ก่อนหน้านี้ฟู้ชูเหม่ยเป็นหนี้พนันนับสิบล้านแล้วหลบหนีไป ไม่มีใครรู้ว่าเธอไปอยู่ที่ไหน พ่อของเจียงหยุนเอ๋อเคยตามหาฟู้ชูเหม่ย แต่ก็หาตัวไม่พบ
ที่แท้หลังจากที่ฟู้ชูเหม่ยหลบหนีไป ก็ได้หนีไปที่แห่งหนึ่ง แล้วใช้ชีวิตแบบปิดบังตัวตนมาตลอด เธอเองก็คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับนังแพศยาเจียงหยุนเอ๋อที่นี่
“ถ้าไม่ใช่เพราะเจียงหยุนเอ๋อ ตัวเองคงไม่ต้องตกต่ำอย่างนี้ ลูกสาวของตัวเองตอนนั้นก็คงไม่ถูกจับเข้าคุก ทั้งหมดเป็นเพราะเจียงหยุนเอ๋อทั้งนั้น คราวนี้ถ้าฉันไม่ฆ่าแกให้ตาย ก็อย่าเรียกฉันแซ่ฟู้”
ฟู้ชูเหม่ยมองเจียงหยุนเอ๋อที่ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างมีความสุข ก็ยิ่งเกลียดแค้นเจียงหยุนเอ๋อมากขึ้นไปอีก
ฟู้ชูเหม่ยได้ยินเสียงฝีเท้า ก็มองเจียงหยุนเอ๋อด้วยสายตาอำมหิตแวบหนึ่ง จากนั้นก็ก้มหน้าแล้วเดินหนีไป
หลังจากที่ลี่จุนซินได้รับสายจากเจียงหยุนเอ๋อ ก็รีบลากเวียร์กลับมาที่โรงแรม ตอนคุยโทรศัพท์เจียงหยุนเอ๋อได้แต่ร้องไห้แล้วบอกให้เธอรีบกลับมา แต่ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง
เมื่อเธอเข้ามาในห้อง แล้วเห็นทั้งสามคนกอดกันอยู่ ก็คิดว่าพวกเขาถูกใครลอบทำร้าย เลยไม่สนว่าจะรบกวนพวกเขาหรือเปล่า แล้วรีบเข้าไปถามทันที :
“เป็นอะไร? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
หลังจากที่ลี่จุนถิงได้ยินเสียงของลี่จุนซิน ก็ปล่อยเจียงหยุนเอ๋อและถวนจื่อออกจากอ้อมกอด แล้วจ้องลี่จุนซินและพูดกับเธอว่า :
“พี่ครับ ผมกลับมาแล้ว!”
“นายเป็นอะไรไป? นายกลับมาแล้วหมายความว่าไง?”
เพราะเมื่อกี้ลี่จุนซินวิ่งมาเร็วเกินไป ออกซิเจนในสมองยังไม่ได้ถูกเติมเต็ม เลยยังตั้งสติไม่ได้ แต่เวียร์ตั้งสติได้ก่อน เวียร์จึงดึงลี่จุนซินไว้ แล้วส่งสายตาให้กับเธอ
ลี่จุนซินมองเวียร์ด้วยความสงสัย “อะไรของนาย?”
ลี่จุนซินหันไปเพื่อจะถามต่ออีก แต่จู่ ๆ ในหัวก็แวบคำว่า “ผมกลับมาแล้ว” ขึ้นมา เธอเลยเข้าใจได้ทันที แล้วเข้าไปจับไหล่ของลี่จุนถิงด้วยความตื่นเต้น
“จุนถิง นายจำได้แล้วเหรอ? นายจำได้แล้วใช่ไหม?”
ลี่จุนถิงมองลี่จุนซินอย่างยิ้ม ๆ “ใช่ครับ พี่ ผมจำได้หมดแล้ว”
เจียงหยุนเอ๋อและเวียร์ที่อยู่ข้าง ๆ เห็นท่าทางตื่นเต้นดีใจของลี่จุนซิน ก็ยิ้มตามไปด้วย
เจียงหยุนเอ๋อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองต้องโทรหาหลันเยว่เฉิน เลยรีบโทรศัพท์ไปบอกเขาว่าลี่จุนถิงไม่เป็นอะไรแล้ว
“ขอโทษด้วยนะ หมอหลัน รบกวนนายแล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ อาซ้อ ในเมืองรถติดพอดี ผมเลยยังไปไม่ถึงไหน ถ้ารู้สึกผิด ไว้รอพวกพี่กลับมาค่อยเลี้ยงข้าวผมสักมื้อก็พอครับ”
“ไม่มีปัญหา จริงสิ ฉันมีเรื่องต้องบอกนาย จุนถิงความจำกลับมาแล้ว แต่ฉันยังคงไม่วางใจ กลับไปแล้วรบกวนนายหาเวลาว่างตรวจอาการเขาหน่อยนะ”
“จริงเหรอ? เขาจำได้แล้วเหรอ เยี่ยมไปเลย อาซ้อ พวกพี่มาได้ทุกเมื่อ แต่ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”
เจียงหยุนเอ๋อวางสายแล้วก็คิดอยากบอกโม่เสี่ยวฮุ่ยสักคำ แต่ถูกลี่จุนถิงห้ามเอาไว้
“ถ้าเธอบอกแม่ตอนนี้ อีกสองชั่วโมงแม่ต้องโผล่มาที่นี่แน่นอน ไว้รอให้พวกเรากลับไปก่อนแล้วค่อยบอกแม่ก็ได้ ไม่ต่างกันหรอก”
เจียงหยุนเอ๋อคิด ๆ ดูแล้ว ก็รู้สึกว่าที่ลี่จุนถิงพูดก็มีเหตุผล เลยเห็นด้วยกับเขา
เมื่อใกล้ค่ำ ทั้งห้าคนก็ได้ทานข้าวกันที่โรงแรม แล้วไปโบสถ์ที่อยู่ละแวกนั้นด้วยกัน
ทั้งห้าคนยืนอยู่ที่มุมสูงของโบสถ์ มองไปยังเมืองโบราณแห่งนี้ ท้องฟ้าสีครามส่องแสงสะท้อนตัดกับแสงไฟในเมืองโบราณ แต่งแต้มสีสันให้กับเมืองโบราณที่ดูแข็งแกร่งแห่งนี้ หลังออกมาจากโบสถ์ ลี่จุนถิงก็ได้ไปที่ร้านกาแฟเป็นเพื่อนเจียงหยุนเอ๋อ ดื่มกาแฟไปพลางชมวิวยามค่ำคืนไปพลาง ระหว่างรอพวกลี่จุนซินกลับมา
ลี่จุนซินและเวียร์พาถวนจื่อไปเที่ยวตลาดกลางคืนของเมืองโบราณ ในตลาดคึกคักมากเลยทีเดียว ตามถนนหนทางเต็มไปด้วยผู้คน แต่ถวนจื่อและลี่จุนซินยังคงสนุกกันมาก
ลี่จุนซินพาถวนจื่อเข้าไปเดินดูแต่ละร้าน รู้สึกตื่นตากับสิ่งของในทุก ๆ ร้าน ลี่จุนซินซื้อของเล่นให้ถวนจื่อหลายชิ้นมาก ถวนจื่อไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อน ก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจมากเป็นพิเศษ ส่วนเวียร์ที่น่าสงสารได้แต่ช่วยถือของที่พวกเขาซื้อมาคอยเดินตามหลังพวกเขา
ตอนหลังถวนจื่อนึกขึ้นมาได้ว่าด้านหลังยังมีเวียร์อยู่ด้วย เลยเตือนลี่จุนซินสักหน่อย ลี่จุนซินจึงได้เห็นเวียร์มองตัวเองด้วยความน้อยใจ
ลี่จุนซินรีบขอโทษเวียร์ จากนั้นก็พาพวกเขาเดินเที่ยวอีกสักพักใหญ่ จนตลาดใกล้จะปิด ซึ่งตอนนี้ลี่จุนถิงได้พาเจียงหยุนเอ๋อกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมแล้ว
เมื่อพวกลี่จุนซินกลับมาที่ร้านกาแฟ ร้านกาแฟก็ปิดร้านไปแล้ว ลี่จุนซินจึงหยิบโทรศัพท์มาโทรหาลี่จุนถิง และได้เห็นข้อความที่ลี่จุนถิงส่งให้ตัวเองก่อนหน้านี้สักพักแล้ว บอกว่าจะกลับกันก่อน
ทั้งสามคนจึงรีบกลับโรงแรม ตอนแรกลี่จุนซินคิดว่าดึกขนาดนี้แล้ว จะให้ถวนจื่อนอนกับพวกเขา แต่เมื่อเดินเข้าประตูมา ก็เห็นลี่จุนถิงนั่งรอพวกเขาอยู่ที่ห้องรับแขกของโรงแรม ลี่จุนถิงรับถวนจื่อที่อยู่ในอ้อมกอดของเวียร์มา แล้วเร่งให้พวกเวียร์รีบกลับไปพักผ่อน
วันต่อมา ทั้งห้าคนแยกย้ายกันเที่ยวอีกเช่นเคย ลี่จุนซินและเวียร์ออกไปเที่ยวกันเอง ส่วนเจียงหยุนเอ๋อไม่สามารถเคลื่อนไหวนาน ๆ ได้ ลี่จุนถิงจึงได้พาเจียงหยุนเอ๋อและถวนจื่อไปล่องเรือ
พวกเขาสามคนนั่งอยู่บนเรือที่โคลงเคลงไปมา มองบ้านเรือนและถนนโบราณปูพื้นด้วยหินที่เรียงรายอยู่สองฝั่ง ท่ามกลางแม่น้ำ รับลมเย็น ๆ ที่โชยมาจากบนผิวน้ำ ได้นั่งมองวิวอยู่เงียบ ๆ อย่างนี้ เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกสบายอย่างไม่มีอะไรมาเทียบได้
คุณลุงที่คอยพายเรือให้พวกเขาเป็นคนใต้ดั้งเดิมพอดี ได้ฟังเพลงไมเนอร์อู๋หนงของคุณลุง พลางมองวิวที่สวยงามของทั้งสองฝั่งแม่น้ำ อีกทั้งมีเจียงหยุนเอ๋อและถวนจื่ออยู่เคียงข้าง ทำให้ลี่จุนถิงรู้สึกพึงพอใจกับวันเวลาอย่างนี้เหลือเกิน
เมื่อลงจากเรือ ทั้งสามคนก็ได้เดินเล่นที่ริมฝั่ง เมืองโบราณแห่งนี้มีต้นไม้เรียงรายเต็มไปหมด ตามรั้วและกำแพงถูกปกคลุมได้ด้วยเถาวัลย์ ระหว่างทาง พวกเขาได้ถ่ายรูปเก็บไว้ไม่น้อยเลย
ฟู้ชูเหม่ยคอยแอบซ่อนดูอยู่ตลอด เพื่อหาโอกาสลงมือกับเจียงหยุนเอ๋อ แต่ลี่จุนถิงก็อยู่กับเจียงหยุนเอ๋อตลอดเวลา ทำให้ฟู้ชูเหม่ยหาโอกาสไม่ได้สักที
ตอนเที่ยง ลี่จุนซินและเวียร์มาทานข้าวกับพวกเจียงหยุนเอ๋อ ทั้งห้าคนเลือกทานที่ร้านอาหารจานด่วนแห่งหนึ่งริมแม่น้ำ
เวียร์เมื่อนั่งลงก็ได้พูดให้ลี่จุนถิงฟังว่า : “ที่นี่สวยมากเหลือเกิน ผมชอบที่นี่มาก ๆ เลย ประวัติศาสตร์ของประเทศพวกคุณช่างมีเสน่ห์ลึกล้ำมากจริง ๆ ผมชอบสถานที่ที่มีวัฒนธรรมพื้นบ้านแบบนี้มากเลย ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ช่างมีความสุขเหลือเกิน”
“ไว้ต่อไป ผมแต่งงานกับจุนซินแล้ว ต้องมาพักผ่อนหย่อนใจที่นี่บ่อย ๆ แน่นอน”
เวียร์หรี่ตาลง ท่าทางสำราญใจมาก รู้สึกเหมือนกำลังสัมผัสได้ถึงความงดงามของชีวิตหลังแต่งงาน
ลี่จุนซินแกล้งถลึงตาใส่เวียร์อย่างโกรธ ๆ แล้วพูดว่า : “ฉันบอกว่าจะแต่งงานกับคุณแล้วหรือไง? ถึงได้ฝันหวานอยู่ตรงนี้”
เวียร์มองลี่จุนซินด้วยรอยยิ้มหวาน สายตาเต็มไปด้วยความหวานหยาดเยิ้ม
ลี่จุนซินไม่สนใจเขาอีกต่อไป แล้วหันไปพูดกับเจียงหยุนเอ๋อแทน