ตอนที่ 535 สตรีสูงศักดิ์

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 535 สตรีสูงศักดิ์

“วันนี้ตระกูลฝั่งน้าสะใภ้รองของเจ้าส่งผลไม้ตามฤดูกาลมาให้ แตงโมหวานฉ่ำมาก แม้เจ้าไม่ชอบทานหวาน แต่ลองชิมดูสักหน่อยเถิด”

กล่าวจบ ต่งเหล่าไท่จวินสั่งให้หวังหมัวมัวเตรียมกระดานหมาก จากนั้นให้สาวใช้ไปหั่นผลไม้มา

ไป๋ชิงเหยียนแสร้งทำเป็นไม่เห็นว่าต่งเหล่าไท่จวินร้องไห้ หญิงสาวรู้สึกปวดใจขึ้นมาเช่นกัน รีบก้มหน้าซ่อนดวงตาที่แดงก่ำของตนเอาไว้

ต่งเหล่าไท่จวินอารมณ์ดี ไป๋ชิงเหยียนจึงเล่นหมากเป็นเพื่อนท่านอยู่หลายตา หวังหมัวมัวและบรรดาสาวใช้ต่างมาห้อมล้อมดู กล่าวชมว่าฝีมือการเล่นหมากของไป๋ชิงเหยียนโด่งดังไปทั่วทั้งเมืองหลวง ทว่า ฝีมือของต่งเหล่าไท่จวินก็โดดเด่นไม่แพ้ผู้ใด ไม่รู้ว่ากระดานนี้ผู้ใดจะเป็นฝ่ายชนะกันแน่

ไป๋ชิงเหยียนเห็นว่าท่านยายของตนกำลังมีความสุขจึงแกล้งแพ้ให้นางเล็กน้อยทุกตา ทำให้นางมีความสุขกว่าเดิม

นึกไม่ถึงว่าต่งเหล่าไท่จวินจะเก็บหมากขาวบนกระดานลงในกล่องแล้วหันไปกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ “แก่แล้ว สมองเร็วสู้คนหนุ่มสาวไม่ได้ ยายแพ้แล้ว!”

ชุนเถาซึ่งถือกาน้ำชายืนอยู่ด้านหลังไป๋ชิงเหยียนรีบเอ่ยค้าน “ต่งเหล่าไท่จวินชนะไม่ใช่หรือเจ้าคะ”

หวังหมัวมัวใช้ผ้าเช็ดหน้าผิดปากหัวเราะ “เจ้าซื่อบื้อ! ดูไม่ออกหรือว่าคุณหนูของเจ้าอ่อนข้อให้ต่งเหล่าไท่จวิน”

ชุนเถาถูกหวังหมัวมัวที่ใจดีและเป็นมิตรเรียกว่าซื่อบื้อ ใบหน้าจึงแดงเถือกทันที นางเอ่ยถามเสียงเบาหวิว “เช่นนั้นถือว่าต่งเหล่าไท่จวินชนะหรือแพ้เจ้าคะ ข้าและพวกพี่สาวด้านนอกพนันกันว่าคุณหนูของข้าชนะเจ้าค่ะ”

คำกล่าวของชุนเถาทำให้คนบริเวณนั้นต่างหลุดหัวเราะออกมา หวังหมัวมัวหยอกว่าชุนเถาเป็นนักพนันตัวยง

หวังหมัวมัวรู้สึกดีใจ เรือนของต่งเหล่าไท่จวินไม่ได้ครึกครื้นเช่นนี้มานานแล้ว โชคดีที่คุณหนูเปี่ยวมาเยี่ยมท่าน

อยู่เป็นเพื่อนต่งเหล่าไท่จวินพักใหญ่ ไป๋ชิงเหยียนจึงปรนนิบัตินางเข้านอนพักผ่อน ทว่า สุดท้ายก็ไม่ได้นอนพักเพราะไป๋ชิงเหยียนถูกต่งเหล่าไท่จวินเรียกเข้าไปสนทนาเป็นการส่วนตัวเสียก่อน

ต่งเหล่าไท่จวินนั่งเอนกายพิงเก้าอี้ เมื่อไล่ทุกคนออกไปหมดแล้ว นางกุมมือของไป๋ชิงเหยียนแน่น มองไปทางหลานสาวด้วยดวงตาเป็นประกายพลางเอ่ยถึงเรื่องเสื่อมโทรมของราชวงศ์

“หากเจ้าเป็นผู้โค่นล้มราชวงศ์หลิน เจ้าคิดไว้แล้วหรือไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับท่านย่าของเจ้าเช่นไร” ต่งเหล่าไท่จวินมองดูไป๋ชิงเหยียนที่ขมวดคิ้วแน่น ไม่ยอมกล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น นางถอนหายใจพลางรั้งตัวหลานสาวเข้ามากอด ลูบแผ่นหลังของหลานสาวราวกับปลอบเด็กเล็ก “ยายไม่ได้จะจี้แทงใจดำเจ้า ท่านย่าของเจ้าคือองค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์หลิน ราชวงศ์คือบ้านของนาง นางจะทนดูอยู่เฉยๆ ได้อย่างไร ท่านย่าของเจ้าเกิดในราชวงศ์ มีความหยิ่งยโสและทรนงศักดิ์ศรี ราชวงศ์หลินสามารถดับสูญได้ นางไม่กลัวที่จะกลายเป็นองค์หญิงแห่งราชวงศ์ที่ดับสูญ ทว่า ผู้ที่จะทำให้ราชวงศ์หลินดับสูญต้องไม่ใช่ลูกหลานของนาง โดยเฉพาะหลานสาวที่นางเป็นคนเลี้ยงดูฟูมฟักมากับมืออย่างเจ้า!”

ต่งเหล่าไท่จวินก้มหน้ามองไป๋ชิงเหยียนที่อยู่ในอ้อมกอดของตน เอ่ยถามเสียงอ่อนโยน “เจ้าเข้าใจหรือไม่”

ไป๋ชิงเหยียนเม้มปากซบกายอยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นยายโดยไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น เทียบความสนิทสนม ไป๋ชิงเหยียนสนิทสนมกับองค์หญิงใหญ่มากกว่าต่งเหล่าไท่จวิน นางไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งต่งเหล่าไท่จวินจะกล่าวกับนางเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าท่านยายรักนางมากเพียงใด

ต่งเหล่าไท่จวินกล่าวถ้อยคำเหล่านี้กับไป๋ชิงเหยียนเพราะเมื่อคืนต่งชิงเยว่บอกปณิธานของไป๋ชิงเหยียนให้นางฟัง

ต่งเหล่าไท่จวินกลัว…กลัวว่าด้วยนิสัยขององค์หญิงใหญ่ หากไป๋ชิงเหยียนเป็นคนทำลายราชวงศ์หลินด้วยมือของนางจริงๆ องค์หญิงใหญ่จะฆ่าตัวตายเพื่อชดใช้ความผิดต่อราชวงศ์หลิน

หากเป็นเช่นนั้นขึ้นมาจริงๆ ไป๋ชิงเหยียนจะรู้สึกผิดและเสียใจมากเพียงใด หลานสาวของนางผู้นี้เป็นคนให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ นางกลัวว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นปมในใจของไป๋ชิงเหยียน กลัวว่านางจะคิดว่าตัวเองเป็นหลานอกตัญญูที่ทำให้ย่าของตัวเองต้องตาย

แทนที่จะกล่าวเรื่องนี้กับไป๋ชิงเหยียนภายหลังจากที่เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว มิสู้บอกให้นางเข้าใจและเตรียมใจรับมือกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นก่อน

“หลานเข้าใจเจ้าค่ะ!” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าเบาๆ อยู่ในอ้อมกอดของต่งเหล่าไท่จวิน แม้ปากจะบอกว่าเข้าใจ ทว่า หญิงสาวยังคิดหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ไม่ได้ หากมีวันนั้นจริงๆ นางควรจะกล่าวกับท่านย่าเช่นไร นางจะปลอบโยนท่านย่าเช่นไร นางยังไม่รู้จริงๆ

ต่งเหล่าไท่จวินลูบแผ่นหลังของหลานสาวอย่างปลอบโยน “ยายอยากไปช่วยโน้มน้าวองค์หญิงใหญ่แทนเจ้าจริงๆ ทว่า หากทำเช่นนั้นท่านย่าของของเจ้าจะยิ่งเสียใจ ยิ่งรู้สึกว่าหลานสาวที่นางเลี้ยงดูฟูมฟักมาตั้งแต่เล็กมีใจเหินห่างนาง คนผูกต้องเป็นคนแก้เอง อาเป่าเข้าใจเรื่องนี้ดีใช่หรือไม่”

ไป๋ชิงเหยียนไม่เอ่ยตอบ ได้แต่พยักหน้า

สองยายหลานสนทนากันต่ออีกครู่หนึ่ง ไป๋ชิงเหยียนจึงปรนนิบัติต่งเหล่าไท่จวินนอนพักผ่อน

ไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากห้องของต่งเหล่าไท่จวิน ต่งถิงอวิ๋นก้าวเข้ามาในเรือนพอดี สาวใช้ข้างกายของนางถือกล่องอาหารไม้ไผ่มาด้วย

“พี่หญิง” ต่งถิงอวิ๋นเอ่ยถามยิ้มๆ “ท่านย่าพักผ่อนแล้วหรือเจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “นอนหลับแล้ว”

“เช่นนั้นข้าคงไม่เข้าไปรบกวนแล้วเจ้าค่ะ พี่หญิงมีเวลาว่างหรือไม่เจ้าคะ ข้ามีน้ำองุ่นกุหลาบที่เพิ่งหมักเสร็จและพายดอกบัวฝีมืออี๋เหนียงของข้ามาด้วยเจ้าค่ะ พี่หญิงอยากลองชิมสักหน่อยหรือไม่เจ้าคะ” ต่งถิงอวิ๋นหันหลังไปรับกล่องอาหารมาจากสาวใช้ แสดงเจตนาว่าต้องการนั่งคุยกับไป๋ชิงเหยียน สายตาเหลือบมองไปทางชุนเถาซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของไป๋ชิงเหยียนอย่างสงบเสงี่ยม จากนั้นกล่าวอย่างระมัดระวัง “ข้ามีเรื่องอยากจะสนทนากับพี่หญิงเจ้าค่ะ”

ต่งถิงอวิ๋นไม่เคยไปเมืองหลวงและซั่วหยาง ไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างบุตรภรรยาเอกและบุตรอนุของตระกูลไป๋ ทว่า สำหรับตระกูลสูงศักดิ์แล้ว บุตรภรรยาเอกและบุตรอนุมีฐานะแตกต่างกัน นางเป็นบุตรที่เกิดจากอนุ หากมีผู้ใหญ่อยู่แล้วนางกล่าวสิ่งใดกับบุตรภรรยาเอก บุตรภรรยาเอกจะเกรงใจผู้ใหญ่และยอมคุยกับนางสองสามประโยค

ทว่า หากพบกันเป็นการส่วนตัว บุตรภรรยาเอกเหล่านั้นล้วนดูถูกบุตรที่เกิดจากอนุ ที่สำคัญญาติผู้พี่ของนางผู้นี้เคยเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงที่สูงส่ง เป็นสตรีที่สูงศักดิ์อย่างแท้จริง ยิ่งบัดนี้เป็นถึงองค์หญิง ต่งถิงอวิ๋นไม่รู้ว่านางเอ่ยปากชวนเช่นนี้ ไป๋ชิงเหยียนจะดูถูกนาง หาข้ออ้างปฏิเสธนางแล้วเดินจากไปหรือไม่ ต่งถิงอวิ๋นรู้สึกประหม่ามาก

ไป๋ชิงเหยียนได้ยินจึงพยักหน้าเล็กน้อย

ต่งถิงอวิ๋นเห็นไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ปฏิเสธ อีกทั้งไม่ได้มีทีท่าฝืนใจ นางจึงยิ้มกว้างอย่างดีใจ “เช่นนั้นไปนั่งที่ศาลาซานสุ่ยเถิดเจ้าค่ะ ที่นั่นบรรยากาศดีมากเจ้าค่ะ!”

ชุนเถาเห็นดังนั้นจึงก้าวไปรับกล่องอาหารมาถือไว้แล้วถอยหลังกลับมาที่เดิม จากนั้นเดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนไปยังศาลา

ศาลาซานสุ่ยงดงามสมชื่อ มีทั้งภูเขาและลำธาร เมื่อขึ้นไปนั่งบนภูเขาจำลอง ด้านหนึ่งเป็นทะเลสาบใสที่มีหมู่ปลาแหวกว่ายและดอกบัวงดงาม อีกด้านคือต้นไม้สูงใหญ่ที่เขียวขจี

ชุนเถาและสาวใช้ของต่งถิงอวิ๋นหยิบพายดอกบัว พายดอกไห่ถังและน้ำองุ่นกุหลาบหมักออกมาจัดวางบนโต๊ะ เรียงตะเกียบแกะสลักสีเงินและถ้วยน้ำลงบนโต๊ะอย่างเรียบร้อย

เมื่อจัดเตรียมทุกอย่างเสร็จแล้ว ชุนเถาและสาวใช้ของต่งถิงอวิ๋นจึงถอยหลังไปยืนอยู่ห่างๆ

ลมเย็นพัดผ่าน ผ้าม่านในศาลาซานสุ่ยพลิ้วไหวเล็กน้อย ต่งถิงอวิ๋นรินน้ำหมักให้ไป๋ชิงเหยียน “ก่อนพี่หญิงเดินทางมาเติงโจว พี่หญิงคงไม่รู้ว่ามีน้องสาวอย่างข้าอยู่อีกคน”

“ท่านแม่บอกกับพี่ก่อนเดินทางมาแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ จากนั้นเอ่ยถามต่อ “เจ้ามีสิ่งใดจะสนทนากับพี่อย่างนั้นหรือ”