงเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ว่า “สหายกู้ ข้าเห็นเหล่าพี่น้องของเจ้าล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำทั้งสิ้น พวกเขาต้องทำงานฝีมือไม้ตลอด จึงไม่น่าจะมีโอกาสฝึกศิลปะการต่อสู้ ทำไมถึงมีรูปร่างเช่นนี้ละ?”

กู้อันผิงได้ยินดังนั้นก็คลี่ยิ้ม “มันเป็นสัจธรรม ร่างกายไม่แข็งแรงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร อีกอย่างตอนนี้ปัญหาในบ้านเมืองของเราก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดสงครามขึ้นสักวัน แม้ว่าข้าและเหล่าพี่น้องจะไม่ได้มีความปรารถนามุ่งมั่นอันแรงกล้า แต่ก็อยากทำเพื่อชาติบ้านเมือง ทุกวันข้าจะเรียกรวมตัวเพื่อนฝึกฝนพวกเขา จะได้ลงสนามฆ่าศัตรูได้อย่างเด็ดขาด!”

เจี่ยงเถิงได้ยินก็รู้สึกว่าภายนอกของกู้อันผิงผู้นี้ดูสุภาพเรียบร้อยและมีมารยาท แต่ในใจกลับมีความปรารถนาอันแรงกล้า

ถ้ากำราบพวกเขาได้ จะต้องกลายเป็นผู้มีความสามารถในต้าเยี่ยนแน่นอน

อีกด้านหนึ่ง องค์รัชทายาทมองดูหลินจื้อและไป๋หรูปิงที่เดินอยู่ไกล ๆ พลางเอ่ยถามลู่เหยาว่า “เฮ้ เจ้าอยากออกไปเดินเล่นหรือไม่?”

ลู่เหยาเอ่ยเสียงต่ำ “แต่ แต่พี่หลินซือให้เรารอนางอย่างเชื่อฟังในเรือ ถ้าพวกเขากลับมาแล้วหาเราไม่เจอจะทำเยี่ยงไรเจ้าคะ?”

องค์รัชทายาทพ่นลมหายใจเย็นชาหนึ่งเสียง แล้วทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ว่า “เช่นนั้นเจ้ารออยู่ที่นี่แล้วกัน” จากนั้นก็ขึ้นฝั่ง ไฉนลู่เหยาจะกล้าอยู่ต่อเพียงลำพัง ทำได้เพียงฝืนใจตามองค์รัชทายาทไปด้วย

องค์รัชทายาทปีนป่ายขึ้นเขา เด็ดผลไม้สองสามลูกระหว่างทางให้ลู่เหยา

ลู่เหยารับไปกินสองลูก จนท้องไม่ได้หิวเพียงนั้น แต่หลังจากเดินมานานก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยหอบ

องค์รัชทายาทยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เวรแล้ว! พวกเขาหลงทาง เขาจำสถานที่นี้ได้ ว่าพวกเขาเดินผ่านกันมาแล้วสองสามรอบ

เวลานี้ท้องฟ้าก็ใกล้มืดลงทุกที ครั้นลู่เหยาเห็นองค์รัชทายาทหยุดชะงักลง ร้อนใจพลางกล่าวเหมือนจะร้องไห้ “คุณชาย คุณชายเป็นอะไรเจ้าคะ? ท้องฟ้าใกล้มืดแล้ว ข้า ข้าชักกลัวขึ้นมา … เรารีบกลับกันเถอะ ถ้าพี่หลินซือหาเราไม่เจอต้องเป็นห่วงแน่”

เวลานี้เป็นองค์รัชทายาทที่เริ่มร้อนใจ บางทีอาจเพราะสาเหตุที่เขากลับชาติมาเกิดในร่างเด็ก สติปัญญาจึงไม่ค่อยสมบูรณ์นัก จึงเอ่ยด้วยความโกรธเคือง “หลินซือ หลินซือ เจ้าคิดเองไม่เป็นบ้างหรือไร? พวกเขาไม่มีทางเป็นห่วงเราหรอก ป่านนี้นางกับเจี่ยงเถิงคงเล่นอยู่ที่ไหนสักแห่งอย่างเบิกบานใจอยู่”

กล่าวจบ ทั้งสองคนล้วนตกอยู่ในความเงียบสงัด องค์รัชทายาทรู้ดีว่าตัวเองเผลอพูดในสิ่งที่ไม่สมควร แต่กลับปากหนักไม่กล้าขอโทษ ยังคงเดินต่อไปข้างหน้าอย่างเงียบ ๆ

ลู่เหยาคาดไม่ถึงว่าเขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้ จึงรู้สึกไม่เป็นธรรม จากนั้นก็เดินตามหลังองค์รัชทายาทอย่างเงียบ ๆ

ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม ทั้งสองคนก็ยังไม่อาจหาทางออกไปได้ ลู่เหยาหนาวจนเนื้อตัวสั่นระริก มือเท้าหนาวจนแข็งไปหมด

องค์รัชทายาทหันไปเห็นนางเป็นเช่นนี้ ก็รู้ทันทีว่าคงเดินต่อไปไม่ได้ พวกเขาจะต้องหนาวตายอยู่ในภูเขาแห่งนี้เป็นแน่ เขาจึงถอดเสื้อคลุมตัวนอกของตัวเองออกมาคลุมตัวของลู่เหยา “ข้าร้อน เจ้าใส่เถอะ”

ทันทีที่ลู่เหยาใส่เสื้อคลุมที่ยังหลงเหลืออุณหภูมิร่างกายของเขา ก็พลันรู้สึกอบอุ่นในใจ คนผู้นี้ ใบหน้าอาจดูเย็นชา แต่ความจริงแล้วอ่อนโยนยิ่งกว่าใคร

หลังจากเดินไปอีกครู่หนึ่ง ในที่สุดองค์รัชทายาทก็เห็นถ้ำเบื้องหน้า จึงคว้ามือลู่เหยาเดินเข้าไป

“เจ้าก่อไฟเป็นไหม?” องค์รัชทายาทมองลู่เหยาพลางถามขึ้น

ลู่เหยารีบส่ายหน้าทันที “ไม่เป็น…”

องค์รัชทายาทกุมขมับ ‘ข้าหวังอะไรอยู่? นางจะก่อไฟเป็นได้อย่างไร? ไม่สร้างปัญหาให้ตัวข้าก็ขอบคุณมากแล้ว’

เดิมทีเขาจะให้ลู่เหยาออกไปหาฟืน แต่ครั้นเห็นสมองเพียงน้อยนิดของนางเกรงว่าคงจะเก็บฟืนกลับมาไม่ได้ ตัวเองจึงต้องออกไปเก็บเอง

“รอข้าอยู่ที่นี่ ห้ามไปไหนเด็ดขาด ข้าจะไปเก็บฟืนมาก่อไฟ จำไว้ ห้ามไปไหนเด็ดขาด มิเช่นนั้นข้าจะไม่ตามหาเจ้า” องค์รัชทายาทกำชับลู่เหยา

ลู่เหยาพยักหน้า กระชับเสื้อคลุม นางหนาวมากจริง ๆ นับตั้งแต่รู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว แต่ต้องทนฝืนรอดมาจนถึงตอนนี้ได้ก็ถือว่าวิเศษมากแล้ว

………………………………………………………………………………………………………………………….