ตอนที่ 1089 พิษร้ายสุดคือจิตใจของสตรี (1) ตอนที่ 1090 พิษร้ายสุดคือจิตใจของสตรี (2)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1089 พิษร้ายสุดคือจิตใจของสตรี (1) / ตอนที่ 1090 พิษร้ายสุดคือจิตใจของสตรี (2)
ตอนที่ 1089 พิษร้ายสุดคือจิตใจของสตรี (1)

ขณะที่ชวีซินรุ่ยกำลังงุนงงกับการหายตัวไปของจวินอู๋เสีย ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะก็วิ่งเข้าไปในหอเมฆาสวรรค์!

ร่างเล็กๆ นั้นเต็มไปด้วยพลังอันน่าเหลือเชื่อ มันส่งคนคุ้มกันที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกหอเมฆาสวรรค์ลงนรกไปอย่างรวดเร็ว แล้วเดินเหยียบโลหิตเข้าไปในหอเมฆาสวรรค์ ชวีหลิงเย่ว์มองมันเดินไปนอนที่มุมหนึ่งของเก้าอี้ยาวอย่างประหลาดใจ กีบเท้าเล็กๆ ของมันทิ้งรอยโลหิตเอาไว้บนพรมขนจิ้งจอกสีขาว

“นี่มัน…” เสิ่นฉือเข้ามาหลังได้ยินข่าว เขามองใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่นอนหลับตาพักผ่อนอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าสับสน

รอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปากของชวีซินรุ่ย นางหยิบขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณที่ถูกทิ้งไว้บนเก้าอี้ยาวขึ้นมาถือ พอขลุ่ยถูกหยิบขึ้นมา ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะก็หรี่ตาลงมองไปที่ชวีซินรุ่ยก่อนจะหลับตาลงเพื่อพักผ่อนอีกครั้ง

“มันคือสัตว์วิญญาณของจวินเสีย!” ชวีซินรุ่ยรู้สึกยินดี หลินเชวียเคยบรรยายให้นางฟังแล้วว่าสัตว์วิญญาณของจวินอู๋เสียเป็นอย่างไร และดูจากรูปร่างหน้าตาของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะกับปฏิกิริยาของมันที่มีต่อขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณแล้ว มันก็น่าจะใช่!

“จวินเสียหายตัวไปนานแล้วไม่ใช่หรือ ทำไม…จู่ๆ สัตว์วิญญาณตัวนี้ถึงโผล่มาได้” เสิ่นฉือขมวดคิ้วถาม

ชวีซินรุ่ยตอบว่า “ขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณไม่เคยพลาดหรอก ตอนที่ชวีเหวินเฮ่าใช้ขลุ่ย จวินเสียเข้ามาขัดพอดี จวินเสียต้องรู้ว่าเขาจะไม่สามารถเอาสัตว์วิญญาณกลับไปเป็นของตัวเองได้แล้ว ก็เลยเอาสัตว์วิญญาณไปจากที่นี่ทันที น่าเสียดายที่มันไม่มีประโยชน์…ต่อให้เขาหนีไปจนสุดขอบโลก สัตว์วิญญาณที่ถูกขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณควบคุมไว้แล้วจะหาทางกลับมาหาขลุ่ยเอง ดังนั้นถึงจวินเสียจะออกจากเมืองพันอสูรไป แต่สัตว์วิญญาณตัวนี้จะหาทางกลับมาที่นี่จนได้นั่นแหละ” ความกระวนกระวายและสับสนงุนงงในช่วงหลายวันที่ผ่านมาหายไปจนหมดในเวลาแค่แปบเดียว ชวีซินรุ่ยยิ้มกว้างออกมาอย่างยินดี

ในช่วงที่จวินอู๋เสียหายไปคงเป็นการดิ้นรนครั้งสุดท้ายของอีกฝ่าย แต่สุดท้ายแล้วสัตว์วิญญาณตัวนี้ก็ตกอยู่มือนาง

“ในเมื่อสัตว์วิญญาณตัวนี้มาที่นี่แล้ว นั่นหมายความว่าข้อเรียกร้องของเจ้าก็บรรลุแล้ว เจ้าจะทำตามข้อตกลงที่ว่าจะคืนชวีหลิงเย่ว์ให้ชวีเหวินเฮ่าหรือเปล่า” เสิ่นฉือถามพลางเลิกคิ้ว ช่วงนี้สภาพของชวีเหวินเฮ่าย่ำแย่ขีดสุด เขามาที่หอเมฆาสวรรค์เกือบทุกวันเพื่ออ้อนวอนชวีซินรุ่ยอนุญาตให้เขาได้พบกับบุตรี

แต่น่าสงสาร คำวิงวอนของเขาถูกปฏิเสธอย่างใจร้ายทุกครั้ง หลายวันที่เขาต้องเป็นทุกข์กังวลจนแทบบ้าทำให้ร่างกายที่บาดเจ็บของชวีเหวินเฮ่าแทบไม่ได้พักผ่อนเลย ตอนที่เขากลับไปถึงประตูจวนเจ้าเมืองในเช้าวันนี้ เขาก็ทรุดลงไปจนต้องถูกแบกเข้าไปข้างใน

ชวีซินรุ่ยหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ข้าไปตกลงกับชวีเหวินเฮ่าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมข้าจำไม่ได้เลยเล่า”

เสิ่นฉือชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย

“เจ้านี่มันโหดเหี้ยมอำมหิตจริงๆ”

ชวีซินรุ่ยพูดอย่างไม่รู้สึกรู้สาว่า “ข้าไม่ได้โหดร้าย ชวีเหวินเฮ่าซื่อเกินไปต่างหาก ข้าไม่คิดจะคืนชวีหลิงเย่ว์ให้เขาตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าข้าให้เขาเห็นสภาพของชวีหลิงเย่ว์ว่านางเจอกับเรื่องอัปยศขนาดไหนมาแล้วคืนบุตรีเขาไปแบบนั้น เขาจะไม่สู้กับข้าแบบสุดชีวิตทันทีเลยหรืออย่างไร”

“อะไร อย่าบอกนะว่าเจ้ากลัวเขาน่ะ” เสิ่นฉือพูดพร้อมกับหัวเราะ

“ตลกล่ะ ข้าจะไปกลัวขยะแบบนั้นทำไม ขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณมีเพียงเจ้าเมืองแห่งเมืองพันอสูรเท่านั้นที่ใช้ได้ สัตว์วิญญาณตัวนี้ถูกเขาควบคุมอยู่ ถึงมันจะเคลื่อนไหวไปตามเสียงขลุ่ย แต่ถ้าชวีเหวินเฮ่าตาย อำนาจของขลุ่ยที่ควบคุมสัตว์วิญญาณตัวนี้ก็จะหายไป และมันก็จะไม่อยู่ในการควบคุมของเราอีกต่อไป”

ตอนที่ 1090 พิษร้ายสุดคือจิตใจของสตรี (2)

“อ้าว หรือ ถ้าอย่างนั้นจากที่เจ้าพูด เจ้าก็ไม่ได้ต้องการให้สัตว์วิญญาณตัวนี้เชื่อฟังคำสั่งเจ้าอย่างนั้นหรือ” เสิ่นฉือถามพร้อมกับมองใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่นอนหลับตาอยู่ที่พื้น เขาก็คิดอยู่ว่ามันแปลกที่สัตว์วิญญาณตัวนี้เย็นชากับชวีซินรุ่ย

ดูเหมือนว่านี่คือคำอธิบายของเรื่องนั้นสินะ

เหตุผลที่ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะมาปรากฏตัวที่นี่ก็เป็นเพราะขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณเท่านั้น แต่คนที่สามารถใช้ขลุ่ยนั้นได้ก็คือชวีเหวินเฮ่า และคนที่สามารถทำให้สัตว์วิญญาณตัวนี้ทำตามคำสั่งได้ก็คือชวีเหวินเฮ่าเพียงคนเดียวเท่านั้น

แต่ชวีเหวินเฮ่าได้โยนขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณให้ชวีซินรุ่ยตั้งแต่วันแรก แสดงว่าเขาจะไม่ยอมทำอะไรไปมากกว่านี้แล้ว

“แม้ว่าสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติจะหายาก แต่ถ้าพวกมันไม่ยอมให้ข้าใช้ได้ตามที่ข้าต้องการแล้วละก็ ข้าจะฝืนไปทำไม ข้าแค่ต้องการใช้สัตว์วิญญาณตัวนี้มาบังคับให้จวินเสียยอมรับข้อเสนอของข้า และตราบใดที่มันยังอยู่ในมือข้า จวินเสียจะต้องโผล่มาอีกครั้งอย่างแน่นอน ตราบใดข้าทำให้เขายอมจำนนต่อข้าและให้ข้าใช้อำนาจที่ยิ่งใหญ่ของรัฐเหยียนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของข้าแล้วละก็ นั่นก็เพียงพอแล้ว” ชวีซินรุ่ยพูดพลางหัวเราะ นางแกล้งทำเป็นเคาะขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณสองสามครั้งที่ข้างเก้าอี้ยาวโดยไม่ได้ตั้งใจ เสียงเคาะดังชัดเจนในหอเมฆาสวรรค์

เมื่อเสียงนั้นดังขึ้นซ้ำๆ หลายครั้ง ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะก็ลืมตาขึ้นเหมือนว่ามันถูกเสียงนั้นปลุกให้ตื่น

ชวีซินรุ่ยรู้สึกว่ามันสนุกดีก็เลยใช้ขลุ่ยแกล้งก่อกวนใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะอีกหลายครั้ง

เสิ่นฉือมองอารมณ์ขันแบบชั่วร้ายของชวีซินรุ่ยแล้วพูดว่า “ข้าว่าเจ้าจะไม่ได้คิดอย่างที่พูดน่ะสิ มีสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติอยู่ตรงหน้า เจ้าจะไม่หวั่นไหวเลยเชียวหรือ”

ชวีซินรุ่ยหยุดมือแล้วหันไปมองเสิ่นฉือ

นางจะไม่อยากได้ได้อย่างไร

ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีเพียงเจ้าเมืองแห่งเมืองพันอสูรเท่านั้นที่ใช้ขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณได้ละก็ นางยึดมันเป็นของตัวเองไปแล้ว นี่เพราะนางไม่มีทางที่จะทำให้สัตว์วิญญาณตัวนี้เชื่อฟังคำสั่งนางได้ต่างหาก นางถึงพูดวางท่าแบบนั้นได้หน้าตาเฉย

“สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือรัฐเหยียน นอกนั้นไม่ใช่เรื่องจำเป็น” ชวีซินรุ่ยพูดพลางหรี่ตาลง คำพูดของเสิ่นฉือทำเอานางหมดอารมณ์แกล้งใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ นางวางขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณลงข้างๆ พอไม่โดนรบกวนใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะก็หลับตาลงอีกครั้งเพื่อพักผ่อน

“อีกไม่นานชวีเหวินเฮ่าก็คงรู้เรื่องสัตว์วิญญาณตัวนี้ เขาจะมาสร้างความวุ่นวายขึ้นอีกแน่” เสิ่นฉือพูด

ชวีซินรุ่ยตอบว่า “มีอะไรให้ต้องกังวล เจ้าก็ตัดนิ้วนังแพศยานั่นส่งไปให้ชวีเหวินเฮ่าเสียแล้วบอกเขาให้ทำตัวดีๆ ถ้าเขายังกล้าก่อเรื่อง มันจะไม่จบง่ายๆ แค่ได้หลานเพิ่มแน่ ข้าสับบุตรีเขาให้เป็นเนื้อบดอย่างสนุกเลยเชียว ถ้าเขาอยากให้เป็นแบบนั้นก็เชิญก่อเรื่องได้ตามสบาย”

เสิ่นฉือหัวเราะเบาๆ เขาไม่กลัววิธีการอันโหดเหี้ยมแบบสุดโต่งของชวีซินรุ่ยเลย แต่กลับชอบใจเสียมากกว่า

“ได้ ข้าจะจัดการเดี๋ยวนี้” พูดจบเสิ่นฉือก็หันหลังเดินจากไปทันที

ที่ชั้นใต้ดินของหอเมฆาสวรรค์ เสิ่นฉือเอามือไพล่หลังขณะที่คนรับใช้ข้างหลังชูคบไฟเพื่อส่องแสงในคุกใต้ดินที่มืดมิด

ในกรงเหล็กอันหนึ่ง เสียงโซ่เหล็กลากไปกับพื้นดังมาถึงพวกเขา ในเสียงลากโซ่นั้น มีเสียงร้องไห้อย่างสิ้นหวังขีดสุดปนอยู่ด้วย เสียงร้องนั้นบีบคั้นออกมาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ ฟังดูน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก

เสิ่นฉือเดินมาหยุดที่ด้านหน้าประตูเหล็กบานหนึ่ง ประตูนั้นเปิดออกช้าๆ ข้างในกรงนั้นมืดสลัวมาก เสียงร้องผ่านผ้าที่อุดปากไว้ดังมาจากความมืดสลัวนั้น พอประตูเปิดออก บุรุษหลายคนที่เปลือยกายอยู่ในสภาพต่างๆ กันก็กอดกองเสื้อผ้าของตัวเองไว้แล้วเดินออกไปจากห้องขัง เมื่อพวกเขาเห็นเสิ่นฉือก็ก้มศีรษะแสดงความเคารพทันที แววตาของพวกเขาทั้งเคารพและหวาดกลัว

เสิ่นฉือชำเลืองมองพวกเขาแล้วมุมปากเขาก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะอันชั่วร้าย

“รสชาติของคุณหนูใหญ่แห่งเมืองพันอสูรดีมากเลยใช่หรือไม่เล่า”