บทที่ 545 ทั้งที่คาดหวัง

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 545 ทั้งที่คาดหวัง

บทที่ 545 ทั้งที่คาดหวัง

ตอนแรกเขาก็ไม่คิดจะโทษเธอหรอก แต่ไม่รู้ทำไมถึงพูดออกไปแบบนั้น

เขาเองก็รู้ว่าอวี๋เหนียงอึดอัดใจ

แต่ทุกคนต่างก็โหวกเหวกเสียงดังกันทั้งวัน จึงพลอยทำให้เขาโมโหไปด้วย

สุดท้ายอวี๋เหนียงก็หนีออกจากบ้านไปโดยไม่ทันได้คาดคิด

แรกเริ่มเดิมทีไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไรนัก แต่กลายเป็นว่าเจ้าตัวจะไม่กลับและเราก็ไม่ได้พบกันอีก

อวี๋เหนียงไม่อยู่แล้ว แต่ลูกชายกับผู้หญิงคนนั้นกลับยังหน้าตาชื่นมื่น สุดท้ายก็เฉดหัวทุกคนออกไปจนหมดด้วยความโมโห แล้วเดินตามหาเธออยู่ข้างทาง

หลายเดือนผ่านไปไม่มีข่าวคราวเลย

เขายังคิดอยู่เลยว่าอีกฝ่ายจะไปอยู่เมืองหลวงหรือเปล่า แต่ก็คิดว่าคงไม่เป็นเช่นนั้น

อวี๋เหนียงเป็นคนขี้กลัว เธอจะกล้าไปเมืองหลวงคนเดียวได้ยังไง?

“คุณไม่ได้ตั้งใจตำหนิอวี๋เหนียง งั้นทำแบบนั้นไปทำไม? ฉันจะบอกอะไรให้นะถานจื่อสือ ฉันจะไม่ปล่อยให้คุณรังแกเธอเด็ดขาด!”

พอเห็นสีหน้าอีกฝ่ายแปรปรวน คุณย่าซูทวีคูณความโกรธกว่าเดิม

แต่ถานจื่อสือที่ได้ยินเช่นนั้นกลับสบายใจขึ้น

เพราะหญิงชราพูดแบบนี้ก็เพื่อปกป้องภรรยาของเขา ถ้าคุณย่าซูทำถึงขนาดนี้แสดงว่าคงดูแลอวี๋เหนียงอย่างดีแน่นอน

“คุณได้พบกับอวี๋เหนียงไหม? บอกได้ไหมว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหนน่ะ?”

ถานจื่อสือร้อนรน จนพุ่งเข้าไปหา

พวกหลาน ๆ ที่ยืนอยู่นอกห้องหลักเห็นชายชราเคลื่อนไหวก็รีบเข้าไปปกป้องย่าทันที

“คุณถาน คุณจะทำอะไรครับ” โส่วเวินเอ่ยเสียงเย็น

ชายชราได้แต่ตกใจ เขาจะไปทำอะไรล่ะ? ก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรอยู่แล้ว

แค่อยากรู้ว่าภรรยาอยู่ที่ไหนก็เท่านั้นเอง แต่เด็กพวกนี้ทำให้เขาพูดไม่ออก

“ถานจื่อสือ ฉันรู้ที่อยู่ของอวี๋เหนียงอยู่แล้ว แต่ฉันจะไม่บอกคุณว่าเธออยู่ที่ไหน จนกว่าคุณจะจัดการปัญหาที่บ้านให้เสร็จ!”

คุณย่าซูพูดด้วยใบหน้าเย็นชา

ทำมาเป็นใส่ใจอะไรตอนนี้ล่ะ?

ถ้ารู้สึกจริง ๆ ก็ควรทำมาตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ?

จะยอมให้พวกเมียน้อยมารังแกภรรยาตัวเองได้หรือไง?

“จัดการเสร็จแล้ว ฉันเฉดหัวออกจากบ้านแล้ว ลงข่าวในหนังสือพิมพ์ตัดความสัมพันธ์แล้วด้วย” ถานจื่อสือรีบอธิบาย

คุณย่าซูตกใจมาก

ถึงกับลงหนังสือพิมพ์เป็นพิเศษ เพื่อตัดความสัมพันธ์

แล้วลูกกับเมียน้อยเต็มใจหรือไง?

คุณย่าซูรู้ว่าถานจื่อสือยังมีของดีติดตัวอยู่ กลัวก็แต่ไอ้พวกนั้นมันจะมารวมตัวมาหาอีกรอบน่ะสิ

ไม่รู้ถานจื่อสือเผยออกไปให้รู้หรือยัง

“พวกเขายินดีที่จะไปและยินดีที่จะตัดความสัมพันธ์ด้วยใช่ไหมคะ? ถ้าลงทุนลงข่าว ต่อให้ในภายภาคหน้าพวกเขาเจอเรื่องอะไรมา คุณก็จะใจแข็งไม่ยอมช่วยด้วยใช่ไหมคะ?” เสี่ยวเถียนเอ่ยเสียงอ่อนโยน

คำพูดของเธอทำให้ชายชราตะลึงงัน

เขารู้ว่าการไล่คนพวกนั้นออกไป ทั้งยังลงข่าวให้เห็นถือว่าเป็นการแสดงความคิดที่ชัดเจนแล้ว แต่สิ่งที่เด็กคนนี้พูดดูเหมือนจะทำให้มันยังเชื่อไม่ค่อยได้เท่าไร

แต่เพราะรู้จักลูกชายและผู้หญิงคนนั้นดี และคนพวกนั้นคิดจะทำอะไรเขาเองก็รู้

ก็จริง พวกเขาจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายแน่ ๆ งั้นควรทำยังไงล่ะ?

“คุณย่าหลีมีนิสัยยังไงคุณรู้ดีกว่าหนูค่ะ และเธอก็เคยสู้กับคนโหดเหี้ยมพวกนั้นด้วยใช่ไหมคะ?” เสี่ยวเถียนมองออกว่าถานจื่อสืออยากมีชีวิตที่ดีกับหลีอวี๋เหนียง จึงพูดจาทิ่มแทงอีกสักหน่อย

คำว่าคนโหดเหี้ยมพวกนั้นคุณย่าซูถูกใจมาก ส่วนถานจื่อสือยังนิ่งเงียบ

ก็จริง อวี๋เหนียงเป็นคนอ่อนแอมาก จะไปชนะคนพวกนั้นได้ยังไง?

แล้วถ้าในอนาคตเขาหนีเธอไปก่อน แล้วทิ้งไว้อยู่เพียงลำพัง จะไม่โดนคนพวกนั้นรังแกเอาหรือ?

คนพวกนั้นเป็นอันตรายต่ออวี๋เหนียง

วิธีที่ดีที่สุดคือปล่อยให้ภรรยาหนีไปให้ไกล และคงจะดีกว่าถ้าหาเธอไม่เจอเลยไปตลอดชีวิต

พอนึกแบบนี้ถานจื่อสือก็รู้สึกว่ามันคงดีกว่า หากอวี๋เหนียงจะอยู่กับบ้านซูต่อไป

งั้นตัวเขาล่ะ? จะเดินไปทางไหนต่อ?

ชายชราเงียบ มีเพียงเด็กสาวที่ถามอีกครั้ง “จะไม่เข้าไปยุ่งจริง ๆ ใช่ไหมคะ?”

“ใช่ ฉันจะไม่เข้าไปยุ่ง!” เขาขบฟันแน่น “ฉันให้พวกเขาไปหมดทุกอย่างตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ไม่มีหนี้ค้างต่อกันแล้วล่ะ”

ชีวิตนี้เขาไม่มีอะไรติดค้างกับแม่ลูกพวกนั้นอีกแล้ว มีแค่หนี้ที่มีต่อหลีอวี๋เหนียงเท่านั้น

ในตอนที่เขาย่ำแย่ที่สุด ก็โดนแม่ลูกพวกนั้นทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุดและถ้าหากพวกเขาไม่ร่วมมือกัน ชีวิตคงไม่ลำบากขนาดนี้หรอก

แต่เขากลับสับสน แล้วถ้ามันเกิดขึ้นอีกครั้งจริง ๆ จะใจอ่อนไหม?

ถานจื่อสือคิดว่าเป็นสิ่งที่ต้องคิดอีกนาน

ชายชราเดินจากไป ร่างกายโซซัดโซเซ…

คุณย่าซูมองแผ่นหลังของเขาที่เดินออกไปจากลานบ้าน ทั้งที่คาดไว้แท้ ๆ กลับไปคนต้องหาให้คนช่วยออกใบรับรองการเดินทางให้อวี๋เหนียงแล้วแหละ

เสี่ยวเถียนกลับคิดว่าเรื่องราวมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่พวกเราคิดก็ได้ บางทีถานจื่อสืออาจคิดทางเลือกที่ดีที่สุดออกแล้วก็ได้

หลังจากชายชราจากไป ซูฉางจิ่วก็มาหา การที่เขามาหาในเช้าวันที่สองของวันปีใหม่แบบนี้ แม้แต่คุณปูซูยังประหลาดใจ

เพราะเมื่อวานเขาก็มาอวยพรปีใหม่ให้แล้วไงล่ะ

“ฉางจิ่วเอ้ย วันนี้ไม่ไปบ้านพ่อตาเหรอ?”

ฉางจิ่วหยิบกล้องยาสูบขึ้นมาแล้วเติมยาเส้น แต่ไม่ได้จุดไฟ

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” ชายชราถาม

“วันนี้ผมถามมาลุงหน่อยครับ ลุงได้ยินข่าวในเมืองหลวงบ้างไหม?” เขาลังเลแต่สุดท้ายก็ถามออกไปอยู่ดี

“ข่าวอะไรหรือ?” อีกฝ่ายผงะ

หัวหน้าซูลดเสียงลง “ได้ยินคนเขาบอกว่าหมดปีใหม่เมื่อไร จะมีการทำนโยบายเหมารวมสมบัติภายในครัวเรือนอะไรเนี่ยแหละ ลุงเคยได้ยินมาบ้างไหม?”

เสี่ยวเถียนที่กำลังอ่านหนังสือข้าง ๆ หูผึ่งทันที

เด็กสาวเงยหน้ามอง

ไม่คิดเลยว่าหัวหน้าจะเป็นคนไหวพริบดีขนาดนี้

แต่เขาไปได้ยินข่าวมาจากไหนน่ะ?

จากที่คอยตามระยะการพัฒนาของประเทศ ข่าวคราวนี้ยังไม่ควรจะแพร่ออกมาตอนนี้สิ แถมยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการจนกว่าจะถึงเดือนกุมภาพันธ์มีนาคมด้วย

และจะต้องใช้เวลาประมาณปีกว่าถึงจะเริ่มทำได้

ในฐานะที่เธอเป็นคนกลับชาติมาเกิดใหม่และรู้เรื่องนี้ทั้งหมด ไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้เลย

“ลุงฉางจิ่ว ตอนอยู่ในเมืองหลวงเราไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลยค่ะ”

เห็นสีหน้างุนงงของปู่มันก็ชัดแล้ว เธอจึงรีบตอบแทน

แต่หัวหน้ากลับผิดหวังที่เสี่ยวเถียนบอกว่าไม่รู้ข่าวเลย

และข่าวที่ฝั่งเราได้ยินมาก็น้อยเสียเหลือเกิน เลยอยากรู้ว่าบ้านซูรู้อะไรบ้างไหมตอนอยู่ที่นั่น

แต่ไม่คิดเลยว่าแม้แต่พวกเขาเองก็ยังไม่รู้

“แต่ว่าลุงฉางจิ่ว ตอนนี้ประเทศเราก็ไม่ได้คัคค้านเรื่องที่คนจะทำธุรกิจแล้วนะคะ อันที่จริงการที่เราทำธุรกิจเล็ก ๆ ก็เป็นเรื่องที่ดีค่ะ”

หลังจากเอ่ยออกไป ซูฉางจิ่กระตือรือร้นขึ้นมาทันที

“เสี่ยวเถียน หมายความว่ายังไงหรือ?”

“ก็ของบางอย่างเราสามารถหาวิธีที่จะซื้อมาและเอามาขายต่อได้ค่ะ” เธอก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี