ตอนที่ 536 แผนการ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 536 แผนการ

ต่งถิงอวิ๋นนั่งลงอย่างนอบน้อม จากนั้นกล่าวขึ้น “อี๋เหนียงของข้าบังเอิญได้ยินพี่ชายของหลัวอี๋เหนียงกล่าวกับหลัวอี๋เหนียงว่าสาวใช้ข้างกายของพี่หญิงสนใจในตัวเขา ดูเหมือนเขาต้องการให้หลัวอีเหนียงขอร้องให้ท่านพ่อของข้ามาคุยกับพี่หญิงใหญ่ให้ยกชุนเถาให้เป็นอนุของพี่ชายหลัวอี๋เหนียงเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนหรี่ตามองไปทางต่งถิงอวิ๋น ดวงตาล้ำลึกดำขลับสงบราบเรียบ ทว่า มีแรงกดดันบางอย่างที่ทำให้ต่งถิงอวิ๋นรู้สึกอึดอัด

ต่งถิงอวิ๋นนั่งกำผ้าเช็ดหน้าในมืออย่างประหม่า “อี๋เหนียงของข้าให้ข้ามาเตือนพี่หญิงว่าพี่ชายของหลัวอี๋เหนียงไม่ใช่คนดี เขาหมกตัวอยู่แต่ในหอนางโลม ทั้งยังติดการพนันอย่างหนัก อี๋เหนียงบังเอิญได้ยินเรื่องที่พวกเขาคุยกัน ทว่า นางไม่เป็นที่โปรดปรานจึงไม่กล้าแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป อีกทั้งกลัวว่าจะเป็นทำลายชื่อเสียงของสาวใช้ผู้นั้น กลัวว่าพี่หญิงและท่านพ่อจะบาดหมาดกันจึงให้ข้ามาเรียนให้พี่หญิงทราบไว้เจ้าค่ะ”

“ท่านน้าชายไม่ใช่คนเลอะเลือนเช่นนั้น เจ้ากังวลมากไปแล้ว”

ต่งถิงอวิ๋นที่ก้มหน้าอยู่ได้ยินคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวกลัวว่าไป๋ชิงเหยียนจะไม่เชื่อถ้อยคำของนางจึงรีบเงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่หญิง ที่ข้ามาบอกกับพี่หญิงในวันนี้ ข้าไม่ได้มีเจตนาจะยุแยงหรือยืมมือพี่หญิงทำสิ่งใดนะเจ้าคะ! ข้ารู้ดีว่าท่านพ่อคงไม่ตกลง ทว่า หากหลัวอี๋เหนียงใช้แผนการสกปรกต่ำช้าเล่าเจ้าคะ! พี่หญิงควรเตรียมป้องกันไว้ก่อนนะเจ้าคะ!”

ต่งถิงอวิ๋นกัดฟันแน่น “ข้าเป็นเพียงบุตรอนุ บุตรอนุต้อยต่ำกว่าบุตรภรรยาเอก หากไม่ได้เกิดมาจากท้องของภรรยาเอก ต่อให้เกิดจากบิดาคนเดียวกัน ผู้อื่นก็ไม่เห็นค่าของบุตรอนุอยู่ดี ภายภาคหน้าบุตรอนุต้องแต่งงานไปเป็นอนุของผู้อื่นหรือไม่ก็ทำทุกอย่างเพื่อปูทางให้บุตรของภรรยาเอก บุตรอนุเป็นเสี้ยนหนามตำใจของภรรยาเอก นอกจากการขายออกไปแล้ว ภรรยาเอกจะทำสิ่งใดกับบุตรอนุก็ได้ ข้าโชคดีได้เกิดมาในตระกูลต่ง ท่านแม่มีเมตตา ท่านย่าสงสารที่อี๋เหนียงของข้าเป็นเพียงสตรีอ่อนแอจึงรับข้ามาเลี้ยงดูข้างกาย ข้ารู้สึกขอบคุณท่านย่าและท่านแม่มากจริงๆ เจ้าค่ะ! ข้าไม่อยากให้ท่านย่า ท่านพ่อและท่านแม่ต้องเสียใจเพราะสตรีที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงอย่างหลัวอี๋เหนียง วันนี้ข้าจึงมาบอกเรื่องนี้กับพี่หญิง พี่หญิงอย่าโทษว่าข้ายุ่งมากเรื่องเลยนะเจ้าคะ”

ต่งถิงอวิ๋นไม่เคยลืมฐานะของตัวเอง แม้นางจะถูกอบรมเลี้ยงดูข้างกายของต่งเหล่าไท่จวิน แม้นางจะดูร่าเริงกว่าน้องสาว ต่งถิงจือ ทว่า นางยังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในชาติกำเนิดของตัวเองอยู่เสมอ

ย้อนกลับไปที่รุ่นของท่านปู่ทวด บุตรสาวอนุของท่านปู่ทวดเคยอาละวาดอย่างหนักจนเกือบทำให้ท่านย่าของนางและเด็กในครรภ์อีกสองคนต้องจบชีวิตลง ตอนนั้นท่านย่าของนางตั้งครรภ์ได้หกเดือนกว่า บุตรฝาแฝดที่คลอดออกมาเสียชีวิตทั้งคู่ ร่างกายของท่านย่าได้รับผลกระทบจนไม่อาจมีบุตรได้อีก

ตอนที่ท่านปู่ของนางมีชีวิตอยู่ เมื่อต่งถิงฟางบุตรอนุของท่านลุงใหญ่ของนางคลอดออกมา ท่านปู่ไม่สั่งให้คนรายงานเรื่องน่ายินดีเช่นนี้ กล่าวว่าหากเด็กครบหนึ่งเดือนให้ส่งไปเลี้ยงดูที่วัดชิงอัน ทว่า ท่านย่าห้ามปรามเอาไว้ กล่าวว่าอย่างไรก็เป็นสายเลือดของตัวเอง

ต่อมา เมื่อบุตรอนุทุกคนของตระกูลต่งคลอดออกมาจะไม่มีการรายงานเรื่องน่ายินดีกลายเป็นกฎเหล็กของตระกูล นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ตระกูลฝั่งมารดาของชุยซื่ออยากให้เสี่ยวชุยซื่อแต่งเข้าตระกูลต่ง

นางจำได้ดีว่าครั้นเป็นเด็ก ยามที่ท่านป้าส่งของขวัญปีใหม่กลับมาที่เติงโจว บุตรอนุอย่างพวกนางไม่ได้รับส่วนแบ่งจากของเหล่านั้นแม้แต่น้อย นางเคยเสียใจกับเรื่องนี้อยู่นาน ต่อมาอี๋เหนียงกล่าวว่าท่านป้าไม่ได้กลับมาเติงโจวนานแล้วจึงไม่รู้ว่ามีหลานสาวอย่างนางอยู่บนโลกใบนี้

“พี่ไม่เคยสงสัยในความกตัญญูของเจ้า พี่ได้ยินหวังหมัวมัวเล่าให้ฟังว่าเพราะมีเจ้าคอยดูแลอยู่ข้างกาย เป็นเพื่อนคลายเหงาให้ท่านยาย ท่านยายจึงยังสดใสร่าเริงอยู่เช่นนี้” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงอ่อนโยน “ข้าจะจดจำน้ำใจที่เจ้ามาบอกเรื่องนี้กับข้าไว้”

ต่งถิงอวิ๋นรีบโบกมือ “ข้าทำเพื่อความปรองดองของคนในตระกูลเจ้าค่ะ จะกล้าให้พี่หญิงติดค้างน้ำใจได้อย่างไรเจ้าคะ พี่หญิงกล่าวเช่นนี้ข้าจะอายุสั้นได้นะเจ้าคะ แค่พี่หญิงไม่คิดว่าข้าจงใจยุแยงก็พอแล้วเจ้าค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางชุนเถาที่ยืนอยู่ด้านล่างภูเขาจำลองแวบหนึ่ง จากนั้นหันไปกล่าวกับต่งถิงอวิ๋น “พี่เชื่อเจ้าอยู่แล้ว แม้พี่จะไม่เชื่อเจ้า แต่พี่ก็เชื่อสายตาของท่านยาย ท่านยายไม่มีทางเลี้ยงคนจิตใจอำมหิตไว้ข้างกายแน่นอน”

ต่งถิงอวิ๋นได้ยินคำนี้ ขอบตาของนางร้อนผ่าวทันที

ที่ต่งถิงอวิ๋นไม่ไปเรียนให้บิดาของตัวเองทราบ ทว่า มาบอกไป๋ชิงเหยียนแทนก็เพราะท่านพ่ออาจจะไม่เชื่อ กลับคิดว่านางเป็นอนุที่มีแผนการชั่วร้ายเหมือนบุตรอนุทั่วๆ ไป จงใจใส่ร้ายผู้อื่น นึกไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนจะเชื่อคำกล่าวของนาง

ต่งถิงอวิ๋นรีบพยักหน้ารัว “พี่หญิงกล่าวถูกต้องเจ้าค่ะ หากข้าเป็นคนต่ำช้าเช่นนั้น ท่านย่าไม่มีทางเลี้ยงข้าไว้ข้างกายแน่เจ้าค่ะ! ข้ายอมรับว่าข้าเป็นคนเจ้าเล่ห์ ทว่า ข้าเรียนรู้ส่งเหล่านั้นไว้ป้องกันหลัวอี๋เหนียงทำลายอี๋เหนียงของข้า ไม่มีเจตนาจะทำร้ายผู้ใดทั้งสิ้นเจ้าค่ะ! ท่านพ่อยุ่งอยู่กับงานของท่าน ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องในเรือนหลัง ท่านแม่กลัวจะถูกท่านพ่อตำหนิที่เรือนหลังวุ่นวายจึงสั่งห้ามไม่ให้พวกข้าไปฟ้องท่านพ่อ หลัวอี๋เหนียงประจบเอาใจท่านแม่เก่ง ข้า…”

ต่งถิงอวิ๋นเหมือนเก็บกดมานาน เมื่อเริ่มเอ่ยปากจึงกล่าวออกมาไม่หยุด ทว่า ทันใดนั้นก็ชะงักคำกล่าวไว้แค่นั้น หญิงสาวใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาที่หางตา ทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “ขออภัยเจ้าค่ะพี่หญิง ปกติข้าเป็นคนพูดมากอยู่แล้ว เมื่อเอ่ยปากจึงหยุดไม่ได้เจ้าค่ะ”

“มิเป็นอันใด” ไป๋ชิงเหยียนใจเย็นกับต่งถิงอวิ๋นซึ่งปฏิบัติต่อต่งเหล่าไท่จวินด้วยความกตัญญูมากกว่าผู้อื่น ประการแรกเพราะสงสารที่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในฐานะบุตรอนุ ประการที่สองคือรู้สึกขอบคุณที่นางทำให้ต่งเหล่าไท่จวินมีความสุข

เมื่อเดินลงมาจากภูเขาจำลอง ไป๋ชิงเหยียนจับมือชุนเถากลับไปยังเรือนพักพลางเอ่ยถาม “เมื่อวานเจ้าเจอบุรุษที่หน้าเรือนหนังสือของท่านน้าชายหรือไม่”

ชุนเถาไม่คิดปิดบังไป๋ชิงเหยียน “เมื่อวานอี๋เหนียงคนหนึ่งของใต้เท้าต่งพาพี่ชายของนางมาพบใต้เท้าเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางชุนเถาพลางเอ่ยถาม “คนผู้นั้นหน้าตาเป็นเช่นไร”

เมื่อชุนเถานึกถึงแววตาเล้าโลมของหลัวกุ้ยฟู่ก็รู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมาทันที นางขมวดคิ้วแน่นพลางกล่าว “ทั้งดำทั้งซูบ ไม่สูงสักเท่าใด แววตาของเขาดูเหมือนไม่ใช่คนดีสักเท่าใดเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ต่อไปอยู่ให้ห่างจากหลัวอี๋เหนียงเอาไว้ จำไว้ว่าเจ้าคือสาวใช้ข้างกายองค์หญิงเจิ้นกั๋ว นอกจากท่านยาย ท่านน้าชาย ท่านน้าสะใภ้ ฉางหลาน หรงเจี๋ยและบ่าวรับใช้ข้างกายของพวกเขาที่เจ้าเคยพบหน้า เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจผู้อื่นอีก! วางมาดการเป็นสาวใช้ใหญ่ข้างกายขององค์หญิงให้เต็มที่ เข้าใจหรือไม่”

ชุนเถาไม่เข้าใจว่าเหตุใดไป๋ชิงเหยียนถึงกล่าวเช่นนี้ ทว่า เมื่อนึกได้ว่าตนเองคือสาวใช้ข้างกายของคุณหนูใหญ่ ยางจะทำให้คุณหนูใหญ่ขายหน้าไม่ได้เด็ดขาด ชุนเถาจึงหยัดกายตรงพลางพยักหน้ารับ

“คุณหนูใหญ่ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้าจะจำไว้เจ้าค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนหลุดขำกับท่าทียืดอกอย่างมั่นใจของชุนเถา

ยามเซิน[1]เพิ่งผ่านพ้นไป ชุยซื่อ เสี่ยวชุยซื่อ ไป๋ชิงเหยียนและต่งฉางหลานกำลังสนทนาอยู่กับต่งเหล่าไท่จวิน หญิงชราเผ้าประตูเดินเข้ามารายงานว่าต่งชิงเยว่เชิญคุณชายใหญ่และคุณหนูเปี่ยวไปพบที่ห้องหนังสือ

[1] ยามเซิน เวลาระหว่าง 15.00-17.00