บทที่ 548 ร่างจำลองเทพมารห้าสิบตน พ่อลูกพบพาน

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 548 ร่างจำลองเทพมารห้าสิบตน พ่อลูกพบพาน

การดับสูญของอริยะมิ่งจีทำให้หานเจวี๋ยปลงอนิจจังยิ่ง

ในอดีตอริยะมิ่งจีก็นับว่าอยู่ในลำดับต้นๆ ของเหล่าอริยะ น่าเสียดาย เขาดันมาล่วงเกินหานเจวี๋ย

หากอริยะมิ่งจีไม่ล่อลวงซูฉี ซูฉีจะก้าวเดินบนเส้นทางที่ไม่อาจหวนกลับได้อย่างไร

อย่างไรก็ตามนั่นทำให้หานเจวี๋ยผูกกรรมต่ออริยะมิ่งจี อริยะมิ่งจีถูกเขาสาปแช่งจนเป็นบ้า ทว่ากลับถูกอริยะรายอื่นๆ สังหาร

หานเจวี๋ยรู้จักเหล่าอริยะเป็นอย่างดี

อริยะเหล่านี้เปลี่ยนสีหน้าว่องไวยิ่ง พร้อมจะดีกับเจ้าตลอดเวลา และพร้อมจะทำร้ายเจ้าได้ตลอดเวลาเช่นกัน

หานเจวี๋ยไม่อาจไว้ใจเหล่าอริยะได้

เขาส่ายหน้า ไม่คิดมากอีกต่อไป เริ่มฝึกฝนร่างจำลองเสรีสุญญตาต่อไป

เวลาผ่านไปสี่สิบแปดปีเต็ม

หานเจวี๋ยได้ครอบครองร่างจำลองเทพมารเพิ่มทั้งหมดห้าสิบตน ไม่อาจเรียนรู้ร่างจำลองเทพมารตนใหม่ได้อีก

ร่างจำลองเทพมารที่เขาได้ครอบครองแบ่งออกเป็นเทพมารดาราเดียวดาย เทพมารรังวัด เทพมารชังหิรัญ เทพมารมหามรรคหลบเร้น เทพมารไร้อาวรณ์ เทพมารจำแลง เทพมารยอดหยิน เทพมารชื่นประชา เทพมารนภาคราม เทพมารทะเลกาฬ เทพมารยอดอัคคี เทพมารมหาอาเพศ เทพมารประสงค์ร้าย เทพมารพันโอฬาร เทพมารเมล็ดพันธุ์ เทพมารมารสวรรค์ เทพมารไร้สิ้นสุด เทพมารหนึ่งความคิด เทพมารสิบแปดตะวันจันทรา เทพมารมายา เทพมารเทวา เทพมารปราณวิญญาณ เทพมารกำเนิดทราย เทพมารอนิจจัง เทพมารดวงชะตา เทพมารปราบปฐม เทพมารเสี้ยวอณู เทพมารขุนพลนรก เทพมารชื่นชีวา เทพมารสยบกฎเกณฑ์ เทพมารมหาจักรพรรดิ เทพมารต้องสาป เทพมารพันธนาการ เทพมารปฐมปีศาจ เทพมารเทาเที่ย เทพมารมหาเวท เทพมารหมื่นสมบัติ เทพมารเท็จจริง เทพมารสี่ฤดู เทพมารคลุ้มคลั่ง เทพมารชั่วร้าย เทพมารเสียงพิณ เทพมารอมตะ เทพมารยืนยง เทพมารพิทักษ์ เทพมารกีดกัน เทพมารจักรวาล เทพมารโอฬาร เทพมารทะลุฟ้า เทพมารสัพพัญญู

รวมร่างจำลองเทพมารทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบสี่ตน!

หานเจวี๋ยเข้าใจเทพมารฟ้าบุพกาลของตนเป็นอย่างดี เขารู้สึกว่าต้นกำเนิดของสารพัดสรรพสิ่งอาจจะมาจากเทพมารฟ้าบุพกาล หรือไม่ก็รับสืบทอดมา

แม้ว่าเทพมารฟ้าบุพกาลจะเป็นตำนานเล่าขาน แต่ทุกสิ่งบนโลกยังคงแฝงเงาของพวกเขาเอาไว้

จากนั้น หานเจวี๋ยก็เข้าสู่แบบจำลองการทดสอบ

เขานำมาทดลองกับมารมรรคาสวรรค์ก่อน

ความเข้าใจที่เขามีต่อมหามรรคต้นกำเนิดลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกว่าสามารถผสานรวมกับร่างจำลองเสรีสุญญตาได้บ้างแล้ว ไม่จำเป็นต้องเรียกออกมาสู้เป็นโขยงอีก

หากหลอมรวมพลังของเทพมารทั้งหมด พิฆาตศัตรูได้ในกระบวนท่าเดียว เช่นนั้นก็ยิ่งดี!

หานเจวี๋ยอัญเชิญร่างจำลองเทพมารทั้งหนึ่งร้อยยี่สิบสี่ตนออกมาก่อน ทำลายล้างมารมรรคาสวรรค์ด้วยท่วงท่าทรงพลังเลิศล้ำ มารมรรคาสวรรค์สามารถต้านรับไว้ได้เพียงสิบลมหายใจ

จากนั้นหานเจวี๋ยก็เริ่มทดลองผสานพลังของเทพมารฟ้าบุพกาลทั้งหนึ่งร้อยยี่สิบสี่ตนเข้าด้วยกันในระหว่างการต่อสู้ กระบวนการนี้ยากลำบากยิ่ง เนื่องจากพลังระดับมหามรรคทรงฤทธิ์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ต่างไม่ยอมรับกันและกัน

ด้วยเหตุนี้ หานเจวี๋ยจึงหมกตัวอยู่แต่ในแบบจำลองการทดสอบ

หลังจากเคี่ยวกรำมารมรรคาสวรรค์อยู่ครึ่งปีเต็ม หานเจวี๋ยก็สามารถสังหารมารมรรคาสวรรค์ภายในเสี้ยววินาทีได้แล้ว

เขาเริ่มท้าสู้กับตี้จวิน

จากนั้น…ก็ถูกทุบตียับเยิน

เขาไม่ถอดใจ ท้าสู้ตี้จวินต่อไป

ท้าสู้อยู่หลายร้อยครั้ง จนสติหานเจวี๋ยแทบจะรวนไปหมดแล้ว

เขาจึงไปท้าสู้อีกคนแทน ปรมาจารย์ลัญจกรสรวง

คราวนี้สติรวนไปอย่างสมบูรณ์

สองคนนี้เก่งกาจเกินไปแล้วจริงๆ

หานเจวี๋ยเริ่มตั้งค่าแบบจำลองการทดสอบ ตั้งค่าท้าสู้ฉิวซีไหล เทพสูงสุดหนานจี๋ เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย อริยะจินอัน ฝูซีเทียน มหาจักรพรรดิเซียวและอริยะมิ่งจีพร้อมกัน

หนึ่งต่อแปด!

สุ่มเสี่ยงนัก!

ทว่ากลับสยบได้สบายๆ!

แปดอริยะร่วมมือกันโจมตีประสานกันอย่างดียิ่ง แต่จนปัญญาที่ร่างจำลองเทพมารของหานเจวี๋ยมีมากกว่า ไม่ถึงสิบลมหายใจ ทั้งหมดก็ถูกทำลายล้าง

ร่างจำลองเทพมารของหานเจวี๋ยตัดสะบั้นดวงชะตามรรคาสวรรค์ได้แล้ว!

นอกจากจำนวนที่เพิ่มขึ้นของร่างจำลองเทพมารแล้ว ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับตบะของเขาด้วย แม้จะเป็นเพียงการทะลวงระดับขั้นเล็กๆ ทว่าก็เกิดความเปลี่ยนแปลงราวฟ้ากับเหว

ในระดับอริยะ ระดับขั้นเล็กๆ ทุกขั้นเพียงพอจะชี้วัดความแข็งแกร่งได้!

หานเจวี๋ยผ่านการต่อสู้ในแบบจำลองการทดสอบเกือบร้อยครั้ง ในที่สุดก็พบวิธีสังหารแปดอริยะในเสี้ยววินาทีแล้ว

ยอดเยี่ยม!

ตอนนี้ ในที่สุดหานเจวี๋ยก็มองเหยียดหยามเหล่าอริยชนได้แล้ว

หากวันหน้าอริยะหน้าไหนกล้าพูดจาเสียงดัง ทำสีหน้าเย็นชาใส่เขา เช่นนั้นคือรนหาที่!

หานเจวี๋ยอารมณ์ดี

เขาตัดสินใจจะออกไปรับลมสักหน่อย

ตอนนี้ภายในมรรคาสวรรค์ เขาไร้พ่ายแล้ว สามารถดื่มด่ำผ่อนคลายได้เล็กน้อย

หานเจวี๋ยตัดสินใจจะไปเยี่ยมลูกชายตัวเองสักหน่อย

แรงกุศลมรรคาสวรรค์ที่เก็บซ่อนไว้ในโลกอนธการ ขอเพียงนำมาห่อหุ้มตัวไว้ก็สามารถสกัดขวางการต่อต้านจากมรรคาสวรรค์ได้ แน่นอน หากว่าเขาสำแดงพลังในระดับอริยะออกมา มรรคาสวรรค์ก็ยังสามารถขับไล่เขาออกไปได้อยู่ดี

ส่วนอริยะมรรคาสวรรค์รายอื่นต่อให้มีแรงกุศลมรรคาสวรรค์ก็ไม่อาจทำเช่นนี้ได้ เนื่องจากตัวพวกเขายังคงต้องพึ่งพาดวงชะตามรรคาสวรรค์อยู่ หากฝ่าฝืนเข้าสู่แดนเซียน จะเผชิญกับการต่อต้านจากทั้งด้านนอกและภายในมรรคาสวรรค์ ทรมานยิ่งขึ้นไปอีก

….

แดนทักษิณพิสุทธิ์ ณ เผ่ามนุษย์ เมืองฤทัยมาส

หานทั่วกำลังชมการต่อสู้อยู่ด้านล่างเวทีประลองแห่งหนึ่ง

เมืองฤทัยมาสมีอาณาเขตหลายพันลี้ นับว่าเป็นหนึ่งในหัวเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเผ่ามนุษย์ มีบรรยากาศของการฝึกบำเพ็ญเข้มข้นยิ่ง มีเวทีประลองเช่นนี้อยู่มากกว่าหนึ่งแห่ง

ผู้บำเพ็ญทั้งสองคนที่อยู่บนเวทีประลองต่างมีตบะระดับเซียนพิภพไท่อี่ ถึงแม้จะลงผนึกปิดกั้นพลังเวทของพวกเขาไว้ แต่ประชาชนและผู้บำเพ็ญที่รับชมอยู่ก็ยังร้องอุทานออกมาไม่ขาดสาย

“การประลองของพวกเขายังน่าสนใจสำหรับผู้มีตบะระดับเจ้าอยู่หรือ”

เสียงหนึ่งพลันแว่วขึ้นข้างกาย หานทั่วหันไปมอง เห็นสมณะที่อัปลักษณ์ยิ่งนักรูปหนึ่งแย้มยิ้มมองเขาอยู่

เป็นหานเจวี๋ยนั่นเอง เขาหยิบยืมหน้าตาของสวินฉางอันในสมัยที่ยังอัปลักษณ์อยู่มาพบบุตรชาย

หานทั่วเลิกคิ้วเอ่ยถาม “ท่านคือผู้ใด”

เขาเพิ่งพิสูจน์จักรพรรดิเซียนได้ไม่นาน ทั่วเมืองฤทัยมาสไม่มีตัวตนใดที่เทียบชั้นกับเขาได้ แต่เขากลับมองตบะของสมณะอัปลักษณ์ที่อยู่ตรงหน้าไม่ออก

หานมิ่งเคยบอกเขาไว้ ต้องระวังผู้บำเพ็ญพุทธเป็นพิเศษ

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าเห็นว่าดวงชะตาเจ้าไม่ธรรมดา จึงอยากทำความรู้จักเจ้า ข้าพเจ้าคือวั่วหลง ผู้คนเรียกขานว่าเฟิ่งฉู เจ้าจะเรียกข้าว่าวั่วหลงเฟิ่งฉูก็ได้ แล้วเจ้าล่ะสหายน้อย”

วั่วหลงเฟิ่งฉูหรือ

หานทั่วขมวดคิ้ว ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย

อย่างไรก็ตามในเมื่ออีกฝ่ายไม่มีเจตนาร้าย เขาก็ไม่จำเป็นต้องหักหน้าผู้อื่น

“ข้าพเจ้าคือหานทั่ว”

“สหายน้อยมีตบะระดับนี้อยู่สังกัดสำนักใดเล่า”

“ไร้สังกัดไร้สำนัก เป็นเพียงเศษธุลีในแดนเซียน”

“โอ้ ต้องการให้ข้าแนะนำเจ้าเข้าร่วมกลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่สักแห่งหรือไม่”

“ใหญ่แค่ไหน”

“เจ้าอยากได้ใหญ่แค่ไหนเล่า”

“เจ้าเคยได้ยินนามหลี่เต้าคงหรือไม่”

หานเจวี๋ยกะพริบตาปริบๆ พลางตอบ “รู้สิ เจ้าอยากเข้านิกายเหรินหรือ”

หานทั่วส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “ข้าอยากเข้าร่วมสำนักซ่อนเร้น กราบอริยะสวรรค์เกรียงไกรเปี่ยมกุศลเป็นอาจารย์ หรือจะเป็นปรมาจารย์ท่านอื่นก็ได้ทั้งสิ้น แต่น่าเสียดาย ตบะข้าอ่อนด้อยเกินไป ได้ยินว่าในสำนักซ่อนเร้นมีจักรพรรดิเซียนอยู่นับไม่ถ้วน”

สตรีนางหนึ่งที่อยู่ด้านข้างมองพวกหานเจวี๋ยสองพ่อลูกด้วยความแปลกใจ

ช่างคุยโม้กันเหลือเกิน!

พูดถึงจักรพรรดิเซียนอยู่ไม่ขาดปาก

ซ้ำยังลามไปถึงอริยะสวรรค์เกรียงไกรเปี่ยมกุศลอีก

ดวงตาของนางฉายแววเหยียดหยามดูแคลน

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “สำนักซ่อนเร้นยากเกินไป ข้าจัดการให้ไม่ได้จริงๆ เอาเผ่าสวรรค์เป็นอย่างไร”

หานทั่วรู้สึกประหลาดใจ สมณะอัปลักษณ์รูปนี้มีลู่ทางจริงๆ น่ะหรือ

ทว่าเขากลับส่ายหน้า ตอบว่า “เผ่าสวรรค์ต้องเป็นเทพเซียน ข้าไม่อยากเข้าร่วม”

หานเจวี๋ยนึกสนใจขึ้นมาแล้ว ลูกคนนี้ชิงชังเทพเซียนมากหรือ

ขณะที่เขากำลังจะซักถามต่อ พลันมีข้อความแถวหนึ่งเด้งขึ้นมาตรงหน้าเขา

[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

หานเจวี๋ยตะลึงงัน

ไม่เห็นแจ้งเตือนประเภทนี้มานานยิ่งนัก นับตั้งแต่พิสูจน์มรรคสำเร็จ ต่อให้เป็นอริยะกลับชาติมาเกิด ก็ยังไม่แน่ว่าจะเข้าตาระบบ

เขาเลือกตรวจสอบทันที

[เจี่ยอวี้: ระดับเซียนทองไท่อี่ระยะต้น หนึ่งในร่างแยกของอวี้ผูถี นักพรตเต๋าผู้หลุดพ้น]

………………………………………………………………