บทที่ 555 ข้าเพียงพูดไปเรื่อย
บทที่ 555 ข้าเพียงพูดไปเรื่อย
ใบหน้าของหลินซือเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกมากลับโดนเจี่ยงเถิงเคาะหัวทีหนึ่ง “เด็กโง่ ข้าหลอกเจ้า ข้าจะนอนบนพื้นส่วนเจ้าก็นอนบนเตียง เวลานี้ก็ค่ำแล้วรีบเข้านอนกันเถอะ ข้าอยู่ตรงนั้น ถ้ามีเรื่องอะไรก็เรียกข้า” ว่าพลางเจี่ยงเถิงก็ปูผ้าห่มลงบนพื้น
หลินซือตะลึงงันอยู่ที่เดิม กระทั่งผ่านไปครู่หนึ่งจึงได้สติ ค่อย ๆ เดินไปนั่งลงบนเตียง
ในห้องนี้ทั้งชื้นและเย็น และช่วงนี้ก็เป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ อากาศจึงหนาวเย็นมาก เจี่ยงเถิงนอนบนพื้นจะต้องโดนลมพัดจนตัวแข็งเป็นแน่แท้ แต่ใครจะอนุญาตให้เขาขึ้นมานอนบนเตียงกับตนเล่า ถ้าเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไป ตนเองก็คงจะไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้!
หลินซือตบตีอยู่กับเรื่องนี้อยู่พักใหญ่ แล้วจึงตัดสินใจ ‘เมื่อลองเปรียบเทียบดูแล้วสุขภาพของพี่อาเถิงเป็นสิ่งที่สำคัญ พวกเขาคงจะไม่ทำเรื่องอะไร อีกทั้งที่นี่ก็ไม่มีผู้อื่น คงไม่มีผู้ใดพูดเรื่องนี้กระมัง’
“พี่อาเถิง…เช่นนั้นท่านมานอนบนเตียงเถอะ บนพื้นมันเย็น ข้าเกรงว่าท่านจะถูกลมพัดจนแข็ง เตียงหลังนี้ค่อนข้างใหญ่ ข้าจะนอนด้านในและท่านนอนด้านนอก…เช่นนั้นแล้วก็ไม่น่าจะเป็นอะไร” หลินซือเอ่ยอย่างลังเล
เจี่ยงเถิงหยุดชะงัก หัวใจพลันเต้นระรัว แต่ใบหน้ายังแสร้งทำเป็นนิ่งเฉย “อาซือเจ้าอย่าได้เป็นกังวลไปเลย ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก แค่นอนบนพื้นคืนเดียวไม่เป็นอะไรหรอก เจ้ารีบนอนเถอะ”
ใคร ๆ ก็รู้ว่าหลินซือไม่มีทางปล่อยให้เด็กหนุ่มนอนบนพื้น จึงเอ่ยขึ้นอย่างข่มขู่ “ถ้าท่านจะนอนบนพื้น ข้าก็จะนอนบนพื้นเช่นกัน”
ว่าพลางก้าวลงมาจากเตียง
เจี่ยงเถิงได้แต่ยอมจำนน “ก็ได้ ๆ ข้าจะนอนบนเตียง ให้ตายเถอะแม่คุณทูนหัว เจ้ารีบนอนเถอะ ไม่เช่นนั้นพรุ่งนี้จะตื่นไม่ไหวเอาได้ ถ้าข้าไม่ได้อยู่กับเจ้า ถ้าหากมีหนูวิ่งเข้ามาข้าคงจะปกป้องเจ้าไม่ได้เป็นแน่”
หลินซือได้ยินคำว่าหนูจึงรู้สึกกลัวขึ้นมา จึงรีบข่มตานอนอย่างเชื่อฟัง
เจี่ยงเถิงมองไปที่การกระทำแสนน่ารักและซุกซนของหลินซือ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา
เด็กหนุ่มเดินมาหยุดลงข้างเตียง และค่อย ๆ ล้มตัวลงนอน เพื่อที่จะไม่ให้เด็กสาวคิดมาก เขานอนอยู่ตรงริมเตียง หากพลิกตัวก็คงจะตกลงไป
ชาตินี้คงไม่สามารถหาใครอีกคนที่สามารถเสียสละทุ่มเทให้ตนเองได้เช่นนี้ สำหรับเจี่ยงเถิงแล้ว อาซือเปรียบเหมือนกับแสงจันทร์ที่สะท้อนอยู่บนผืนน้ำ ก็เหมือนกับใจคนต่อให้จะชิดใกล้เพียงใด ทว่ากลับห่างไกลกันเหลือเกิน
เด็กหนุ่มรอคอยมาโดยตลอด รอให้เด็กสาวรู้ใจของตนเอง รอคอยวันที่นางเติบโต รอจนกว่านางจะโตมากพอ รอมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็ไม่ท่าทีว่านางจะเริ่มรู้สึกตัว
หลินจื้อกำลังจะแต่งงานกับไป๋หรูปิง พวกท่านอาซูจะต้องกำหนดวันแต่งงานของอาซือขึ้นมาอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาสู่ขอจะไม่มีวันได้ก้าวพ้นธรณีประตูจวนท่านแม่ทัพ!
เด็กหนุ่มไม่อาจรอได้อีกต่อไป สิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดล้วนบอกกับตนเอง ถ้าขืนยังรอต่อไปอาซือคงจะถูกผู้อื่นแย่งชิงไป นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดเด็กหนุ่มจึงให้สัญญากับเซี่ยเชียนว่าจะคอยช่วยองค์รัชทายาท นั่นก็เพื่อการช่วยเหลือตนเอง
“พี่อาเถิง ท่านนอนหลับหรือยัง?” หลินซือเอ่ยขึ้นแผ่วเบา
เจี่ยงเถิงไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาครู่หนึ่ง ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยขึ้น “ยังไม่ได้นอน ทำไมหรือ?”
หลินซือยิ้มและเอ่ยขึ้นอย่างซุกซน “ไม่มีอะไร ก็แค่อยากถาม พี่อาเถิงเรื่องนี้ท่านต้องเก็บเป็นความลับนะ ไม่ว่ากับผู้ใดก็ห้ามพูด ข้าเป็นสตรี ถ้าหากว่าคนอื่น ๆ รู้เข้าคงจะโดนหัวเราะเยาะเข้า ใช่แล้ว เหตุใดท่านจึงบอกว่าสหายกู้ว่าพวกเราเป็นสามีภรรยากัน บอกว่าเป็นพี่น้องไม่ได้หรือ?”
เจี่ยงเถิงลืมตาขึ้น เด็กหนุ่มมองออกไปยังนอกหน้าต่างแล้วเอ่ยขึ้น “เพราะตอนนั้นข้ายังไม่รู้ว่าสหายกู้เป็นคนอย่างไร ถ้าหากข้าบอกไปว่าเป็นพี่น้อง ถ้าหากว่าเขาต้องการพาเจ้าไปเป็นภรรยาจะทำเช่นไร? พวกเขามีจำนวนมาก ข้าเองก็ไม่มีทางที่จะชนะพวกเขา จึงต้องทำเป็นอ่อนแอและบอกว่าพวกเรามาเพื่อเที่ยวเล่น เช่นนี้แล้วพวกเขาจะได้ลดความระมัดระวังลง แต่โชคดีที่พี่กู้เป็นคนดีคนหนึ่ง”
หลินซือพยักหน้าภายในความมืด “จริงด้วย ข้าเองก็มองว่าสหายกู้เป็นคนที่มีเรื่องราวอะไรบางอย่าง แววตาของเขาเมื่อครู่ข้าไม่เคยเห็นที่ไหนเลย อาจจะเป็นความพิเศษต่อคนที่เขาชอบ จู่ ๆ ข้าเองก็รู้สึกอิจฉาแม่นางคนนั้นขึ้นมาที่มีคนคอยคิดถึงคอยเป็นห่วงเช่นนี้”
เมื่อเจี่ยงเถิงได้ยินเด็กสาวเอ่ยเช่นนี้ก็รู้สึกไม่มีความสุข จึงเอ่ยแย้งว่า “เจ้ารู้ได้เช่นไรว่าไม่มีผู้ใดคิดถึงเจ้า? เจ้าเองก็ไม่เคยพิจารณาแววตานั้นอย่างถี่ถ้วนเลยไม่เคยเข้าใจถึงความหมาย เจ้าเชื่อข้าเถอะ มีคนชอบเจ้ามาก ๆ มากที่สุด”
“ท่านแน่ใจได้เช่นไร? ท่านรู้หรือไม่ว่าคนคนนั้นเป็นใคร? พี่อาเถิงท่านบอกข้าหน่อยได้ไหม” หลินซือสนใจทันใด
เจี่ยงเถิงรู้ว่าตนนั้นพูดเยอะเกินไปแล้ว จึงกระแอมสองสามครา“ข้าจะรู้ได้อย่างไร? ข้าก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อย สิ่งที่ข้าอยากจะพูดคือ อาซือเจ้าไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีใครชอบสตรีแบบเจ้า เพียงแค่เจ้าเป็นเจ้าก็ดีแล้ว”
หลินซือชอบการพูดเช่นนี้ของเจี่ยงเถิงมาก หญิงสาวเอ่ยพึมพำอะไรสักอย่าง ทว่าอีกฝ่ายผล็อยหลับไปแล้วจึงไม่ได้ยินในสิ่งที่นางพูดด้วย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แม่นางคนนั้นของสหายกู้หายไปไหนกันน้า ขอให้มีวันได้กลับมาเจอกันอีกครั้งเถอะ
ติดพี่ชายโซนมันก็ลำบากหน่อยนะเจี่ยงเถิง เมื่อไหร่จะก้าวข้ามฐานะพี่ชายมาเป็นคนรักได้กันหนอ
ไหหม่า(海馬)