ตอนที่ 429 สมบัติยังไม่ปรากฏ ผู้ยิ่งใหญ่มาถึงก่อนแล้ว (1)
ชีวิตมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ มักจะมีความทุกข์ยากลำบากที่ไม่คาดฝันอยู่เสมอ
ตัวอย่างเช่น จู่ๆ เขาก็ถูกบางสิ่งกระแทกร่างขณะเดิน และถูกการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์ฟาดฟันเก้าครั้งติดต่อกันขณะฝึกหลอมโอสถอย่างกะทันหัน ซึ่งแต่ละครั้งที่ถูกฟาดฟันนั้น จะรุนแรงกว่าครั้งล่าสุดเสมอ ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส…
แต่มนุษย์เราต้องเรียนรู้ที่จะเข้มแข็ง การข้ามผ่านความทุกข์ยากด้วยใจสงบสุขก็เป็นสิ่งที่แสดงออกถึงความเป็นบุรุษเต็มตัวเช่นกัน
ใช่ การลงทัณฑ์แห่งสวรรค์ก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์
ในยามอาทิตย์อัสดง หลี่ฉางโซ่วซึ่งเปลี่ยนเสื้อคลุมใหม่ที่หลิงเอ๋อร์ทำให้ กำลังนอนอยู่บนเก้าอี้โยกหน้าหอโอสถและกำลังจ้องมอง ‘ถุงสมบัติเลือดกระอัก’ ที่กลายเป็นขี้เถ้าในฝ่ามือของเขา เขารู้สึกถึงพลังฤทธิ์เยียวยาของโอสถฟื้นฟูวิญญาณระดับหกสองเม็ดในขณะที่ความสบายค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั่วร่าง และเขาก็เผยรอยยิ้มผ่อนคลายและมีความสุขออกมา
เขาต้านทานสายฟ้าได้บ้างแล้ว และต่อไป หากถูกสายฟ้าฟาดอีกครั้ง อาการบาดเจ็บของเขาก็จะลดลงได้บ้าง…
หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ยังคงกังวลต่อไป หากตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนจินทุกตัวต้องถูกการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์ แล้วผู้ใดจะทานทนมันได้?
ไม่มีวิถีทางอื่นในการแก้ปัญหานั้นได้ เขาจะลองอีกครั้งได้เมื่อหายดีแล้วเท่านั้น
หากการสร้างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนจินทุกตัวจะทำให้ผู้สร้างต้องต้านทานเก้าทัณฑ์สวรรค์ เขาก็ทำได้เพียงละทิ้งวิถีทางนี้ไปเท่านั้น
เพื่อความปลอดภัย หากเขากระตุ้นการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์เมื่อสร้างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนจินตัวที่สองในภายหลัง เขาจะทำลายตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวที่สองทันทีและดูว่าเขาจะทำให้การลงทัณฑ์แห่งสวรรค์ถอนตัวกลับไปได้หรือไม่…
แม้สมบัติจะล้ำค่า แต่ชีวิตน้อยๆ ก็ล้ำค่ายิ่งกว่า
ไม่ใช่ว่า เขาใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนเทียนไม่ได้ อย่างมากที่สุด เขาก็จะใช้กลวิธีในการอาศัยปริมาณของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์จำนวนมากเพื่อคว้าชัยชนะ!
หลี่ฉางโซ่วสูดลมหายใจเข้าลึกพลางพยายามลุกขึ้นยืนด้วยความรู้สึกชาและเจ็บไปทั้งตัวราวกับว่าเขากำลังจะแตกสลาย…
เขาเดินกลับไปที่หอโอสถและพบชั้นวางตำราตรงมุมห้อง จากนั้น ก็ประกบฝ่ามือทั้งสองข้าง เพื่อสร้างตราผนึกและใช้วิชาแปลงร่างที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว
เขาแปลงร่างเป็นผีเสื้อตัวน้อย แล้วเข้าไปในช่องมืดหลังแจกันตรงมุมชั้นวางตำรา
มีเสียงฝีเท้าดังมาจากทางด้านข้าง เป็นร่างหลัก ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หมายเลขสามที่เข้าตำแหน่งและได้รับงานแล้ว มันเดินไปที่เตาหลอมโอสถและนั่งสมาธิอย่างเหมาะสม
ความจริงแล้ว ในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วเพ่งจิตไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนจินเพียงตัวเดียว และเขากำลังขับเคลื่อนให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวนี้ เคลื่อนตัวตรงไปที่ค่ายกลเส้นชีพจรปฐพีใต้ดิน
ร่างจำแลงเซียนจินนั้น ใช้เวทหลบหนีได้ราบรื่นมาก…
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วมีความคิดไร้สาระอยู่ในใจ
ข้าบังเอิญสร้างสิ่งอัศจรรย์และพิเศษขึ้นมาเองหรือไม่?
เขาก้มศีรษะลงมองตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของเขา แล้วจ้องไปที่เม็ดโอสถที่โคจรช้าๆ อยู่ในท้องของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์พลางนึกถึงวิธีการฝึกฝนยอดนิยมของเต๋าปราณวิญญาณในโลกบรรพกาลยามนี้…
เนื่องจากสภาพแวดล้อมในโลกบรรพกาลเหมาะสมสำหรับการฝึกบำเพ็ญมากเกินไป ทุกสถานที่นอกดินแดนเทวะทักษิณ เต็มไปด้วยพลังวิญญาณบริสุทธิ์ และสามารถขุดเส้นชีพจรวิญญาณจากภูเขาใดก็ได้
ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ มนุษย์จะก้าวไปบนวิถีการฝึกบำเพ็ญได้ไม่ยาก ผู้ใดก็ตามที่มีความสามารถและวิธีการฝึกฝน ย่อมก้าวไปตามวิถีนี้ได้ เป็นเพียงว่าตำแหน่งที่พวกเขาสามารถไปถึงได้นั้นแตกต่างกัน
ดังนั้น ระบบการฝึกบำเพ็ญในขณะนี้คือ การปรับแต่งพลังปราณ ฝึกฝนปราณวิญญาณ และทะยานขึ้นสู่เซียนโดยตรง
หากสภาพแวดล้อมภายนอกไม่ได้ยอดเยี่ยมเช่นนั้น ผู้ฝึกบำเพ็ญก็จำเป็นต้องชำระล้างพลังวิญญาณให้บริสุทธิ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการกลายเป็นเซียน…
นั่นจะไม่ต้องใช้ระบบการฝึกบำเพ็ญอีกแบบใช่หรือไม่?
เต๋าใหญ่โอสถทองคำ?
หากมีเวลาเพียงพอ เขาก็สามารถสรุประบบการฝึกบำเพ็ญใหม่ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่มี “พลังวิญญาณที่อ่อนแอ” ได้! ข้าได้กลืนโอสถทองคำลงไปในท้องของข้าแล้ว ชีวิตของข้า… แค่กๆ เบื้องบน เหนือศีรษะข้า ยังคงเป็นท้องฟ้าเดิมอยู่!
เมื่อคิดเช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วก็สัมผัสได้ถึงอันตรายในใจ ราวกับว่ามีดวงตาคู่หนึ่งกำลังเฝ้ามองเขาอยู่
นี่ไม่ใช่การดูร่างของเขาเองหรือร่างจำแลงของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ แต่เป็นการมองดูปราณวิญญาณของเขาเอง วิญญาณที่แท้จริงของเขาพร้อมแฝงนัยเตือนเล็กๆ
หลี่ฉางโซ่วทำลายความคิดของเขาแตกเป็นชิ้นๆ ในทันทีและโค้งคำนับขึ้นไปในอากาศพร้อมกับคอยย้ำเตือนตัวเองในใจ
ไม่คิดถึงมัน ไม่คิดถึงมัน!
เหตุใดข้าถึงเอาแต่คิดถึงเรื่องไร้สาระเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา!?!
ทันทีที่ความรู้สึกว่าถูกเฝ้ามองนั้นหายไป หลี่ฉางโซ่วก็ถอนหายใจโล่งอกและปล่อยให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋าเซียนจินหลบหนีลึกลงไปในทันที และมุ่งหน้าไปยังบริเวณ ‘ภูเขาไร้หัว’
หลังจากการสืบนานกว่าครึ่งเดือน หลี่ฉางโซ่วก็รู้ถึงรายละเอียดของสถานที่นั้นเช่นกัน
เมืองปีศาจบนภูเขาไร้หัว เรียกว่า ‘เมืองซื่อเถี่ย’ ซึ่งเป็นเมืองสำคัญของเผ่าปีศาจ
เผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจได้ต่อสู้กันมานานหลายปีตั้งแต่สมัยโบราณ แต่เผ่ามนุษย์ไม่อาจทำลายเผ่าปีศาจได้ และเผ่าปีศาจก็ไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้อีก และทั้งสองฝ่ายล้วนตกอยู่ในทางตัน
นอกเหนือจากความสัมพันธ์ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกันและกันแล้ว เผ่าปีศาจและเผ่ามนุษย์ยังสร้างความเข้าใจโดยปริยายเช่นกัน พวกเขาจะเปิดเมืองบางส่วนเพื่อให้พวกเขาทั้งสองฝ่ายได้สื่อสารและทำสิ่งต่างๆ ร่วมกัน
ตัวอย่างเช่น บริเวณชายแดนดินแดนเทวะอุดร มีเมืองมากมายที่มีผู้คนเป็นมนุษย์ และปีศาจปะปนกัน
เมืองที่นักพรตเต่าไขว่ซือไปก็เป็นหนึ่งในนั้น
เมืองซื่อเถี่ยเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของจอมปราชญ์ปีศาจในศาลปีศาจโบราณ เมืองนี้น่าจะได้รับการตั้งชื่อตามผู้นำเผ่าปีศาจเพื่อให้เกียรติรำลึกถึงเขา
ผู้รับผิดชอบดูแลสถานที่แห่งนี้คือ เผ่าปีศาจวัวกระทิง ซึ่งถือได้ว่าเป็นเผ่าใหญ่ในหมู่เผ่าปีศาจยามนี้
สิ่งสำคัญที่สุดคือ หลี่ฉางโซ่วได้สืบหามานานแล้ว แต่ไม่มีใครบอกได้ว่า ยังมีปรมาจารย์เผ่าปีศาจที่รอดชีวิตมาจากสมัยโบราณบ้างหรือไม่
หลี่ฉางโซ่วไม่กล้าประมาทในเรื่องนี้เลย
เขาเคยเห็นฉากที่หัววัวและหน้าม้าทำร้ายและเอาชนะปรมาจารย์เผ่าอสุรา และในสงครามโบราณ หัววัวและหน้าม้าก็เป็นปรมาจารย์เผ่าเวทที่ติดตามโฮ่วถู่เหนียงเหนียงไปสู่แดนยมโลก แต่ไม่มีผู้ใดรู้
หากใช้หน้าม้าและหัววัวเป็นตัววัดพลังการต่อสู้ของเซียนจินทั่วไปในสมัยโบราณ ก็อาจมีบางตัวตนในหมู่ปีศาจวัวกระทิงที่นี่ ที่ยากจะรับมือได้อยู่บ้าง
หุบเขาที่ผู้ยิ่งใหญ่ ฝูซีทำนายว่าจะเป็นที่ตั้งของสมบัติวิญญาณคือ “ดินแดนเผ่า” ของปีศาจวัวกระทิงนี้…
ดึงเส้นผมเส้นเดียวแล้วขยับทั้งร่าง[1]
ในขณะนั้น เขาได้จัดการแยกแยะข้อมูลทุกอย่างและได้สรุปเป็นชุดข้อมูลที่มีประสิทธิผล เมืองซื่อเถี่ยอุดมไปด้วยโลหะล้ำค่า เหมาะสำหรับการหลอมมีดคม ปีศาจกระทิงไม่ถือว่าเป็นศัตรูต่อเผ่ามนุษย์ พวกเขาดำรงอยู่มานานหลายหมื่นปีและอยู่ในกฎเกณฑ์เงียบๆ ทุกครั้งที่มนุษย์กับปีศาจเกิดความขัดแย้งกัน พวกเขาจะนิ่งเฉย ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวด้วย
ดูเหมือนว่า ผู้ฝึกบำเพ็ญมนุษย์จะไม่สนใจสถานที่แห่งนี้ และไม่มีสำนักเซียนหรือองค์กรใดๆ ที่จะเป็นผู้นำในการกวาดล้างปีศาจ
แต่เมืองซื่อเถี่ยเป็นดินแดนของเผ่าปีศาจและมีปรมาจารย์เผ่าปีศาจจำนวนมากที่มีกรรมลึกล้ำอยู่ภายในนั้น และบางครั้ง ผู้ฝึกบำเพ็ญมนุษย์ก็ถูกโจมตีเมื่อออกจากเมืองไป
แน่นอนว่า ผู้ฝึกบำเพ็ญมนุษย์ที่กล้าจะไปที่นี่ ย่อมต้องมีทักษะและความสามารถบางอย่าง และอย่างน้อยที่สุด ก็มีระดับฐานพลังเซียนเสิ่นขั้นปลาย…
หลี่ฉางโซ่วสืบหาข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างไร?
แน่นอนว่า การรวบรวมข้อมูลข่าวกรองเหล่านี้ทำเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ แต่ยังต้องใช้วิธีการบางอย่างด้วย
อย่างแรก หลี่ฉางโซ่วใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋าชราให้ลอบเข้าไปในเมืองซื่อเถี่ยโดยอ้างว่าเขาต้องการซื้อทองคำดำ
สองสามวันต่อมา เขาไปที่สำนักเซียนและเมืองซึ่งใกล้สถานที่แห่งนี้ที่สุดด้วยร่างของเด็กสาวและหญิงชรา เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับปีศาจกระทิงในเมืองซื่อเถี่ย
อย่างแรก เด็กสาวไปที่สำนักเซียนซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ และถามผู้อาวุโสพิทักษ์สำนักว่า เห็นท่านปู่ของนางหรือไม่ ปู่ของนางบอกว่าเขากำลังจะไปที่ที่เรียกว่า และนางก็อ้างว่านางไม่รู้ว่าเมืองซื่อเถี่ยนี้อยู่ที่ใด
จากนั้น หญิงชราก็ไปที่เมืองใกล้ๆ นั้นและถามว่ามีใครเคยเห็นสามีของนางมาก่อนหรือไม่ และใช้โอกาสนี้รวบรวมข่าวลือต่างๆ ในเมืองซื่อเถี่ย…
ด้วยวิธีนี้ เขาย่อมสามารถตรวจสอบข่าวสารจากแหล่งต่างๆ หลากหลายได้ และไม่ต้องกลัวว่าจะถูกสอดแนม
………………………………………………………………..
[1] การกระทำเล็กๆ อย่างหนึ่งหรือของเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เกิดเรื่องใหญ่หรือผลกระทบต่อสถานการณ์ทั้งหมด คล้ายกับน้ำผึ้งหยดเดียว