บทที่ 547 ความประทับจากอริยะ โลกมนุษย์แห่งแรก

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 547 ความประทับจากอริยะ โลกมนุษย์แห่งแรก

การจากไปของโจวฝานไม่ได้ก่อระลอกคลื่นมากนัก ช่วงเวลาส่วนใหญ่ศิษย์สำนักซ่อนเร้นต่างก็ฝึกบำเพ็ญไปตามวิถีของตน นอกจากศิษย์ส่วนน้อยแล้ว คนที่เหลือต่างไปมาหาสู่กันน้อยยิ่ง

หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อ มุ่งสู่ระดับเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าระยะกลาง

อีกด้านหนึ่ง

ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม ชายขอบเขตฟ้าบุพกาล เมืองแห่งหนึ่งตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางความมืดมิด รอบข้างรายล้อมด้วยไอหมอกลอยม้วนอ้อยอิ่ง

เมืองฟ้าบุพกาล

ในเมืองมีหอคอยสูงหลังหนึ่ง ชั้นบนสุดของหอคอยมีตำหนักหลังหนึ่ง เหล่าอริยชนมารวมตัวกัน

“หานเจวี๋ยส่งศิษย์ระดับต้าหลัวมาร่วมหนึ่งคน” ฉิวซีไหลเอ่ย

อริยะที่เหลือต่างพยักหน้ารับ

เทพสูงสุดหนานจี๋เดาะลิ้นเอ่ยชมเชย “สำนักซ่อนเร้นส่งต้าหลัวคนหนึ่งมาอย่างง่ายดาย หลี่เต้าคงก็มีพลังพอจะปะทะกับยอดผู้แข็งแกร่งแห่งแดนเซียนแล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วสำนักซ่อนเร้นจะเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว”

เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยกล่าวอย่างสงบ “เป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียวแล้วไม่ดีหรือ เช่นนี้พวกเราถึงจะละวางอำนาจลาภยศ สงบใจฝึกบำเพ็ญได้ ค้ำจุนสำนักซ่อนเร้นในมหาเคราะห์ครั้งต่อไปได้พอดี วันหน้าหากมรรคาสวรรค์ตกอยู่ในอันตรายอีก ก็ให้หานเจวี๋ยออกหน้าโดยตรงได้

ฝูซีเทียนและมหาจักรพรรดิเซียวพยักหน้ารับ

มหันตภัยมารสวรรค์ ทำให้ตบะของพวกเขาลดฮวบลง จำเป็นต้องบำเพ็ญฟื้นฟูเป็นระยะเวลานาน

ฉิวซีไหลเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ อย่างน้อยพวกเขาก็ได้ละวางความบาดหมาง ศิษย์สำนักซ่อนเร้นคนนั้นพวกเราช่วยดูแลให้มากหน่อยเถิด ถือว่าแสดงเจตนาดี เรื่องมารสวรรค์ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าหานเจวี๋ยมิใช่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ด้วยพลังของเขา รอให้มารมรรคาสวรรค์สังหารพวกเราทิ้งแล้วค่อยลงมือก็ได้ มารมรรคาสวรรค์มิใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย”

อริยะสี่รายที่เหลือ ยามนี้พอนึกย้อนกลับไป พวกเขาต่างก็รู้สึกสะท้อนใจอย่างยิ่ง

เมื่อเผชิญหน้ากับหานเจวี๋ยมารมรรคาสวรรค์สู้ไม่ได้เลย

แววตาของเจ้านิกายเทียนเจวี๋ยวูบไหว เอ่ยว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เหลือแค่หลี่มู่อี”

เทพสูงสุดหนานจี๋แค่นเสียง “ใช่น่ะสิ เขาเรียกใช้บรรพจารย์ซานชิงโดยไม่เคยถามพวกเราสองคนเลย สามนิกายสำนักเต๋าอันใดกัน ผายลมทั้งเพ อีกอย่าง หากมรรคาสวรรค์สูญสิ้น โลกพันอนันต์ของเขาจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด มรรคาสวรรค์น้อยจะกลายเป็นมรรคาสวรรค์เพียงหนึ่งเดียว”

เมื่อเอ่ยถึงหลี่มู่อี เหล่าอริยะต่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

จักรพรรดิเซียวกล่าวว่า “อย่างเพิ่งคุยเรื่องหลี่มู่อีเลย ว่าเรื่องเมืองฟ้าบุพกาลก่อนเถอะ หลังจากมารสวรรค์ถูกกวาดล้าง ฟ้าบุพกาลปรากฏรอยแยกมิติมากมาย ข้ากังวลว่าจะมีสิ่งอัปมงคลฉวยโอกาสแทรกซึมเข้ามา”

เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “อริยะจินอันมีพลังวิเศษอย่างหนึ่ง ใช้สอดส่องสิ่งอัปมงคลได้ จนปัญญาที่เขาวิกลจริตไปเสียแล้ว”

ฉิวซีไหลขมวดคิ้วแน่น

เขาสังหรณ์อยู่เสมอว่ามีมือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นข้างหนึ่งคอยผลักดันทุกอย่างอยู่เบื้องหลัง

ยามที่พวกเขาต้องการจะทำอะไรขึ้นมา ถึงพบว่าตกอยู่ในแผนการของบุคคลลึกลับมานานแล้ว

เชื่อมโยงร้อยเรียงกันไปเรื่อย!

ฉิวซีไหลไม่เคยไร้กำลังถึงขนาดนี้มาก่อน รู้สึกว่าศัตรูวางหลุมพรางไว้หลุมแล้วหลุมเล่ารอให้เขากระโดดลงไป

“พวกเราต้องยกระดับพลังของแดนเซียน ไม่อาจปล่อยให้พึ่งพาแค่พวกเราได้” เทพสูงสุดหนานจี๋เอ่ยเสนอขึ้น

ฉิวซีไหลหรี่ตาเอ่ยว่า “เผยแพร่มรรคกันเถอะ มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ใกล้เข้ามาแล้ว พวกเราไม่อาจเฝ้ารอความสำเร็จได้อีกต่อไป”

“ได้!”

“ตกลง!”

เหล่าอริยะต่างตกปากรับคำ

….

ภายในอารามเต๋า หานเจวี๋ยได้รับแจ้งเตือนค่าความประทับใจติดกันสี่ข้อความ ตอนนี้เหล่าอริยะที่เหลือรอดอยู่ล้วนกลายเป็นสหายของเขา

ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นไปตามคาด สามารถกลายเป็นอริยะได้ ย่อมมิใช่คนโง่เป็นอันขาด มีหลักการอย่างสู้ไม่ได้ก็ยังลอบปองร้ายต่อไปอยู่เสียที่ไหนกัน

หานเจวี๋ยก็ไม่ได้รังเกียจความเสแสร้งของเหล่าอริยะ พอดีเลย ปัญหายุ่งยากของเขาจะได้น้อยลง สงบใจฝึกบำเพ็ญได้

ตัวตนของอริยะยังคงจำเป็นต้องมีอยู่ ถึงแม้พวกเขาจะต่อสู้กันในทางลับและทางแจ้ง แต่ก็สามารถคงไว้ซึ่งระเบียบมรรคาสวรรค์ได้จริงๆ ถึงขั้นที่ดูแลปกป้องแดนเซียนด้วย

วันเวลาไร้สำเนียง

ผ่านไปปีแล้วปีเล่า

สามร้อยปีผ่านไป

เมื่อว่างเว้นจากการฝึกบำเพ็ญ หานเจวี๋ยเริ่มสอดส่องซูฉีที่อยู่ในโลกอนธการ

สังขารของซูฉีควบรวมขึ้นอย่างสมบูรณ์ แต่เขายังคงขดตัวอยู่ในปราณเทพมาร ดูดซับปราณฟ้าบุพกาลและปราณอนธการที่อยู่รอบข้าง

ปราณฟ้าบุพกาลก่อเกิดจากปฐมศิลาฟ้าบุพกาล ส่วนปราณอนธการเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากคุณสมบัติกายเทพมารอนธการของหานเจวี๋ย

นอกจากซูฉีแล้ว ปราณเทพมารที่เหลือยังไม่สามารถควบรวมก่อร่างขึ้นมาได้

ก่อนหน้านี้ซูฉีมีพัฒนาการเติบโตอย่างแข็งแรง น่าจะไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นมาอีก

หานเจวี๋ยมองโลกเขย่าพิภพ

ก่อนหน้านี้เขาคิดจะสรรค์สร้างโลกเขย่าพิภพให้กลายเป็นดินแดนแห่งแรกของโลกอนธการ ทว่าด้วยแรงกดดันของปราณอนธการ โลกเขย่าพิภพยากจะทนรับไหวอยู่บ้าง

หานเจวี๋ยตัดสินใจปล่อยโลกเขย่าพิภพออกไป ให้กลายเป็นดินแดนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งด้านล่างแดนเซียน

คิดดังนั้น หานเจวี๋ยก็เรียกโลกเขย่าพิภพออกมา ลอยอยู่ในฝ่ามือ

เขากระโจนออกจากแดนเซียน มาโผล่ด้านล่างแดนเซียน

กวาดจิตศักดิ์สิทธิ์ออกไป โลกเล็กโลกน้อยที่อยู่ด้านล่างแดนเซียนมีจำนวนเกินห้าพันโลกแล้ว

หานเจวี๋ยปล่อยโลกเขย่าพิภพลง ดึงแรงกุศลมรรคาสวรรค์ส่วนหนึ่งออกมาจากโลกอนธการถ่ายทอดให้แก่โลกเขย่าพิภพ ทำให้ผสานรวมกับดวงชะตามรรคาสวรรค์

โลกเขย่าพิภพเริ่มขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงแจ้งเรื่องนี้ต่อพุทธะอาภรณ์ขาว ให้พุทธะอาภรณ์ขาวเตรียมการให้ดี

พุทธะอาภรณ์ขาวถามด้วยความกระวนกระวาย “เช่นนั้นต่อไปพวกเราจะยังนับเป็นส่วนหนึ่งของสำนักซ่อนเร้นหรือไม่ขอรับ”

“นับ โลกเขย่าพิภพจะเป็นดินแดนแห่งแรกของสำนักซ่อนเร้น”

“ขอรับ!”

พุทธะอาภรณ์ขาวโล่งอก เขายังอยากกอดต้นขาหานเจวี๋ยต่อ

เหตุผลที่ปล่อยโลกเขย่าพิภพออกมา ยังมีอีกสาเหตุหนึ่ง หานเจวี๋ยอยากใช้โลกเขย่าพิภพแย่งชิงดวงชะตา

เมื่อถึงเวลาเผ่าสวรรค์ครองแดนเซียน โลกขย่าพิภพครองแดนมนุษย์ เช่นนั้นดวงชะตามรรคาสวรรค์จะตกอยู่ในกำมือหานเจวี๋ย มรรคาสวรรค์ก็อย่าหมายจะปองร้ายเขาได้อีก

หลังจากโลกขย่าพิภพผสานรวมกับแรงกุศลมรรคาสวรรค์อย่างสมบูรณ์ ดวงชะตาควบรวมกับมรรคาสวรรค์อีกครั้ง หานเจวี๋ยก็กลับคืนสู่เขตเซียนร้อยคีรี

เขาถ่ายทอดเสียงหาบรรพจารย์ซานชิง ให้บรรพจารย์ซานชิงแทรกซึมเข้าสู่โลกเขย่าพิภพ ปกป้องโลกเขย่าพิภพ ถึงอย่างไรคนผู้นี้ก็อยู่ว่างไม่มีอะไรทำ

บรรพจารย์ซานชิงมุ่งหน้าสู่โลกเขย่าพิภพทันที

เมื่อจัดการเรื่องราวเสร็จสิ้น หานเจวี๋ยก็ผ่อนคลายขึ้นมาก

เขาเริ่มตั้งตารอชมความรุ่งโรจน์เจิดจรัสของโลกเขย่าพิภพในภายภาคหน้า

ต้องกล่าวเลยว่า ความรู้สึกที่ได้จัดวางหมากค่อนข้างชื่นมื่นอยู่บ้าง

นี่คือสาเหตุที่ทำให้เหล่าอริยะกระทำเรื่องเช่นนี้ได้โดยมิเบื่อหน่ายสินะ

จากนั้น หานเจวี๋ยก็ฝึกบำเพ็ญต่อ

….

แปดร้อยปีผ่านไปว่องไวยิ่ง

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงขั้น!

ระดับเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าระยะกลาง!

พลังเวทเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน!

หานเจวี๋ยทำให้ตบะเสถียรพลางเรียกหน้าต่างค่าสถานะออกมาตรวจสอบ

[ชื่อ: หานเจวี๋ย]

[อายุขัย: 43914/390, 490, 009, 999, 999, 999, 999, 999]

[เผ่าพันธุ์: เทพมารอนธการ (มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต)]

[ตบะ: ระดับเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าระยะกลาง (อริยะสมบูรณ์แบบ)]

[วิชายุทธ์: มหามรรควัฏจักรอนธการ (ระดับมหามรรค) วิชาชุบร่างวัฏจักรดารา]

[มหามรรค: มหามรรคเวียนว่ายตายเกิด มหามรรคแห่งกรรม มหามรรคต้นกำเนิด

….

อายุขัยเพิ่มขึ้นเกือบสี่เท่า ไม่เลวเลย!

จากนั้นหานเจวี๋ยใช้เวลาอีกเจ็ดสิบปี ถึงทำให้ตบะมั่นคงได้

ความเข้าใจที่เขามีต่อมหามรรคต้นกำเนิดลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นที่รู้สึกได้ว่าสามารถสร้างพลังวิเศษจากมหามรรคต้นกำเนิดได้

หานเจวี๋ยใช้เวลาครึ่งปียกระดับพลังวิเศษมรรคกระบี่ทั้งหมดจนถึงขีดจำกัด ขณะที่เขากำลังจะฝึกฝนร่างจำลองเสรีสุญญตาต่อ น้ำเสียงดังกังวานและเคร่งขรึมเสียงหนึ่งแว่วก้องไปทั่วฟ้าดิน

“พวกเราเหล่าอริยะตัดสินใจแล้วว่าจะคัดเลือกอริยะรายใหม่ภายในหนึ่งหมื่นปี ตำแหน่งอริยะนี้จะต้องมีแรงกุศลมรรคาสวรรค์มหาศาล ตบะสูง ไม่ว่าจะเป็นสำนักนิกายไหน เผ่าพันธุ์ใด ทั้งหมดต่างสามารถแข่งขันแย่งชิงได้!”

เป็นเสียงของฝูซีเทียน

จะเลือกอริยะรายใหม่เร็วขนาดนี้เชียวหรือ

หานเจวี๋ยไม่สนใจเลย ไม่ว่าใครจะขึ้นเป็นอริยะรายใหม่ก็สู้เขาไม่ได้ทั้งนั้น!

ช้าก่อน!

แล้วปราณม่วงอนธการสายนี้จะมาจากผู้ใด

หานเจวี๋ยตรวจดูกล่องจดหมาย เป็นอย่างที่คิด มองเห็นจดหมายฉบับหนึ่ง

[อริยะมิ่งจีศัตรูคู่อาฆาตของท่านถูกเหล่าอริยะสะบั้นดวงชะตามรรคาสวรรค์ ตัวตายมรรคผลสลาย]

รูปประจำตัวของอริยะมิ่งจีหายไปแล้ว

………………………………………………………………