บทที่ 544 อวี๋เหนียงเข้าใจผิด

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 544 อวี๋เหนียงเข้าใจผิด

บทที่ 544 อวี๋เหนียงเข้าใจผิด

ตาเหลียงยายเหลียงตะลึงงัน เงินก็ไม่ได้ แถมยังโดนลูกสาวขออาหารกลับอีก เคยได้ยินว่าในเมืองต้องใช้เงินซื้ออาหารเท่านั้น บ้านเราคงไม่ได้กินข้าวมื้อนี้เป็นมื้อสุดท้ายแล้วใช่ไหม?

ยิ่งมองไปยังคนทั้งสามที่ใส่เสื้อผ้าที่ถูกซักถามจนซีด โดยเฉพาะตัวที่ลูกสาวเธอใส่อยู่เต็มไปด้วยรอยปะชุน หรือสิ่งที่คนข้างนอกนั่นพูดจะโกหก?

ลูกสาวกับลูกเขยไม่ได้อยู่อย่างสุขสบาย?

พอนึกถึงความเป็นไปได้นี้ ยายเหลียงก็กลัวจะโดนหางเลขไปด้วย พลันรีบเปลี่ยนสีหน้าอย่างเร็ว

แกถุยน้ำลายหนึ่งที “หน้าด้านจริง ๆ กล้าพูดแบบนี้ได้ยังไง? พ่อแม่แกจะเดินไม่ไหวอยู่แล้วยังจะให้ช่วยอีกหรือ? ถุ้ย ลูกสาวที่แต่งงานไปแล้วเหมือนน้ำที่กระฉอกออกมาจริง ๆ ฉันมีเงินมีอาหารก็จริงแต่ไม่คิดว่าฉันก็ต้องให้หลานฉันกินบ้างหรือไง?”

เสี่ยวเถียนเข้าใจสิ่งที่แม่ทำอยู่ จึงช่วยแสดงละครอีกแรง

“คุณตา คุณยาย ใคร ๆ ก็บอกว่าชีวิตพวกท่านสุขสบายนี่คะ จะแบ่งอาหารให้เราหน่อยไม่ได้หรือ? รอหนูกับพี่ ๆ โตเมื่อไรจะต้องกลับมาตอบแทนแน่นอนค่ะ”

ยายเหลียงหมดความอดทนจนต้องตะเพิดทั้งสามออกมา

ด้านนอกบ้านมีคนยืนมุงเต็มไปหมด หญิงสาวสี่ห้าคนที่ไม่รู้ว่าทำไมยังไม่กลับไปหาพ่อแม่ตัวเองที่บ้านสักที กลับมีเวลายืนดูความสนุกสนานอยู่หน้าประตูบ้านเหลียง

“อั้ยหยา นี่เหลียงซิ่วไม่ใช่หรือ? ได้ยินว่าบ้านเธอไปใช้ชีวิตอย่างผาสุกที่นั่นนี่?”

ผู้หญิงคนหนึ่งก้าวออกมา แล้วสำรวจเสื้อผ้าที่คนทั้งสามใส่ด้วยความสงสัย เหลียงซิ่วถอนหายใจ ไม่พูดอะไรสักคำ และบอกแค่ว่าจะกลับบ้านเท่านั้น

พอเห็นอีกฝ่ายไม่คิดจะพูด ผู้หญิงพวกนั้นก็ไม่ตอแยอีก

คราวนี้เราทั้งสามคนเดินกลับด้วยความรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นานก็เดินออกหมู่บ้าน

ยายเหลียงตาเหลียงมองของที่ลูกเอามาให้ ไม่ได้พอใจเลยสักนิด

“ตาแก่ แกว่านังเด็กนั่นมันหลอกเราหรือเปล่า?” ยายเหลียงถาม

“ไม่รู้สิ ยัยเด็กนั่นก็ใจดำอยู่แล้ว แต่งงานมาตั้งหลายปี ไม่คิดจะช่วยเหลืออะไรเราบ้าง”

เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ และหมาป่าตาขาวที่ว่ากำลังเดินกลับบ้าน

“กลับบ้านไปกินข้าว!” เหล่าซานเอ่ยอย่างร่าเริง

ถ้ากินข้าวที่บ้านภรรยาไม่ได้ เราต้องทำยังไงล่ะ? ก็กลับมากินที่บ้านสิ ไม่ขาดแคลนเสียหน่อย!

ตอนนี้เหลียงซิ่วปวดใจกับพ่อแม่ตัวเองเหลือเกิน แต่ตอนที่ออกมาดูเหมือนจะไม่ได้เสียใจขนาดนั้น ความสัมพันธ์อันน้อยนิดก็เป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว โชคดีที่บ้านสามีดีกับเธอมาก

ผู้เป็นภรรยาจึงเออออตามสามีไปด้วย “แม่บอกวันนี้เราจะกินเนื้อกวางตุ๋น”

“ถ้างั้นก็ต้องรีบกลับแล้ว รวม ๆ คงไม่มากเท่าไรเพราะต้องแบ่งให้ลุงต่งด้วย แล้วก็ให้พวกน้องใหญ่น้องเขยเอากลับไป เราคงกินได้แค่มื้อเดียวแหละ!”

“ดูคุณซิ ปากหวานเหมือนเคย แม่บอกว่าเราจะกินกันตอนเย็นน่ะ ได้กินกันทุกคน”

“…” เสี่ยวเถียน

คือพ่อแม่กำลังอวดกันอยู่หรือ?

ตอนมาถึง เสี่ยวเถียนเดินเข้ามาพร้อมกับตะโกนลั่น “ปู่จ๋า ย่าจ๋า กลับมาแล้วจ้า!”

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ย่าจะออกมาถามนู่นถามนี่แน่ ๆ หรือมีแขกมาหา?

ปฏิกิริยาแรกของเสี่ยวเถียนคือ ปู่รองย่ารองมาหรือเปล่า?

เพราะในกองชุมชนเรา หลิวซิ่วอิงคือคนที่มีปัญหากับย่ามากที่สุด

ในเมื่อมีแขกไม่ได้รับเชิญมา บรรยากาศจะเงียบกริบมาก

เด็กสาวรีบก้าวไปในห้องหลักอย่างรวดเร็ว เพื่อดูสถานการณ์ในห้องหลักมีถานจื่อสือแขกที่ไม่ได้รับเชิญกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างงุ่มง่าม คุณปู่คุณย่าซูนั่งตรงข้ามกับเขา สีหน้าคนทั้งสามไม่ดีเลยสักนิด โดยเฉพาะคุณย่าซูที่กำลังโกรธจัด

เสี่ยวเถียนเข้าใจดี เพราะย่าคิดว่าชายตรงหน้าคือคนที่เกิดมาไม่รู้จักดีชั่ว! ใช่ ไม่ใช่แค่ย่านะ แม้แต่เธอยังคิดว่าถานจื่อสือทำเกินไป เธอยังจำครั้งแรกที่พบกับสองคนนั้นได้อยู่เลย

เขาเสียผู้หญิงดี ๆ อย่างหลีอวี๋เหนียงไปครั้งแล้วครั้งเล่า แม้จะไม่เคยเจอเมียน้อยอีกฝ่าย แต่ก็ไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นมันมีดีอะไรนักหนา

แต่สิ่งหนึ่งที่รู้คือเสี่ยวเถียนคิดไม่ผิด

ถ้าฝ่ายนั้นจริง ก็ควรอยู่กับเขาในยามลำบากสิ! แต่กลับทิ้งไปในวันนี้เขาลำบากที่สุดแทน

“อย่ามาเสียเวลาอยู่ที่บ้านฉันเลย ชนบทห่างไกลแบบนี้ไม่ใช่ตัวเมืองที่คุณจะมาเหยียบได้หรอกนะ!” คุณย่าซูกระแหนะกระแหน

“อย่ามาล้อฉันเล่นเลยนะ นั่นมันเรื่องเมื่อก่อน! มันจบไปนานแล้ว!” แต่อีกฝ่ายกลับมีสีหน้าเศร้าสร้อย

“ผ่านไปแล้วหรือ? ถ้าผ่านไปแล้วทำไมถึงไม่แบ่งแยกไอ้พวกเมียน้อยให้มันชัดเจน?” หญิงชรายิ้มเยาะ

ความลำบากใจแผ่ไปทั่วใบหน้าถานจื่อสือ เขาไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ แต่ไม่รู้ทำไมถึงกลายมาเป็นแบบนี้เสียได้

“ช่วยบอกที่อยู่ของหลีอวี๋เหนียงฉันทีนะ”

คุณย่าซูมองอีกฝ่ายอย่างละเอียด

ไม่รู้ว่าจุดประสงค์คืออะไร แต่ถ้ามันทำให้หลีอวี๋เหนียงเสียใจต่อสู้อย่าบอกเลยดีกว่า

“ทำไมคุณยังตามหาเธออยู่อีกล่ะ? เธอยอมถอยไปแล้วนะ คุณก็อยู่กับเมียน้อยอย่างผาสุกแล้วไง! อีกอย่างตอนนี้นโยบายของประเทศก็เริ่มดีขึ้นแล้ว ไม่มีคนมาแย่งข้าวของถึงบ้านแล้วล่ะ”

ถานจื่อสือได้ยินเช่นนั้นไหนเลยจะไม่รู้ว่าคนตรงหน้ารู้ที่อยู่ภรรยาตน

“ช่วยบอกฉันทีเถอะ ฉันตามหาหลีอวี๋เหนียงมาหลายเดือนแล้ว เฟ้นหาไปทั่วทุกทีแต่ไม่พบเธอเลย”

หลีอวี๋เหนียงมีญาติพี่น้องน้อยมาก เขาตามหาเธอจนหัวหมุนและเหมือนคนที่รู้จักกับเธอจะไม่รู้อะไรเลย เพื่อตามหาภรรยา เขาทั้งค้นหาทั้งในเมืองทั้งหมู่บ้านรอบนอก แต่ไม่มีข่าวคราวเลยสักนิด!

และตระกูลซูคือความหวังสุดท้าย

สาเหตุที่เขามาถึงนี้เพราะได้ยินมาว่าสะใภ้รองตระกูลนี้เคยไปที่สำนักงานแขวง เพื่อออกใบรับรองการเดินทางให้ภรรยา

แต่ที่นั่นบอกว่าเพราะมันไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบ จึงไม่ออกให้

ตอนนั้นเองถึงได้รู้ว่าตระกูลซูต้องรู้ที่อยู่เธอแน่ ๆ

จึงเดินถามมาสอบถาม

“ถานจื่อสือ ฉันปฏิบัติต่ออวี๋เหนียงเหมือนน้องสาวแท้ ๆ ตอนที่ฉันไป คุณบอกจะดูแลเธออย่างดี เพิ่งจะผ่านมาไม่เท่าไรก็เสียเธอไปแล้ว!”

พอนึกถึงภาพอวี๋เหนียงร้องไห้อย่างหนักตอนมาถึงเมืองหลวง หญิงชราระงับความโกรธในใจไว้ไม่ได้เลย

ถานจื่อสือได้แต่ก้มหน้า ไม่กล้าเงยหน้าเลย

แต่คุณย่าซูคือความหวังเดียวของเขา

“นอกจากคุณ อวี๋เหนียงก็ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนแล้วครับ!”

“คุณก็รู้นี่ว่าอวี๋เหนียงไม่มีน่ะ? เธอมีชีวิตอยู่เพื่อคุณมาตลอด แล้วคุณล่ะ ปฏิบัติต่อเธอยังไง?”

ตอนแรกไม่ได้พูดก็ไม่เท่าไร แต่พอได้เอ่ยปากกลับโกรธมาก ๆ ฉันไม่รู้ว่าอวี๋เหนียงเป็นหนี้ผู้ชายคนนี้เท่าไร อยู่มาครึ่งค่อนชีวิตยังไม่รู้อีก

“คือ…ฉัน อวี๋เหนียงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้จะตำหนิเธอเลย!” ถานจื่อสือเอ่ยอย่างเชื่องช้า