บทที่ 590 ดัชนีทานตะวันกับฝ่ามือเคลื่อนดารา
บทที่ 590 ดัชนีทานตะวันกับฝ่ามือเคลื่อนดารา
ซูอันเผยสีหน้าแปลกประหลาด เขาเองก็สับสนมากเช่นกัน
ถ้ามีคนถามเขาว่าผู้เฒ่ามี่ดีกับเขาหรือไม่? เขาก็ต้องยอมรับว่าชายชราได้ถ่ายทอดสุดยอดวิชาแก่เขา และสอนทักษะการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งให้กับเขา
อย่างไรก็ตาม สายตาของผู้เฒ่ามี่กลับทำให้เขารู้สึกราวกับว่าชายชรามีแรงจูงใจซ่อนเร้นบางอย่าง
แต่แรงจูงใจนี้คืออะไร?
ระดับการบ่มเพาะของเขาต่ำ ภูมิหลังและฐานะทางสังคมของเขาไม่มีนัยสำคัญ ไม่มีเหตุผลใดเลยที่ผู้เฒ่ามี่จะหวังอะไรจากเขาได้ ส่วน ‘วิชาปฐมบทแรกเริ่ม’ เขาได้รับมันหลังจากที่ผู้เฒ่ามี่เลือกที่จะช่วยเขา ดังนั้นจึงไม่สามารถเป็นแรงจูงใจได้
ไม่มีทางที่ผู้เฒ่ามี่จะรู้เกี่ยวกับคีย์บอร์ดเช่นกัน หรือว่าชายชราคนนี้ชอบข้าหรือเปล่า…?
กล้ามเนื้อหูรูดของซูอันกระชับขึ้นเมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นในใจของเขา
“เมื่อแก่ตัวลง คนเราย่อมคิดที่จะทิ้งมรดกไว้เบื้องหลัง” ผู้เฒ่ามี่ตอบ “เจ้าก็รู้ว่าคนอย่างเจ้าและข้าไม่สามารถมีทายาทได้ นอกจากจะรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม เจ้ายังมีลูกชายบุญธรรม แต่ข้าไม่มีใครเลย”
“อ้อ เจ้าอยากให้เขาสืบสานมรดกของเจ้า” เว่ยต้านดูพอใจกับคำตอบนั้น ขันทีชอบที่จะรับบุตรบุญธรรม ตัวเขาเองก็รับมาบ้างแล้ว แต่ผู้เฒ่ามี่ยังไม่มี ความคิดเช่นนี้เป็นเรื่องธรรมดา “น่าเสียดาย เราเคยเป็นเพื่อนร่ำสุรา ใครจะไปรู้ว่าเราจะจบลงด้วยการเป็นศัตรูกัน”
ผู้เฒ่ามี่ถอนหายใจอย่างเสียใจ “ใช่แล้ว ในบรรดาผู้ที่เข้ามาในวังพร้อมกับเรา ตอนนี้เหลือเราแค่สองคน…”
ทันใดนั้น ยังไม่ทันจะพูดจบประโยค ผู้เฒ่ามี่ก็ปรากฏตัวที่ด้านข้างของ เว่ยต้านราวกับผีและเอานิ้วชี้ไปที่ชายโครงของอีกฝ่าย ดอกทานตะวันที่สวยงามปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้ว
หัวใจของซูอันเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง เขาจำทักษะการเคลื่อนไหวนั้นได้มันคือวิชาร่างก้าวทานตะวัน!
เขาคิดว่าตัวเองเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วแล้วเมื่อใช้วิชาเดียวกันนี้ แต่เมื่อเทียบกับความเร็วของผู้เฒ่ามี่ที่เขาเพิ่งเห็น ตัวเขานั้นไม่ต่างอะไรกับรถแทรกเตอร์ที่กำลังคิดจะวิ่งแข่งกับเฟอร์รารี่!
หงจงและฉู่เทียนเซิงตายด้วยดัชนีนิ้วเดียวนี้เช่นกัน แต่ครั้งนั้น ผู้เฒ่ามี่ ดูไม่ยี่หระอะไร แตกต่างกับคราวนี้ที่เห็นได้ชัดว่าเขาทุ่มสุดตัวซึ่งไม่ต้องเดาก็รู้ว่าดัชนีนี้ย่อมรุนแรงอย่างที่สุด!
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าผู้เฒ่ามี่จะเร็วปานสายฟ้าแลบ แต่เว่ยต้านก็ดูเหมือนจะคาดการณ์เอาไว้แล้วกับการโจมตีรูปแบบนี้ นิ้วทั้งห้าของมือซ้ายเขาเผยออกเป็นฝ่ามือและซัดสวนดัชนีที่อันตรายถึงตายซึ่งกำลังเสียดแทงเข้าหา!
ตู้ม!
คลื่นความร้อนกระจายออกจากจุดที่นิ้วและฝ่ามือปะทะกัน ต้นไม้ที่อยู่บริเวณโดยรอบทั้งหมดได้หักโค่นลงในทันที และก้อนหินที่ยึดติดแน่นกับพื้นก็กระเด็นออกไปไกลในท้องฟ้า
ก้อนหินก้อนหนึ่งเกือบตกลงใส่เท้าของซูอัน เขาจ้องไปที่มันอย่างตะลึงงัน การต่อสู้ครั้งนี้รุนแรงยิ่งยวด มันเกินจินตนาการของผู้บ่มเพาะทั่วไปโดยสิ้นเชิง!
เขาเคยได้ยินมาว่าผู้บ่มเพาะระดับสูงสามารถมีพลังแข็งแกร่งพอที่จะเคลื่อนย้ายสวรรค์และโลก จากสิ่งที่ชายหนุ่มเพิ่งเห็น ดูเหมือนว่ามันอาจจะเป็นแบบนั้นได้จริง ๆ
เมื่อฝุ่นที่ฟุ้งกระจายหายไป เผยให้เห็นนักสู้สองคนที่เผชิญหน้ากัน ผู้เฒ่ามี่ขมวดคิ้วและไม่โจมตีต่อ เห็นได้ชัดว่าปฏิกิริยาของคู่ต่อสู้รวดเร็วเกินความคาดหมายของเขา
เว่ยต้านหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาปิดปากและไอค่อกแค่กก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชา “ อิ๋งน้อยเอ๋ย อิ๋งน้อย…เวลาผ่านไปนานมากแล้ว แต่นิสัยของเจ้ายังเป็นเช่นเดิม เจ้ายังคงเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายไม่เปลี่ยน ข้าเกือบจะตกหลุมพรางซะแล้ว”
ผู้เฒ่ามี่พ่นลมหายใจ “ใครจะเทียบเจ้าได้ในเรื่องความเจ้าเล่ห์มากด้วยแผนการ? เจ้ารู้อยู่เต็มอกว่าข้าจะโจมตีอย่างไร แต่เจ้ากลับยังคงแสร้งทำท่าทางเลินเล่อเพื่อหลอกล่อข้า ถ้าข้าไม่ไหวตัวทัน ข้าอาจตกอยู่ในกับดักของเจ้าไปแล้ว”
ซูอันกะพริบตาปริบ ๆ ฟังจากบทสนทนานี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันไปหลายชุดแล้ว
แต่สิ่งที่เขามองทันเมื่อครู่คือมีแค่ชายชราตระกูลเว่ยใช้ฝ่ามือรับนิ้วของผู้เฒ่ามี่!
เว่ยต้านยิ้ม “เคยมีขุนนางผู้หนึ่งได้พูดประโยคซึ่งดีมาก หากต้องการเป็นข้าราชบริพารที่ซื่อสัตย์ จักต้องมีความเจ้าเล่ห์ให้มากกว่าเหล่าขุนนางที่ฉ้อฉล กับคนทรยศเช่นเจ้า ข้าไม่จำเป็นต้องเกรงใจ กลอุบายใดที่สามารถจัดการกับเจ้าได้ ข้าย่อมนำออกมาใช้ทั้งหมด!”
ผู้เฒ่ามี่ถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าเจ้าได้สำเร็จฝ่ามือเคลื่อนดาราจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว ข้าอิจฉาเจ้าจริง ๆ”
เว่ยต้านพ่นลมหายใจ “ก็เหมือนกับกับดัชนีทานตะวันของเจ้าไม่ใช่หรือ? ดัชนีของเจ้าเมื่อครู่รุนแรงพอที่จะเจาะตัวข้าให้เป็นรูได้อย่างง่ายดายหากข้าพลาดพลั้ง”
หลังจากแลกเปลี่ยนคำเยินยอประโยคสั้น ๆ ทั้งสองต่างก็เงียบ พวกเขากำลังประเมินกันและกันอย่างระแวดระวัง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เว่ยต้านก็เริ่มไออีกครั้ง
ผู้เฒ่ามี่เคลื่อนไหวทันที เหล่าดอกไม้ในสวนที่อยู่โดยรอบดูเหมือนจะเคลื่อนไหวไปพร้อมกับเขา
กลีบดอกไม้นับไม่ถ้วนหมุนวนอยู่รอบ ๆ ตัวผู้เฒ่ามี่ จนเขาคล้ายกลายเป็นดอกทานตะวัน!
อย่างไรก็ตามซูอันรู้สึกแปลก ๆ ที่เห็นภาพนี้
หากเป็นสาวสวยที่แสดงทักษะนี้ ภาพที่เขากำลังจับจ้องอยู่มันคงงดงามน่าทึ่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้เฒ่ามี่กลับกลายเป็นจุดศูนย์กลางของเหล่ากลีบดอกไม้แทน มันทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกนกขี้ใส่ตา
ดวงตาของเว่ยต้านหรี่ลงเมื่อเขาเห็นกลีบดอกไม้จำนวนมากพุ่งเข้าหา เขาตระหนักได้ว่ากลีบดอกไม้เหล่านี้คมราวกับใบมีดโกน เขาโยนผ้าเช็ดหน้าไปข้างหน้าเพื่อต้านรับพวกมันทันที
ผ้าเช็ดหน้าซึ่งมีขนาดแค่เท่าฝ่ามือ จู่ ๆ ก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นหลายสิบจั้ง ซึ่งใหญ่พอที่จะครอบคลุมทั้งลาน
ซูอันคิดว่ามันเป็นเพียงผ้าเช็ดหน้าที่มีแต่น้ำลายและเชื้อโรค แต่แท้จริงแล้วมันกลับเป็นอาวุธวิเศษ!
ว่าแต่ หากผ้าเช็ดหน้าผืนนี้สามารถขยายใหญ่ขึ้นได้ แล้วพวกน้ำลายและเชื้อโรคบนผ้าเช็ดหน้ามันจะขยายใหญ่ขึ้นตามไปด้วยหรือเปล่า?
หากไอ้พวกน้ำลายหรือเชื้อโรคมันขยายใหญ่ตามได้ แบบนั้นคงไม่ต้องรอให้มันรัดคอตาย แค่ความขยะแขยงก็สามารถทำให้ใครก็ตามที่โดนมันสัมผัสช็อกตายได้แล้ว!
จู่ ๆ ผ้าเช็ดหน้าก็คลี่ออก มีแสงดาวปกคลุมพื้นผิวคล้ายทะเลดวงดาว
ผ้าเช็ดหน้าเริ่มหมุนเร็วขึ้นเรื่อย ๆ กลีบดอกไม้ที่ผู้เฒ่ามี่ปล่อยออกมานั้นถูกดูดเข้าไปในกระแสวนของดวงดาวที่เกิดจากผ้าเช็ดหน้าอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นพริบตาถัดมา ผ้าเช็ดหน้าก็ม้วนตัวเข้าห่อหุ้มผู้เฒ่ามี่ไว้ข้างในเหมือนรังไหม!
อย่างไรก็ตาม ผู้เฒ่ามี่ก็ไม่ได้ยอมจำนนง่าย ๆ เช่นกัน เขาใช้ดัชนีดอกทานตะวันแทงที่ผ้าเช็ดหน้าและพยายามฉีกมันออก
เว่ยต้านไม่กล้าประมาท เขาโคจรพลังไปยังฝ่ามือของตนเองและตะโกนเสียงก้อง “ฝ่ามือเคลื่อนดารา!”
บนฝ่ามือของเขาจู่ ๆ ก็ปรากฏลูกบอลแสงระยิบระยับ จากนั้นเขาก็เหวี่ยงลูกบอลแสงในมือเขวี้ยงไปทางผู้เฒ่ามี่อย่างรวดเร็วและทำซ้ำเช่นนั้นอย่างไม่หยุดหย่อน
ลูกบอลแสงสีน้ำเงินที่กะพริบวิบวับ กระแทกใส่ผู้เฒ่ามี่ซึ่งยังคงถูกห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง